“ได้สิ!” ดวงตาของหนานกงหลิงซวงฉายแววอย่างโอหัง ก่อนจะพยักหน้าให้โจวมู่ไป๋ นางปลุกิญญาาหงส์ขั้นเขียว ในระดับพลังเดียวกันใครจะสู้ด้วยได้ จากนั้นหนานกงหลิงซวงหันไปมองเย่เฟิง กล่าวว่า “รอข้าเอาชนะเขาแล้วจะมาเก็บเ้า!”
“แล้วข้าจะรอ” เย่เฟิงกล่าวพลางแสยะยิ้ม หนานกงหลิงซวงกับโจวมู่ไป๋ต่างเป็คนหยิ่งผยอง มีทิฐิสูง ้าเป็ผู้ชนะ เช่นนั้นเขาจะมองดูอยู่ข้าง ๆ มันก็ยังไม่สาย
กล่าวจบ หนานกงหลิงซวงหมุนตัวไป เงาหงส์ปรากฏผลุบ ๆ โผล่ ๆ ที่ด้านหลัง แสงห้าสีพวยพุ่งออกจากร่างประหนึ่งเทพแปลงกาย เทพศักดิ์สิทธิ์แห่งยุค
“การบ่มเพาะของเ้าแกร่งมากก็จริง แต่เมื่ออยู่ระดับเดียวกัน เ้าก็ไม่ใช่คู่ปรับข้า” หนานกงหลิงซวงกล่าวด้วยท่าทีอวดดี พลางมีกลิ่นอายหงส์แผ่ออกมา
“ฟู่!” เพลิงนิพพานอันร้อนแรงทะยานขึ้นฟ้า อุณหภูมิพลันสูงขึ้นราวกับถูกหลอมละลาย
“ลงมือ!” หนานกงหลิงซวงปลดปล่อยพลังปราณ เพลิงนิพพานรายล้อมกาย
“งั้นข้าไม่เกรงใจแล้วนะ!” สายตาของโจวมู่ไป๋เผยประกายแหลมคม เงาต้าเผิงขั้นเขียวกะพริบและมีพลังปราณแผ่ออกมา
ต้าเผิงคือาาแห่งท้องนภา เป็ตัวแทนของความเร็ว ทั้งยังมีพลังโจมตีที่แข็งแกร่งมาก
โจวมู่ไป๋สืบทอดคุณลักษณะทั้งสองอย่างของิญญาาต้าเผิง เขาไม่เพียงแต่ว่องไว พลังโจมตียังแกร่งกล้ามากด้วย
เห็นโจวมู่ไป๋แผดเสียงะโอย่างเกรี้ยวกราดพร้อมควบแน่นพลังหยวนที่ฝ่ามือ ก่อนจะปล่อยออกไป เงาต้าเผิงที่ด้านหลังส่งเสียงร้อง ห้วงอากาศสั่นไหว ก่อให้เกิดพายุบ้าคลั่ง
หนานกงหลิงซวงอึ้งไปชั่วครู่ เงาหงส์ที่ด้านหลังปลดปล่อยพลังเกรงขาม เพลิงนิพพานคำราม ก่อนนางจะปล่อยพลังฝ่ามือออกไป ห้วงอากาศกลายเป็ทะเลเพลิง อุณหภูมิที่สูงนั่นราวกับหลอมละลายทุกอย่าง
“ปัง!” ตามมาด้วยเสียงดังะเิ พลังฝ่ามือของโจวมู่ไป๋กับหนานกงหลิงซวงเข้าปะทะกัน พลังหยวนไร้ที่สิ้นสุดและเพลิงนิพพานอาละวาดอย่างบ้าคลั่ง จนทั้งสองถอยหลังไปหนึ่งก้าวพร้อมกัน
ดวงตาของหนานกงหลิงซวงเผยประกายแหลมคม เคล็ดวิชาฝ่ามือพลันเปลี่ยนไป หงส์กู่ร้อง ทันใดนั้นพลังมงคลรายล้อมกาย เพลิงนิพพานควบแน่นเป็หงส์ไฟอยู่ที่ด้านหน้า ก่อนจะพุ่งไปโจมตีโจวมู่ไป๋ ทุกที่ที่หงส์ไฟผ่าน อุณหภูมิจะสูงขึ้นฉับพลัน
สายตาของโจวมู่ไป๋ส่องประกายคมกริบ เห็นเขาเดินออกมา ก่อนจะเคลื่อนที่ในพริบตากลายเป็เสี้ยวเงา หลบหลีกหงส์ไฟที่โจมตีเข้ามา จากนั้นตวัดกรงเล็บออกไป ประหนึ่งกรงเล็บต้าเผิงที่แท้จริง มันเต็มเปี่ยมไปด้วยพลังทำลายล้าง
“ไป!” หนานกงหลิงซวงดีดนิ้ว พลันลูกบอลเพลิงนิพพานถูกปล่อยออกไป ก่อนเข้าปะทะกับกรงเล็บของโจวมู่ไป๋
เปลวไฟอันน่าสะพรึงกลัวแผดเผาไม่หยุด โจวมู่ไป๋รู้สึกเจ็บที่แขนและรีบใช้พลังหยวนเข้าต้านทาน
ขณะเดียวกันหนานกงหลิงซวงปล่อยการโจมตีอีกครั้ง ปีกขนาดใหญ่ของิญญาาหงส์กระพือ เพลิงนิพพานรายล้อมกาย ก่อนจะปล่อยเปลวไฟออกไป
โจวมู่ไป๋นิ่งไปชั่วครู่ก่อนร่างจะกลายเป็เสี้ยวเงา หลบหลีกการโจมตีของิญญาาหงส์ในพริบตา จากนั้นตวัดกรงเล็บออกไปสามครั้ง มันอัดแน่นไปด้วยปราณแหลมคมที่น่ากลัวราวกับฉีกห้วงอากาศได้อย่างไรอย่างนั้น
“แผดเผา!” หนานกงหลิงซวงกล่าว เห็นนางผายมือ ก่อนเพลิงนิพพานจะพวยพุ่งออกไป เข้าปกคลุมสามกรงเล็บของโจวมู่ไป๋และแผดเผามัน
“หือ!” โจวมู่ไป๋ใ เพลิงนิพพานนี้ร้ายกาจมาก กรงเล็บของเขาก็มิอาจต้านทานได้ เขารีบเก็บกรงเล็บและถอยหลังไปอย่างรวดเร็ว
ทว่าเปลวไฟนั่นรุนแรงเกินไป มันเผาเสื้อผ้าบริเวณหน้าอกของเขาจนมอดไหม้
“หนานกงหลิงซวงผู้นี้ร้ายกาจมาก เพลิงนิพพานที่ิญญาาหงส์ปล่อยออกมาช่างทรงพลัง เมื่อเปรียบเทียบกัน ิญญาาต้าเผิงของโจวมู่ไป๋ดูด้อยลงถนัดตา ดีที่โจวมู่ไป๋เคลื่อนไหวเร็ว ก็เลยประคับประคองได้” เห็นฉากนี้เหล่าผู้คนต่างก็ตะลึงงันและหัวใจเต้นระรัว
ทุกคนมองเวทีประลองไม่ละสายตา เพราะศึกใหญ่ยังไม่จบ
ณ กลางอากาศ ิญญาาขั้นเขียวสองตนกำลังต่อสู้กัน พลังทำลายล้างปะทุอย่างบ้าคลั่ง และปะทะกันอย่างต่อเนื่อง
ซ่งซินหลิงนิ่งงัน สีหน้าบ่งบอกว่าเป็กังวล นางดูออกว่าต่อหน้าพลังโจมตีของหนานกงหลิงซวง โจวมู่ไป๋ศิษย์พี่ของนางเปราะบางลงอย่างเห็นได้ชัด
บนอัฒจันทร์ เหล่าคนของตระกูลโจวเผยสีหน้าบูดเบี้ยว โจวมู่ไป๋คือความภาคภูมิใจในขั้นบ่มเพาะกายาของตระกูลโจวพวกเขา บัดนี้กลับถูกหนานกงหลิงซวงกำราบเสียได้
หนานกงเฉินและคนของตระกูลเฉินมีท่าทีพอใจ ในระดับเดียวกัน หนานกงหลิงซวงแกร่งกว่าโจวมู่ไป๋อย่างที่คาดไว้
“ปัง ปัง ปัง!” หนานกงหลิงซวงปล่อยพลังฝ่ามือติดต่อกันสามครั้ง เพลิงนิพพานทรงพลังอย่างมาก โจวมู่ไป๋ถอยหลังเพราะไม่มีวิธีที่จะต่อต้านการโจมตีของหนานกงหลิงซวงได้
โจวมู่ไป๋หน้าขาวซีด เหงื่อค่อย ๆ ผุดขึ้น ด้วยการโจมตีของหนานกงหลิงซวง โจวมู๋ไป๋รู้สึกหายใจไม่ออก มิอาจประคับประคองได้อีก
“ข้าแพ้แล้ว!” โจวมู่ไป๋ถอยหลังหลายก้าวก่อนกล่าวเช่นนั้น สีหน้าบูดเบี้ยวน่าเกลียด เพียงสามคำง่าย ๆ เพียงแค่อยากพูดออกไปกลับยากเข็ญนัก
เขาโจวมู่ไป๋คือผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งสุดในระดับต่ำกว่าขั้นรวมชี่แห่งเมืองหลวง มีพร์โดดเด่น วันนี้ต่อหน้าบรรดาผู้ฝึกยุทธ์ในเมืองหลวง กลับพ่ายแพ้ให้กับหนานกงหลิงซวงผู้ปลุกิญญาาหงส์ เื่นี้ช่างน่าอัปยศสิ้นดี
ซ่งซินหลิงดูหดหู่ลง ศิษย์พี่ยอดเยี่ยมเพียงนั้น คาดไม่ถึงว่าจะพ่ายแพ้เสียได้
คนของตระกูลโจวเผยสีหน้าไม่สู้ดี ใบหน้าดูหมองคล้ำไร้แสงประกาย
ขณะที่มองโจวมู่ไป๋ จ้าวฟ่านก็เหยียดยิ้มเยือกเย็น
โจวมู่ไป๋หันไปมองเย่เฟิงด้วยสายตาเยือกเย็น ไอสังหารแผ่ออกจากร่าง ก่อนกล่าวเสียงเย็นว่า “เศษสวะ มองอะไร? ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสั่งสอนเ้านะ”
ได้ยินเช่นนั้น เย่เฟิงหรี่ตาลงเล็กน้อย จากนั้นแสยะยิ้มกล่าวว่า “สั่งสอนข้างั้นหรือ?”
เย่เฟิงไม่ปฏิเสธคำพูดของโจวมู่ไป๋ โจวมู๋ไป๋ยิ้มอย่างเย็นเยียบกล่าวว่า “สั่งสอนแล้วอย่างไรเล่า? หรือเ้าอยากต่อต้าน?”
“แพ้คนอื่นแต่มาลงที่ข้า อ่อนปวกเปียก ยังกล้ามาบอกว่าจะสั่งสอนข้า เ้าช่างหน้าด้านเสียจริง ไม่รู้ว่าเ้าไปเอาความมั่นใจมาจากไหน” เย่เฟิงกล่าวพลางเผยยิ้มเย็น โจวมู๋ไป๋กับหนานกงหลิงซวงต่างยโสโอหังกำเริบเสิบสาน คิดว่าตัวเองไร้ศัตรูในใต้หล้า ช่างน่าขันนัก
“เศษสวะ เ้าจะอวดดีเกินไปแล้ว วันนี้ข้าจะสั่งสอนบทเรียนให้แก่เ้า”
โจวมู๋ไป๋ราวถูกเย่เฟิงยั่วโมโห จึงแผดเสียงะโอย่างโกรธเกรี้ยว ในดวงตาส่องประกายแสงเยือกเย็น แม้การบ่มเพาะอยู่ระดับเดียวกันก็ยังแพ้ให้หนานกงหลิงซวง หนำซ้ำเย่เฟิงคนไร้ชื่อเสียงยังกำเริบเสิบสานต่อหน้าเขาอีก
แต่พลังที่เย่เฟิงแสดงออกมาก่อนหน้านี้ไม่เลวเลย หากเขาสั่งสอนเย่เฟิงก็จะกู้หน้ากลับคืนมาได้
“พรึ่บ!” โจวมู่ไป๋กะพริบร่างเคลื่อนไหวดุจเสี้ยวเงาไปเยือนเบื้องหน้าเย่เฟิงในพริบตาเดียว ิญญาาต้าเผิงส่องแสงเป็ประกายก่อนจะปล่อยพลังฝ่ามือออกไป ทุก ๆ ที่ที่ฝ่ามือผ่านห้วงอากาศจะบิดเบี้ยวราวกับจะแตกสลาย
ถึงแม้ระดับการบ่มเพาะจะถูกกดอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 แต่พลังฝ่ามือของโจวมู่ไป๋ก็ถึงระดับสูงสุดของขั้นพลังนี้ พลังยากจะจินตนาการได้
“ไปให้พ้น!”
แววตาของเย่เฟิงเผยประกายเยือกเย็น โจวมู่ไป๋คนนี้ส่งหวังหลงและคนจำนวนหนึ่งไปลอบสังหารเขา เพียงเพราะเขาเดินทางกับซ่งซินหลิงตอนอยู่ที่เทือกเขาปี้หลิง แค้นนี้เย่เฟิงยังไม่ทันไปหาเขาเพื่อชำระ ไม่คิดว่าในการทดสอบของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนในวันนี้ โจวมู่ไป๋จะยั่วโมโหเขาก่อน
เคล็ดวิชาหอกเงินประกายโคจรภายในร่างกาย จากนั้นเขาปล่อยหมัดออกไป หมัดนั้นมีปราณแหลมคมแผ่ออกมาประหนึ่งรังสีหอกไร้ที่สิ้นสุด
ด้วยการกระตุ้นจากเคล็ดวิชาหอกเงินประกายของขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 หมัดนี้ของเย่เฟิงจึงอัดแน่นไปด้วยความโเี้ของรังสีหมัด และความดุดันของรังสีหอก
พลังสองประเภทผสานเป็หนึ่ง แล้วจะเทียบกับพลังโจมตีธรรมดา ๆ ได้อย่างไร? เพียงพริบตาการโจมตีทั้งสองก็เข้าปะทะกัน
“ตูม!!!”
เสียงะเิดังสนั่นหวั่นไหว พลังทำลายล้างถูกปลดปล่อย นาทีต่อมาเห็นโจวมู่ไป๋ถอยหลังไป แขนสั่นระริกไม่หยุด มีเืซึมตรงมุมปาก สีหน้าก็ดูไม่ได้
ทว่าเย่เฟิงยังคงอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนแม้แต่นิด สีหน้าเขาดูเป็ปกติ ลมปราณสงบนิ่งราวกับไม่ได้รับผลกระทบแม้แต่นิดเดียว
เมื่อเห็นฉากนี้ เหล่าผู้คนต่างตะลึงงัน มองเย่เฟิงที่เอามือไพล่หลังอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง
“พลังโจมตีของชายผู้นี้กำราบโจวมู๋ไป๋ผู้ปลุกิญญาาต้าเผิงขั้นเขียว ทั้งยังเป็ผู้ฝึกยุทธ์ที่แข็งแกร่งสุดในระดับต่ำกว่าขั้นรวมชี่ พลังนี้ยากจะคาดเดาได้” เหล่าผู้คนคิดในใจ เป็อีกครั้งที่ใกับพลังของเย่เฟิงที่แสดงออกมา
เหล่าคนของตระกูลโจวต่างเผยสีหน้าอึมครึม ซ่งซินหลิงเม้มปาก กำหมัดแน่น ไม่นึกว่าศิษย์พี่ของนางจะพ่ายแพ้สองครั้งติด นี่ทำให้ซ่งซินหลิงยอมรับได้ยาก
“แค่การโจมตีเดียวก็รับไม่ได้ ยังกล้าทำตัวอวดดี ช่างเป็คนที่น่าสงสารยิ่งนัก!” จ้าวฟ่านเยาะเย้ยโจวมู่ไป๋ด้วยสายตาเหยียดหยาม
สีหน้าของโจวมู่ไป๋ดูอึมครึม การต่อสู้ครั้งนี้เขาพูดได้เลยว่าแพ้ย่อยยับ ซึ่งฉากนี้เป็ที่ประจักษ์แก่ผู้คนนับไม่ถ้วน
หลังจากเขาโจวมู่ไป๋แพ้หนานกงหลิงซวง ต่อมายังแพ้เย่เฟิงอีกครั้ง วันนี้เขาโจวมู่ไป๋ถือว่าขายหน้ายิ่งนัก
“ทำเป็อวดดี หากข้าไม่ถูกกดอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 คงเอาชนะเ้าได้อย่างง่ายดาย!” โจวมู่ไป๋กล่าวกับเย่เฟิงด้วยเสียงเย็นเยียบ
“ฮ่า ๆ ๆ” เย่เฟิงะเิหัวเราะกล่าวว่า “เ้านี่ช่างหน้าไม่อาย เ้าอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 9 ส่วนข้าอยู่ขั้นบ่มเพาะกายาที่ 5 เ้ายังมีหน้ามาพูดเช่นนี้อีก ข้ารู้สึกเศร้าใจแทนเ้าจริง ๆ”
คำพูดของเย่เฟิงเต็มไปด้วยความแดกดัน ดวงตาเย็นเยียบคู่นั้นกวาดมองโจวมู่ไป๋ประหนึ่งรังสีหอกอันคมกริบ ราวกับทะลวงผ่านร่างโจวมู่ไป๋ได้
โจวมู่ไป๋อดตัวสั่นเทาไม่ได้ สีหน้าก็ยังบูดเบี้ยวน่าเกลียด
“ในสถานการณ์เช่นนี้ ข้าชิงชังยิ่งนักที่สู้กับคนอวดดีเช่นเ้า”
เย่เฟิงมองโจวมู่ไป๋ “ไสหัวไปซะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้