ตี้หลิงหานจ้องมองมองไปที่ฮวาเหยียนและเฝ้าดูดวงหน้าของนางที่ค่อยๆ เ็าขึ้นเรื่อยๆ เขามองดูแสงในดวงตาของนางที่ค่อยๆ อ่อนจางลงทีละน้อย
เดิมทีเขาคิดว่าเขาจะยินดียิ่ง ด้วยความที่สตรีผู้นี้ใจกล้าบ้าบิ่น อีกทั้งยังขวัญกล้าเทียมฟ้า หยอกล้อเขาเล่น ทำให้เขาอับอายขายหน้าและก็ยังทำให้เขาเสียหน้าด้วย
ทว่าในยามนี้ เมื่อมองดูดวงตาแมวของนางที่แต่เดิมเต็มไปด้วยไหวพริบพลันเปลี่ยนเป็เยือกเย็นไร้ซึ่งแสงสว่างสดใส ความรู้สึกของเขาราวกับได้รับผลกระทบไปด้วย อารมณ์ของเขาเปลี่ยนเป็ร่วงหล่นอย่างรวดเร็ว หลังจากนั้นก็เป็ความรู้สึกที่มิอาจอธิบายได้ ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นอย่างเ็าว่า "พูดสิ"
ฮวาเหยียนไม่อาจเล่นลิ้นได้แล้ว ในตอนนั้นยังจะพลิกแพลงอันใดได้อีก?
หลักฐานนั้นมัดแน่น กลิ่นหอมของดอกบัวพันปีระหว่างริมฝีปากและฟันของนางที่ไม่อาจสลายหายไปได้ แม้จะเล่นลิ้นไปก็ไม่มีประโยชน์ เพราะถึงจะเถียงกับตี้หลิงหานไปอย่างไรนางก็แพ้อยู่ดี
นางเม้มริมฝีปากสีแดงของนาง ก่อนจะพูดอย่างเ็าว่า “ข้าเอง”
แม่นางที่หยิ่งผยองก่อนหน้านี้ได้จากไปแล้ว เงาร่างของนางดูแล้วช่างหดหู่เล็กน้อย ราวกับว่านางไม่เคยพบเจอกับความโชคร้ายเท่านี้มาก่อน นางสิ้นท่าในเงื้อมมือของบุรุษผู้หนึ่ง ซึ่งเป็การสิ้นท่าจนมิอาจลุกขึ้นเองได้เลย
“ลูกเหยียน นี่คือเื่จริงหรือ? ”
ด้านหลังของนาง จู่ๆ เสียงของมู่เอ้าเทียนก็ดังขึ้น
ร่างกายของฮวาเหยียนแข็งค้าง นางไร้ซึ่งเรี่ยวแรงแม้แต่จะหันศีรษะกลับ นางผู้ซึ่งไม่เกรงฟ้าไม่กลัวดิน ทว่าบัดนี้กลับไม่รู้ว่าจะเผชิญหน้ามู่เอ้าเทียนอย่างไร ในใจของเขานั้นรู้ดีว่าบุตรสาวของเขาทั้งฉลาดเฉลียวถึงเพียงนั้น แน่นอนว่านางไม่มีทางทำเื่แย่ๆ เช่นการขโมยของผู้อื่นได้และเขาก็เชื่อใจนางยิ่งนัก
ฮวาเหยียนรู้สึกแย่เหลือเกิน ใน่ยี่สิบปีที่ผ่านมา นางใช้ชีวิตอย่างอิสระไร้ขอบเขตและไร้ซึ่งขีดจำกัด แต่นางก็ไม่เคยรู้สึกแย่เฉกเช่นวันนี้
นางหลับตาลง และแล้วสิ่งที่นางกลัวที่สุดคือการสูญเสียความอบอุ่นจากบิดาที่นางไม่เคยได้รับมาก่อน
เพราะไม่เคยได้รับ จึงไม่อาจรู้ว่ามันเป็เช่นไร แต่ในตอนนี้เมื่อได้รู้แล้ว จึงไม่อยากจะเสียมันไป
แต่นางไม่ใช่มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่...
แท้จริงแล้วความสุขนี้คือสิ่งที่นางขโมยมา สุดท้ายแล้วในวันหนึ่ง นางก็ต้องคืนมันกลับไป
เมื่อเทียบกับข้อเท็จจริงที่ตี้หลิงหานรู้เกี่ยวกับการขโมยดอกบัวพันปี สายตาที่สิ้นหวังของท่านพ่อและท่านพี่ใหญ่ยิ่งทำให้นางไม่อาจยอมรับได้เลย
“ขออภัย มันเป็เื่จริงเ้าค่ะ”
หลังจากผ่านไปนาน ลำคอของฮวาเหยียนถึงจะค่อยๆ เปล่งเสียงออกมาจากลำคอของนางได้ ดวงตาของนางแดงก่ำ คำว่า 'ท่านพ่อ' ติดอยู่ที่ริมฝีปาก ไม่ใช่ว่าไม่คิดจะเรียกแต่เป็เพราะไม่กล้าเรียก นางกัดลิ้นแน่นเพื่อไม่ให้ตัวเองเผลอร้องไห้ออกมา
ทว่านางทุกข์ใจมากมายเหลือเกิน
“อะไรกัน? เป็เื่จริงหรือ ลูกกับองค์รัชทายาท ริมฝีปาก… สอดประสานกันหรือ? ลูกบอกพ่อมา เป็องค์รัชทายาทที่บีบบังคับเ้าใช่หรือไม่?”
มู่เอ้าเทียนคำรามด้วยความโกรธ ดวงตาสีแดงจ้องเขม็ง ท่าทีเจ็บใจราวกับจะะเิออก เขาเอื้อมมือออกไปและจับให้ฮวาเหยียนหันมาเผชิญหน้ากับเขา
ชายชาตรีร่างกายกำยำ บัดนี้ดวงตาแดงก่ำด้วยความโกรธ เมื่อมู่เอ้าเทียนคิดถึงความคับข้องหมองใจที่บุตรสาวของเขาต้องทนทุกข์ทรมาน ในใจมู่เอ้าเทียนพลันบังเกิดจิตสังหารขึ้น
“เ้าคะ? ”
ฮวาเหยียนถูกมู่เอ้าเทียนประคองไหล่ขึ้นมาพลางมองสำรวจรอบตัวนางขึ้นๆ ลงๆ การแสดงออกที่มีทั้งความกระวนกระวายและโกรธเคืองล้วนตกอยู่ในสายตาของฮวาเหยียนทั้งสิ้น
ท่านพ่อไม่โทษนางหรือ? ไม่ผิดหวังกับนางหรือ? เขาโกรธและกระวนกระวายถึงเพียงนี้ เพียงเพราะเขากังวลว่านางจะถูกตี้หลิงหานรังแก?
ฮวาเหยียนตะลึงงัน นางกลั้นน้ำตาเอาไว้เป็เวลานาน เพียงชั่วครู่หยาดน้ำใสก็พลันไหลรินออกมา
นางรีบยกมือขึ้นเช็ด แท้จริงแล้วนางมิใช่สตรีที่โปรดปรานการร่ำไห้ แม้ว่าวันเวลาจะผันผ่านมายี่สิบปี แต่จำนวนครั้งในการร้องไห้ของนางนั้นสามารถใช้มือข้างเดียวนับได้
ทว่าหลังจากที่ได้พบกับท่านพ่อแห่งตระกูลมู่แล้ว ความรู้สึกที่ส่งมาหานางในวันเดียวกลับยาวนานกว่าหลายปีที่ผ่านมา ราวกับว่า่เวลาที่ผ่านมาของนางช่างไร้ค่าเหลือเกิน
“บุตรสาวข้า อย่าร้องเลย พ่อจะจัดการเื่นี้ให้เ้าเอง ไม่จำเป็ต้องกลัว แม้แต่องค์รัชทายาทเองก็ไม่อาจรังแกผู้อื่นตามอำเภอใจได้”
เมื่อเห็นฮวาเหยียนร้องไห้ มู่เอ้าเทียนก็ยิ่งตื่นตระหนก
เขามองไปที่ตี้หลิงหาน ใบหน้านั้นช่างไม่น่ามองเอาเสียเลย ได้ยินเพียงมู่เอ้าเทียนที่เอ่ยอย่างเ็าและหยิ่งผยองว่า "ฝ่าา หากในวันนี้พระองค์ไม่สามารถอธิบายเื่ราวเหล่านี้อย่างสมเหตุสมผลให้กระหม่อมฟังได้ กระหม่อมจะไม่ยอมปล่อยผ่านเื่นี้ไปอย่างแน่นอน! ”
ตี้หลิงหาน "...! "
ใบหน้าดำสนิทราวกับเถ้าถ่าน
มู่เอ้าเทียนคนนี้กำลังมุ่งความสนใจไปผิดประเด็นใช่หรือไม่?
นอกจากนี้ องค์รัชทายาทผู้สง่างามคนนี้จำเป็ต้องอธิบายอันใดให้กับท่านอ๋องคนหนึ่งด้วย?
ตี้หลิงหานเลิกคิ้ว ไฟแห่งโทสะพุ่งทะยานเสียดฟ้า
ตระกูลมู่ ไม่ว่าจะเป็ผู้มากาุโหรือผู้อ่อนาุโล้วนแล้วแต่มีเื่ดีๆ ทั้งนั้น
"เป็บุตรสาวของท่านที่บังคับจุมพิตเปิ่นกง"
ประโยคนี้ตี้หลิงหานแทบจะกัดฟันพูดออกมา
มู่เอ้าเทียนยังคงไม่เชื่อ เขาหันไปขอการยืนยันจากฮวาเหยียน ก็พลันเห็นดวงตาแดงเรื่อของนาง รูปร่างหน้าตาที่งดงามของนางคล้ายกับภรรยาสุดที่รักของเขายิ่ง หัวใจของมู่เอ้าเทียนพลันอ่อนยวบลง "ลูกรัก นี่มันเื่อะไรกันแน่? ”
น้ำเสียงนั้นช่างให้ท้ายบุตรสาวจนแทบทนไม่ไหว
ราวกับว่าแม้บุตรสาวของเขาจะทำผิดแค่ไหนก็ไม่เป็ไร ตราบใดที่นางไม่เ็ปก็พอ
“ท่านพ่อ มันเป็อุบัติเหตุเ้าค่ะ”
ฮวาเหยียนพูดเบาๆ เพียงแค่คำเรียกขานว่าท่านพ่อของนางจะเต็มไปด้วยความเต็มใจและแฝงไปด้วยความอ่อนโยน นางรู้สึกกระอักกระอ่วนอยู่เล็กน้อย อันที่จริงนางคิดว่าหน้าของตนเองหนากว่ากำแพงเมืองมาเสมอ ทว่าตอนนี้นางกลับรู้สึกกระดากอายอยู่นิดหน่อย...
นอกจากนี้ ในใจของนางก็รู้สึกประทับใจมาก มากจริงๆ
ท่านพ่อหาได้ตำหนินาง สักนิดก็ไม่มี ความกังวลแรกของเขาคือนางถูกรังแกหรือไม่ ถูกเอารัดเอาเปรียบหรือเปล่า
ฮวาเหยียนหันไปมองมู่เสวียนเย่อีกครั้ง บนใบหน้าของท่านพี่ใหญ่แห่งตระกูลมู่กลับไม่มีสีหน้าตำหนิเลยแม้แต่น้อยเช่นกัน ใบหน้านั้นตึงเครียดเหมือนกันท่านพ่อ แสดงออกถึงความเป็กังวลอย่างชัดเจน
“ถ้าอย่างนั้นก็ดี ไม่ถูกเอาเปรียบก็ดีแล้ว”
มู่เอ้าเทียนถอนหายใจด้วยความโล่งอกพร้อมกับบ่นพึมพำ เื่นี้ทำให้เขาใยิ่งนัก เขาคิดว่าหากองค์รัชทายาททรงทำเื่นอกลู่นอกทางกับบุตรสาวของเขา เขาเองก็พร้อมที่จะจัดการต่อทันที พวกเขาตระกูลมู่จงรักภักดียิ่ง แต่ทว่าองค์รัชทายาทก็ไม่อาจมารังแกบุตรสาวสุดที่รักของตระกูลมู่ผู้ซึ่งสูญหายและเพิ่งกลับมาได้ไม่นาน ไม่ได้เป็อันขาด!
สีหน้าของตี้หลิงหานไม่สามารถทนดูต่อไปได้แล้ว เขายืนนิ่งด้วยใบหน้าที่สงบ เฝ้าดูความรักสุดลึกซึ้งของพ่อลูกตระกูลมู่
"ไอ๊หยา... ในที่สุดข้าก็เข้าใจแล้ว!!! "
เป็เวลานั้นเอง เจียงจื่อเฮ่าที่ถูกทิ้งไว้ด้านข้างเป็เวลานานในที่สุดก็ส่งเสียงร้องออกมา เขาโผล่หัวออกมาข้างหน้า สายตาคู่นั้นก็จ้องมองไปทางซ้ายและขวา มองไปที่ตี้หลิงหานทีหนึ่งแล้วมองไปที่ฮวาเหยียนอีกทีหนึ่ง “ฮ่า องค์รัชทายาท ท่านจุมพิตมู่อันเหยียนหรือ...”
ตี้หลิงหาน "...! "
ฮวาเหยียน "...! "
พ่อลูกตระกูลมู่ "...! "
เจียงจื่อเฮ่าเ้าโง่ เงียบไปได้หรือไม่ ยังมีคำว่าจุมพิตอีก? ถ้อยคำหยาบคายเช่นนี้...
เจียงจื่อเฮ่านี้ความรู้สึกช้าเสียจริงแต่เขากลับไม่รู้สึกถึงสายตารังเกียจด่าทอของผู้อื่นเลย ใบหน้าเขาตื่นเต้นอย่างออกนอกหน้ายิ่ง เขาะโโลดเต้นต่อหน้าตี้หลิงหาน“ฮ่าๆๆ องค์รัชทายาท สมแล้วที่ท่านเป็คนที่ข้าชื่นชมมาั้แ่เด็ก น่าทึ่งมากจริงๆ เพื่อพิสูจน์ว่าดอกบัวพันปีถูกมู่อันเหยียนขโมยไป ท่านถึงกับเสียสละความบริสุทธิ์ของตนเอง...
ฮ่าๆๆ หากท่านไม่จูบปากนางก็คงไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าดอกบัวพันปีถูกนางขโมยไป ช่างฉลาดและเฉียบแหลมจริงๆ …”
เจียงจื่อเฮ่ายกนิ้วโป้งให้ตี้หลิงหาน
ริมฝีปากบางของตี้หลิงหานเม้มแน่น เส้นเืบนหน้าผากของเขาปูดนูนขึ้น ตอนนี้ถ้าเขาตบเจียงจื่อเฮ่าลอยขึ้นฟ้าไปจะยังทันอยู่หรือไม่?
โดยเฉพาะอย่างยิ่งสายตาแปลกๆ ที่มู่เอ้าเทียนและมู่เสวียนเย่มีต่อเขาในขณะนี้
เขาพูดไม่ออกจริงๆ !
ถึงแม้ว่าในความเป็จริงมู่อันเหยียนจะบังคับจูบเขา ซ้ำยังป้อนยาพิษให้แก่เขาก็ตาม!
ตอนนี้หลังจากการวิเคราะห์ของเจียงจื่อเฮ่า เหตุใดถึงกลายเป็เขาที่ยอมสละตัวเอง เพื่อที่จะสืบเสาะหาหลักฐานว่ามู่อันเหยียนเป็ผู้ขโมยดอกบัวพันปีไป จนต้องบังคับจูบมู่อันเหยียนเล่า?
"เปิ่นกงบอกแล้วว่า เป็มู่อันเหยียนที่บังคับจุมพิตเปิ่นกง"
ตี้หลิงหานกัดฟันตอบ
“องค์รัชทายาท ท่านไม่จำเป็ต้องอธิบายอะไรแล้ว ทุกคนล้วนเข้าใจ ปัญหาสำคัญตอนนี้คือดอกบัวพันปีถูกมู่อันเหยียนขโมยไปและนางก็กินมันเข้าไปแล้ว เื่นี้ควรทำอย่างไรดี? ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้