“กระบวนท่าที่หนึ่ง วิชาหอกพื้นฐาน!”
เย่เฟิงแผดเสียงะโ ก่อนจะปาหอกัเงินประกายออกไป แสงหอกฝ่าทะลวงห้วงอากาศ จากนั้นมีเสียงโครมดังขึ้นมา แสงหอกนั่นแทงทะลุลำต้นของต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกล จึงปรากฏรูโหว่ขนาดใหญ่ มันดูน่าทึ่งมาก!
เวลาเพียงสามวัน เย่เฟิงก็ฝึกวิชาหอกพื้นฐานได้ถึงระดับสุดยอด คล้ายเป็หอกเรียบง่าย แต่กลับแฝงด้วยพลังอันน่าทึ่ง
ขณะมองรูขนาดใหญ่บนต้นไม้ เย่เฟิงก็ชะงักไปชั่วครู่ เขาไม่เคยคิดว่ากระบวนท่าที่หนึ่งของหอกัเงินประกายจะทรงพลังถึงเพียงนี้ จากนั้นรอยยิ้มพึงพอใจปรากฏบนใบหน้าของเขา และเริ่มฝึกกระบวนท่าต่อไป
เย่เฟิงทำเช่นนี้จนเวลาล่วงเลยไป 15 วัน ฝึกเคล็ดวิชาหอกัเงินประกายถึงระดับห้า จนกระทั่งใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว ซึ่งการฝึกเช่นนี้ถือว่าไม่ช้าไม่เร็ว สามวันหนึ่งระดับ ค่อย ๆ เป็ค่อย ๆ ไป จนทำให้เย่เฟิงใช้หอกัเงินประกายได้อย่างถนัดมือ และเข้าใจวิชาหอกได้ดียิ่งขึ้น
วันเปิดรับศิษย์ใหม่ของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนค่อย ๆ ใกล้เข้ามา วันนี้เย่เฟิงมาถึงเขตพื้นที่ใกล้เคียงที่อยู่ภายใต้อำนาจของเมืองหลวงแล้ว
“วูบ!” แสงหอกฝ่าทะลวงห้วงอากาศ จากนั้นก็เห็นสัตว์อสูรระดับห้าตนหนึ่งถูกแทงศีรษะ จนร่างอันใหญ่โตล้มไปกองกับพื้น
“ตอนนี้ข้าฝึกเคล็ดวิชาหอกเงินประกายถึงระดับห้าแล้ว ข้าสามารถเอาชนะผู้อยู่ขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 5 ได้ง่าย ๆ แม้เผชิญหน้ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 7 ก็สามารถรับมือได้เช่นกัน” เย่เฟิงคิดในใจพลางเหยียดยิ้มมุมปากอย่างพึงพอใจ
เย่เฟิงเก็บหอกัเงินประกาย จากนั้นหยิบกริชเล่มหนึ่งออกมาแล้วเริ่มทะลวงร่างสัตว์อสูรและเก็บเยาตาน
เยาตานคือผลึกอย่างหนึ่งในร่างสัตว์อสูร ในนั้นอัดแน่นด้วยพลังที่น่าทึ่ง ทั้งยังเป็ส่วนผสมชั้นดีในการกลั่นยาเม็ด มันมีประโยชน์มหาศาลและยกระดับการบ่มเพาะ
เยาตานของสัตว์อสูรระดับห้าค่อนข้างล้ำค่า หากนำไปประมูลในตลาด อาจจะขายได้ราคางาม
เย่เฟิงย่อมไม่พลาด ครู่ต่อมาก้อนกลม ๆ สีขาวขุ่นเท่ากำปั้นปรากฏในมือของเย่เฟิง ทั้งยังเปล่งแสงแห่งพลังหยวนออกมาจาง ๆ นี่ก็คือเยาตานสัตว์อสูร
“ตรงนั้นมีคน พวกเราไปดูกันเถอะ” ไม่ไกลออกไปจากตรงนั้นมีสองเงาร่างเดินมา เป็ชายหนึ่งหญิงหนึ่ง
ชายหนุ่มหล่อเหลา แต่งตัวโอ่อ่าภูมิฐานดูสูงศักดิ์ ส่วนหญิงสาวสวยงดงาม ไม่ด้อยไปกว่าหนานกงหลิงซวง เป็สตรีคนหนึ่งที่หาได้ยากยิ่ง
ทั้งสองเดินมาหาเย่เฟิง หญิงสาวยิ้มให้เย่เฟิงก่อนกล่าวว่า “คุณชายท่านนี้กำลังเดินทางไปที่เมืองหลวงหรือ?” เสียงหวาน ๆ ของหญิงสาว ฟังไปแล้วก็อบอุ่นหัวใจ
“ใช่แล้ว ท่านทั้งสองมีอะไรหรือ?” เย่เฟิงกล่าวขณะมองหญิงสาวคนนั้น
“เราสองคนเจอกันระหว่างทาง จึงร่วมเดินทางไปยังเมืองหลวงด้วยกัน ข้าชื่อซ่งซินหลิง ส่วนคนนี้ชื่อหลี่เฟย” รอยยิ้มของหญิงสาวระบายอยู่บนใบหน้า รอยยิ้มของนางช่างมีเสน่ห์เหลือเกิน
“ข้าชื่อเย่เฟิง” เย่เฟิงก็แนะนำตัวเองเช่นกัน
“สามารถฆ่าสัตว์อสูรระดับห้าได้ เย่เฟิง พลังของเ้าไม่เลวเลยจริงๆ มิสู้ร่วมเดินทางกับพวกเรา คอยดูแลซึ่งกันและกัน หากฆ่าสัตว์อสูรได้พวกเราก็แบ่งของเท่า ๆ กัน เ้าคิดเห็นเช่นไร?” ซ่งซินหลิงกล่าว และดูจะสนใจความแข็งแกร่งของเย่เฟิงมาก
“ฆ่าสัตว์อสูรระดับห้าได้เก่งตรงไหน ข้าก็ทำได้เหมือนกัน” ไม่รอให้เย่เฟิงตอบซ่งซินหลิง หลี่เฟยที่อยู่ข้าง ๆ ก็เอ่ยด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง จากนั้นหลี่เฟยเหลือบมองเย่เฟิงด้วยสายตาดูแคลนคล้ายไม่พอใจเย่เฟิง
“เย่เฟิงเ้าไม่ต้องสนใจหรอก การบ่มเพาะของหลี่เฟยอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 6 พลังกล้าแกร่งมาก เพราะงั้นเขาก็เลยพูดได้ง่าย ๆ” ซ่งซินหลิงรีบอธิบายอย่างรวดเร็ว
“อืม”
เย่เฟิงพยักหน้าเล็กน้อยให้ซ่งซินหลิง จากนั้นโค้งประสานมือกล่าวว่า “ข้าชอบไปไหนมาไหนคนเดียว ต้องขอโทษแม่นางด้วย”
ได้ยินเช่นนั้นซ่งซินหลิงก็เผยสีหน้าผิดหวัง
“ชายจากถิ่นทุรกันดารคนหนึ่งจะมีอะไรดีเด่นกัน! คิดว่าตัวเองเก่งหรือ? แม่นางซ่งอย่าสนใจเขาเลย เราไปกันเถอะ!” ทันทีที่สิ้นเสียงของเย่เฟิง คำพูดดูถูกของหลี่เฟยก็ดังขึ้น
ขณะกล่าว ไม่รอให้ซ่งซินหลิงตอบสนอง หลี่เฟิยก็ดึงมือนางและออกไปจากที่นี่
“ก็แค่เศษสวะ ไม่ช้าก็เร็วจะกลายเป็อาหารของสัตว์อสูรในเทือกเขาปี้หลิงนี่” หลี่เฟยทิ้งคำพูดไว้ก่อนจากไป
เย่เฟิงถึงกับส่ายหัว ดูจากเครื่องแต่งกายของหลี่เฟยก็รู้แล้วว่าอีกฝ่ายเป็ลูกหลานจากตระกูลชนชั้นสูง เหมือนเซียวเจี๋ยก่อนหน้านี้ อาศัยบารมีของตระกูล ใช้อำนาจในทางที่ไม่ดี คนประเภทนี้ชอบดูถูกเหยียดหยามผู้อื่น
สองวันต่อมา เย่เฟิงยังคงอยู่ในเทือกเขาปี้หลิงและใช้เวลาไปไม่น้อย แต่ก็เริ่มใกล้ถึงเมืองหลวงแล้ว
“โฮก!” ทันใดนั้นมีเสียงคำรามของสัตว์อสูรดังขึ้นจากด้านหลังของเย่เฟิง ทำให้เย่เฟิงขมวดคิ้ว ก่อนจะหันกลับไปมอง
เห็นว่าไม่ไกลออกไปมีหมีั์อยู่ตรงนั้น กล้ามเนื้อกำยำอัดแน่นไปด้วยพลังที่น่ากลัว หมีั์ส่งเสียงคำรามพร้อมกับมีปราณอสูรพวยพุ่งออกมา
“สัตว์อสูรระดับหก!” เย่เฟิงนิ่งงัน สัตว์อสูรระดับหกเทียบเท่ากับผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 6 พลังแข็งแกร่งมาก อีกอย่างสัตว์อสูรยังเหนือกว่าผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์โดยกำเนิดทั้งด้านการโจมตีและการป้องกัน สัตว์อสูรจึงสามารถกำราบผู้ฝึกยุทธ์มนุษย์ได้อย่างง่ายดาย
แต่ตอนนี้เย่เฟิงอยู่เพียงขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 5 การเผชิญหน้ากับหมีั์ระดับหกตนนี้ ดูเหมือนจะเสียเปรียบอย่างสิ้นเชิง
“สัตว์อสูรระดับหก ข้าก็อยากเห็นนักว่าเ้าจะแข็งแกร่งแค่ไหน” ดวงตาของเย่เฟิงเผยประกายคมกริบ หอกัเงินประกายในมือกู่ร้องไม่หยุด เหมือนเตรียมพร้อมแล้ว
“โฮก!” หมีั์ส่งเสียงคำรามอย่างโกรธเกรี้ยว ก่อนจะพุ่งตัวเข้าใส่เย่เฟิง พร้อมอุ้งเท้าหมีขนาดใหญ่
เย่เฟิงขยับร่างเพื่อหลบเลี่ยงอุ้งเท้า
“วิชาหอกพื้นฐาน!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ ก่อนจะปาหอกออกไป ราวกับหอกสามารถทะลวงได้ทุกสิ่งทุกอย่าง
“วูบ” หอกแทงทะลุขาท่อนล่างของหมีั์จนเืไหลอาบ!
“โฮก โฮก!” หมีั์แผดเสียงคำรามอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาคู่โตแดงก่ำ ความเ็ปจากาแทำให้หมีั์คำราม จากนั้นจึงปล่อยหมัดโจมตีเย่เฟิงอย่างต่อเนื่อง
เย่เฟิงหลบการโจมตีของหมีั์ มีหลายครั้งที่เกือบโดนตัวเย่เฟิง แม้เย่เฟิงจะหลบหลีกได้ แต่ตามร่างกายก็ยังคงมีาแ
เย่เฟิงเผยสีหน้าตึงเครียดเล็กน้อย สัตว์อสูรระดับหกต่อกรยากกว่าที่คาดการณ์ไว้ หากเขาไม่มีหอกัเงินประกายที่ฝึกถึงระดับห้า ผนวกกับพละกำลังจากิญญาาเทพั เกรงว่าวันนี้เย่เฟิงคงไม่รอดพ้นจากหมีั์ระดับหกได้
หมีั์ยังคงกระหน่ำโจมตี แต่ผ่านไปสักพัก หมีั์ก็เริ่มหมดแรง ความเร็วของหมีั์เริ่มตามเย่เฟิงไม่ทัน
“ัพ้นทะเล!” เย่เฟิงกล่าว ก่อนหอกคมกริบจะฝ่าทะลวงออกไปด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ ร่างอันใหญ่โตของหมีั์ตามความเร็วของหอกเย่เฟิงไม่ทัน ขาท่อนล่างอีกข้างจึงถูกแทงจนเืไหลอาบ
หมีั์ส่งเสียงร้อง กรงเล็บใหญ่ที่อัดแน่นไปด้วยพลังมหาศาลพุ่งเข้าใส่เย่เฟิง การโจมตีนี้สามารถคร่าชีวิตของผู้ฝึกยุทธ์ขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 6 ได้อย่างง่ายดาย
แววตาของเย่เฟิงเผยประกายแหลมคม ร่างกะพริบ ก่อนจะไปปรากฏตัวที่เบื้องหน้าของหมีั์ในพริบตา
สายตาของหมีั์เผยประกายแสงแห่งความหวาดกลัว ไม่คิดว่าพลังของมนุษย์คนนี้จะแข็งแกร่งถึงเพียงนี้ ปากส่งเสียงคำราม ดูเหมือนไม่อยากต่อสู้ หมีั์จึงหมุนตัวเพื่อหลบหนี
“จะหนีไปไหน!” มีหรือเย่เฟิงจะปล่อยให้หมีั์หนีไป
“หอกดุจั!” เย่เฟิงแผดเสียงะโ ก่อนจะะโขึ้นสูงแล้วปาหอกออกไป หอกดุจั บุกหน้าเหมือนผ่าลำไผ่
หอกนี้คือกระบวนท่าที่ 4 ของเคล็ดวิชาหอกเงินประกาย พลังนี้ไม่ใช่สิ่งที่กระบวนท่าที่ 1 วิชาหอกขั้นพื้นฐานจะเทียบเคียงได้
เสียงัคำรามพลันดังขึ้น หอกราวกับกลายเป็เงาัั์ ซึ่งอัดแน่นไปด้วยพลังัที่น่ากลัว ทำให้หมีั์เกิดความกลัวและ้าหนี
ทว่าเคล็ดวิชาหอกเงินประกายของเย่เฟิงร้ายกาจมาก ไม่รอให้หมีั์เคลื่อนไหว หอกที่ราวกับัั์นั่นแทงทะลุหว่างคิ้วของมัน
“ตุบ!” ร่างอันใหญ่โตของหมีั์ล้มลงไปกับพื้น เศษทรายปลิวกระจาย
เย่เฟิงรู้ว่าเยาตานของหมีั์ระดับหกเป็ส่วนผสมชั้นยอดในการปรุงยา มีประสิทธิภาพในการล้างพิษ กระทั่งใช้มันยกระดับการบ่มเพาะของผู้ฝึกยุทธ์ได้หนึ่งขั้น
เยาตานที่มีประสิทธิภาพมากเช่นนี้อยู่ตรงหน้า เย่เฟิงย่อมไม่พลาดแน่นอน จึงคว้านเยาตานในศพของหมีั์ออกมาและเก็บไป
“ช้าก่อน!” ขณะนั้นมีเสียงเ็าดังมาจากบางแห่ง เย่เฟิงขมวดคิ้วและหันไปมอง ก่อนจะเห็นซ่งซินหลิงกับหลี่เฟยที่พบเมื่อสองวันก่อน และคนพูดก็คือหลี่เฟย
“มีธุระอันใด?” เย่เฟิงกล่าวถามเสียงเย็น
“ส่วนอื่น ๆ ของสัตว์อสูรแบ่งเท่า ๆ กัน แต่เยาตานนั่นเป็ของข้า ที่เหลือเป็ของเ้า” หลี่เฟยกล่าวอย่างโอหัง คิดอยากได้เยาตานมาเป็ของตนเอง ซ้ำยังบอกว่าแบ่งเท่า ๆ กันอีก
“ข้ากำจัดสัตว์อสูรด้วยตัวคนเดียว มันก็ย่อมเป็ของข้าทั้งหมด เ้ามีสิทธิ์อะไรมาพูดว่าแบ่งเท่า ๆ กันเยี่ยงนี้?” สายตาของเย่เฟิงเผยประกายเยือกเย็น หลี่เฟยคนนี้โอหังมาก ตอนแรกทั้งสองเป็มิตร แต่ตอนนี้กลับมาแย่งเยาตานกัน
“ก่อนหน้านี้ก็บอกแล้วไงว่าแบ่งชิ้นส่วนสัตว์อสูรเท่า ๆ กัน ทำไมตอนนี้กลับคำเสียแล้วล่ะ? หากขืนเป็เช่นนี้ ข้าก็จะใช้กำลังแล้วนะ!” หลี่เฟยแสยะยิ้ม เยาตานของหมีั์นั้นมีประโยชน์มหาศาล พบเห็นได้น้อย หากเขาได้มันมา การบ่มเพาะก็สามารถทะลวงไปถึงจุดสูงสุดของขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 7 ได้ ถึงเวลานั้นเขาจะต้องมีความมั่นใจในการเข้าร่วมการทดสอบของสำนักยุทธ์เทียนเสวียนอย่างแน่นอน
“น่าขันนัก!” เย่เฟิงระบายยิ้มอย่างเยือกเย็น เขาไม่นึกว่าหลี่เฟยคนนี้ไม่ใช่แค่ยโสโอหัง แต่ยังไร้ยางอายไม่มีสามัญสำนึก
“พวกเราไม่ใช่สหายกัน เหตุใดต้องแบ่งด้วย?”
เห็นเย่เฟิงกับหลี่เฟยมีปากเสียงกัน ซ่งซินหลิงที่อยู่ข้าง ๆ ก็เผยสีหน้าไม่สู้ดี หันไปมองหลี่เฟย กล่าวว่า “หลี่เฟย เย่เฟิงเป็คนฆ่าสัตว์อสูร เ้าไม่มีสิทธิ์ไปแบ่งกับเขานะ”
“ฮ่า ๆ ๆ ก่อนหน้านี้บอกเป็สหาย ข้าก็เชื่อแล้วไง เยาตานนี่ต้องเป็ของข้า!” หลี่เฟยกล่าว ในดวงตาเผยประกายจิตอาฆาต เขาอยู่ขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 6 จะไปสนใจคนอย่างเย่เฟิงทำไมกัน
สิ้นเสียง หลี่เฟยเอื้อมมือไปคว้าเยาตานหมีั์ที่อยู่ในมือของเย่เฟิงด้วยความรวดเร็ว
“ไปให้พ้น!” เย่เฟิงกล่าว ก่อนจะโบกมือด้วยความเร็วปานฟ้าแลบ หลี่เฟยที่ไม่คิดว่าเย่เฟิงจะลงมือ จึงหลบไม่ทันและถูกพลังฝ่ามือของเย่เฟิงโจมตีเข้าที่ไหล่อย่างจัง
เขาถึงกับโอดครวญ กระทั่งถอยหลังไปสองก้าว สีหน้าอึมครึมหม่นหมอง
“ไอสวะ เ้ากล้าโจมตีข้า วันนี้เ้าไม่ได้ตายดีแน่!” หลี่เฟยพิโรธ เขาอยู่จุดสูงสุดของขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 6 แต่กลับถูกเศษสวะอย่างเย่เฟิงที่อยู่ขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 5 โจมตี มันช่างน่าอัปยศนัก
“ชิ้ง!”
หลี่เฟยชักดาบออกจากฝัก รังสีดาบเยือกเย็นขั้นสุดและ้าสังหารเย่เฟิงให้ตายคาที่
“หลี่เฟย หยุดนะ ระดับอย่างเ้าแต่ลงมือกับเย่เฟิง มันไม่รังแกกันไปหน่อยหรือ?” ซ่งซินหลิงเกิดร้อนใจ นางหันไปมองเย่เฟิงพร้อมกล่าวว่า “เย่เฟิง เ้ารีบหนีไป หลี่เฟยไม่ใช่คนที่เ้าจะต่อกรด้วยได้”
“ส่งเยาตานมา แล้วข้าจะไว้ชีวิตเ้า!” หลี่เฟยกล่าวอย่างโอหัง คนระดับอย่างเขาย่อมฆ่าเย่เฟิงตอนไหนก็ได้
“เลิกพล่ามไร้สาระกับเขาได้แล้ว ข้าก็อยากเห็นนักว่า ผู้อยู่จุดสูงสุดของขอบเขตบ่มเพาะกายาขั้นที่ 6 จะแข็งแกร่งเพียงใด” เย่เฟิงกล่าวเสียงเย็นขณะมองหลี่เฟยด้วยสายตาดูแคลน
“ในเมื่อเป็เช่นนี้ งั้นเยาตานหมีั์นั่นกับชีวิตของเ้าข้าขอล่ะนะ!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้