“นังคนชั้นต่ำ! มาดูกันว่าเ้าจะหนีไปไหนได้!” บุรุษร่างใหญ่เบิกตากว้างอย่างโกรธเกรี้ยวและยื่นแขนมาคว้าตัวฉีซี ทว่าฉีซีหลบเลี่ยงเขา มุดเข้าใต้ท้องม้า ไปยืนประจันหน้ากับบุรุษร่างใหญ่อีกฝั่งของรถม้า
ทั้งสองวิ่งไล่กันบนตรอกโกวหลาน คนหนึ่งไล่ตาม คนหนึ่งวิ่งหนี หลบหลีกกันไปมา ผู้คนที่เห็นต่างมองด้วยความงุนงง
อีกด้านหนึ่งหลิวชวนอวิ๋นรีบเดินตามติดบุรุษผู้นั้น ห่างเพียงอีกก้าวเดียวก็จะสามารถคว้าแขนเสื้อกว้างของบุรุษผู้นั้นได้แล้ว แต่บุรุษผู้นั้นกลับก้าวออกจากหอเสวี่ยหยวนเพื่อหลบเลี่ยงการััของหลิวชวนอวิ๋นและเดินไปที่ใต้ชายคา
การหลบเลี่ยงนี้ทำให้หลิวชวนอวิ๋นได้เห็นฉากการไล่ล่าระหว่างสตรีกึ่งเปลือยและเ้าหน้าที่ของหอนางโลม
“ไอ้สารเลว! เ้าลักพาตัวสตรีจากครอบครัวขุนนาง ในหยวนฉี...เ้าสมควรแก่ความตาย! ล่วงละเมิดสมาชิกราชวงศ์ต้องถูกปะา... เก้าชั่วโคตร!”
ฉีซีหอบหายใจ พูดจาขาด่ ทว่าทุกคนได้ยินอย่างชัดเจนและมีสีหน้าตึงเครียด สตรีผู้นี้ช่างกล้าหาญเสียจริง ไม่ทราบหรือไงว่ามีการผลัดเปลี่ยนราชวงศ์แล้ว เหตุใดจึงพูดถึงหยวนฉีขึ้นมาอีก หากทหารต้าจิ้งมาได้ยินเข้าคงไม่ดีแน่
บุรุษที่เพิ่งหลบเข้ามาใต้ชายคาเมื่อครู่ก็ได้ยินคำพูดของฉีซี เขาขมวดคิ้ว มองไปที่ฉีซีผู้พูดประโยคนี้
เมื่อบุรุษผู้นั้นเห็นใบหน้าด้านข้างของฉีซีถึงกับตกตะลึงและเผลอเรียกออกไปว่า "อวิ๋นเจิน?"
เมื่อพูดจบ เขาก็เดินฝ่าสายฝนไปหาฉีซีและคว้าแขนของนางไว้
ฉีซีใกับการกระทำของบุรุษผู้นั้นจึงหันกลับไปมอง
บุรุษผู้นั้นมองใบหน้าเปรอะเปื้อนสิ่งสกปรกและคราบเืของฉีซีด้วยความประหลาดใจ
นางมีดวงตาและคิ้วที่คุ้นเคย ทว่าไม่ใช่สตรีที่เขารู้จัก บุรุษผู้นั้นจึงปล่อยมือออกในทันใด
ฉีซีล้มลงกับพื้นในขณะที่แขนยาวของเขาคว้าตัวนางไว้ นางขมวดคิ้วและหรี่ตาลงด้วยความเ็ป
ฉีซีแหงนหน้าขึ้นมองบุรุษผู้นั้น เขาดูเ็าและหล่อเหลา ริมฝีปากบางเม้มสนิท สวมชุดยาวสีฟ้าอ่อนที่ทอด้วยไหมหิมะ ผูกเข็มขัดหนังสีม่วงทอง ที่เอวประดับด้วยจี้หยกกิเลนสีเื แววตาเปล่งประกายที่มองนางเต็มไปด้วยความประหลาดใจและความห่วงใย เมื่อตระหนักได้ว่าจำคนผิด แววตาที่แสดงความห่วงใยของเขาก็จางลงอย่างรวดเร็วและไม่มีให้เห็นอีกต่อไป
ไม่ทราบด้วยเหตุใด ฉีซีจึงรู้สึกกระวนกระวายใจขึ้นมาทันใด เอื้อมมือออกไปคว้าแขนเสื้อกว้างของบุรุษผู้นั้นแล้วสะอื้นว่า "นายน้อยช่วยข้าด้วย!"
บุรุษผู้นั้นกำลังจะหันหลังกลับไป แต่ต้องชะงักเพราะถูกฉีซีดึงไว้ เขามองฉีซีที่นั่งอยู่บนพื้นโคลนด้วยความเงียบ
ฉีซีมีดวงตาคล้ายอวิ๋นเจิน ทว่าแฝงไปด้วยความเศร้าโศกและความหวาดกลัวที่เข้มข้นจนไม่อาจละลายได้
ร่างกายของนางเต็มไปด้วยรอยแผล โดยเฉพาะรอยแส้บนแขนเป็รอยที่ร้ายแรงที่สุด แม้สายฝนจะชะล้างเืออกไป ทว่ารอยเืสีแดงอ่อนยังคงไหลซึมบนผิวขาวของนาง
สิ่งที่ทำให้เขาสับสนคือต้าจิ้งเข้าปกครองหยวนฉีมานานกว่าสองเดือนแล้ว แต่เหตุใดฉีซียังคงแต่งกายด้วยชุดนางกำนัลของพระราชวังหยวนฉี ทว่าผ้ารัดหน้าอกสีแดงปักด้วยดิ้นทองมีราคาแพงมาก หากนางไม่ใช่นางกำนัล แล้วนางเป็ผู้ใด?
เขายังคงสงบนิ่ง ยามมองลงไปด้านล่างก็เห็นว่ากระโปรงส่วนล่างของฉีซีฉีกขาด ต้นขาเรียวและรูปร่างสมส่วนถูกเปิดเผยออกมา มีรอยฟกช้ำเล็กน้อยบนผิวขาวราวกับหิมะนั้น แม้จะเปรอะเปื้อนและนั่งอยู่ในแอ่งโคลน ทว่านางยังคงมีความงามและเสน่ห์อันบริสุทธิ์อยู่
บุรุษผู้ใดที่ได้เห็นความงามอันล้ำเลิศและท่าทางน่าสงสารของนาง คงไม่มีทางปล่อยนางไปได้อย่างแน่นอนและจะต้องได้นางมา!
อย่างไรก็ตามความงามของฉีซีสำหรับเขาแล้ว มีเพียงรูปหน้าด้านข้างกับดวงตาของนางที่คล้ายกับหลี่อวิ๋นเจิน คนที่เขาไม่มีวาสนาได้ ความทรงจำอันแสนหวานที่ได้โอบกอดกับหลี่อวิ๋นเจินใน่ปีเ่าั้คอยกัดกินิญญาของเขา
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะ สายตายามเหลียวหลังมามองของหลี่อวิ๋นเจิน สายตาที่แฝงไว้ด้วยความเศร้าโศกยามนางจากไป ล้วนเป็สิ่งที่เขาไม่มีวันลืมเลือน
ทุกคนต่างรู้ดีว่าสาเหตุที่เขายังคงอยู่ในเมืองหลานตูเนื่องจากาแทางใจ มีเพียงเขาเท่านั้นที่เข้าใจความเ็ปนั้นอย่างแท้จริง บรรยากาศหมอกฝนในเมืองหลานตูช่างคล้ายกับวันที่อวิ๋นเจินจากเขาไปท่ามกลางสายฝนในเมืองฟู่หลิงอาณาจักรต้าจิ้ง
ครั้งหนึ่งเขาเคยคิดว่าตนลืมไปแล้ว ทว่าตอนนี้เมื่อได้สบตากับสตรีตรงหน้า าแในใจกลับมีเืไหลซึมออกมาอีกครั้ง ความเ็ปค่อยๆ แผ่ขยายวงกว้างราวกับน้ำในบึง ทำให้เขาตระหนักได้ว่าตนไม่ได้ลืมเลือนความรู้สึกนี้ไปเลยแม้แต่น้อย
เขาหายใจลำบากอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
บุรุษร่างใหญ่เต็มไปด้วยความดูถูก เมื่อเห็นฉีซีหันไปขอความช่วยเหลือจากบุรุษรูปงามแต่งกายหรูหราตรงหน้าอย่างไม่คาดคิด บุรุษที่มาเยือนหอเสวี่ยหยวนในตรอกโกวหลานได้รับการกล่าวขานว่าแสร้งทำเป็มีรสนิยมดี ทว่าพวกเขาก็เป็ผู้ชายเช่นเดียวกันจะไม่เข้าใจความปรารถนาภายในใจของพวกเขาได้อย่างไร จะมีอะไรมากไปกว่าการมาร่วมรักกับฮวาขุยหลิวชวนอวิ๋นอีกล่ะ?
ทว่าอาภรณ์สีฟ้าของบุรุษผู้นั้นปักลวดลายกิเลนด้วยไหมหิมะสีเงินบริเวณชายเสื้อและปลายแขนเสื้อกว้าง ผูกเข็มขัดหนังสีม่วงทองรอบเอว บุรุษร่างใหญ่รู้ดีว่าบุรุษผู้นี้ไม่ใช่คนธรรมดา เกรงว่าน่าจะมาจากชนชั้นขุนนางหรือข้าราชการชั้นสูง
เมื่อเห็นสายตาของคนทั้งสองที่สอดประสานกันจึงรู้ว่าบุรุษผู้นั้นหลงใหลในตัวฉีซีเข้าแล้ว และมีโอกาสสูงที่เขาจะคิดจะช่วยเหลือสตรีชั้นต่ำผู้นี้ บุรุษร่างใหญ่ทั้งรู้สึกอิจฉาและเกลียดชังรูปลักษณ์และฐานะของบุรุษผู้นั้น เมื่อความหงุดหงิดไม่มีที่ระบาย ใบหน้าบูดเบี้ยวจึงไม่น่าดูมากขึ้น
แม้จะรู้ดีว่าบุรุษตรงหน้าไม่ใช่คนที่เขาสามารถยุ่งเกี่ยวด้วยได้ ทว่าเขาก็ไม่เต็มใจอย่างยิ่งที่จะปล่อยเนื้อในปากให้ถูกผู้อื่นแย่งไป ดังนั้นจึงพูดขึ้นว่า “ไม่ว่าท่านจะเป็ผู้ใด แต่ต้องรู้ว่าสตรีชั้นต่ำผู้นี้หลบหนีจากการเป็นางบำเรอขุนนาง ข้าจึงต้องมาจับตัวนางกลับไปที่หอนางโลม นายน้อยอย่าหลงเชื่อนาง!”
ในขณะนี้บุรุษผู้นั้นเงยหน้าขึ้นมองบุรุษร่างใหญ่ด้วยสายตาที่ปราศจากอารมณ์ใดๆ ทว่ากลับทำให้บุรุษร่างใหญ่รู้สึกถึงความเย็นะเืราวกับกำลังเผชิญหน้ากับปีศาจจากนรกจนเขาต้องกลั้นหายใจ
เมื่อฉีซีได้ยินว่าบุรุษร่างใหญ่ได้พลิกดำเป็ขาวและยืนกรานว่านางเป็นางบำเรอขุนนางจึงะโด้วยความโกรธเกรี้ยว "นายน้อย! เขาพูดเท็จ! ข้าไม่ใช่นางบำเรอขุนนาง ข้าถูกพวกเขาลักพาตัวมา! พวกเขาเบียดบังผลประโยชน์ส่วนรวมเป็ของส่วนตัวและล่วงประเวณีนางสนม ทำลายแผนกเจี้ยวฝางและระบบราชสำนักชั้นใน! นายน้อยช่วยข้าด้วย! หากถูกล่วงประเวณี แม้ว่าข้าจะกลายเป็ิญญาก็จะตามอาฆาตเขาให้สิ้นซากทั้งเก้าชั่วโคตร!”
เมื่อสตรีผู้หนึ่งกลายเป็นางบำเรอขุนนาง ชีวิตจะเต็มไปด้วยการต้อนรับขับสู้แขก นางในฐานะองค์หญิงแห่งหยวนฉีจะมาลงเอยเช่นนี้ได้อย่างไร?
สู้ตายไปเสียยังจะดีกว่า!
เมื่อบุรุษผู้นั้นได้ยินคำพูดเฉียบขาดของฉีซี มองคลื่นลูกใหญ่ที่ซ่อนอยู่ภายใต้ผ้ารัดอกสีแดงเข้มกระเพื่อมขึ้นลง กวาดสายตาไปรอบๆ เหล่าผู้คน จากนั้นยกยิ้มเย็น กล่าวกับบุรุษร่างใหญ่ "ในเมื่อเป็นางบำเรอขุนนาง การประมูลสาธารณะควรถือตามกฎหมายของหอนางโลมต้าจิ้ง ผู้ที่สนใจสามารถเสนอราคาประมูลได้ ตอนนี้นางมีมูลค่าเท่าไหร่แล้ว?"
เมื่อฉีซีได้ยินบุรุษผู้นั้นถามคำถามเช่นนี้จึงจ้องไปที่เขาอย่างไม่เชื่อสายตา!
เขาบอกว่าตามกฎหมายของต้าจิ้ง ไม่ใช่กฎหมายของหยวนฉี บุรุษผู้นี้เป็คนอาณาจักรต้าจิ้ง!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้