จวิ้นจู่ฉู่หลิวซวงมีชื่อเสียงเป็อย่างยิ่งในเมืองหลวงของแคว้นต้าโจว
ปัจจุบันสตรีสูงศักดิ์อันดับหนึ่งแห่งต้าโจวมิใช่จวิ้นจู่ฉู่หลิวซวงหรอกหรือ? หน้าตาของนางงดงาม ฐานะของนางสูงศักดิ์ ฐานการฝึกยุทธ์ของนางก็สูงส่งเช่นกัน นางทะลวงผ่านระดับผู้บำเพ็ญขั้นสิบเอ็ดแล้ว เกรงว่าไม่ถึงสองปีก็คงสามารถเข้าสู่ระดับปรมาจารย์ได้อย่างเต็มตัว
ต้องรู้เสียก่อนว่าในแวดวงสตรีสูงศักดิ์ บุคคลผู้เดียวที่มีการฝึกยุทธ์อยู่ในระดับสูงมีเพียงจวิ้นจู่ฉู่หลิวซวง
เสียงหัวเราะของฉู่หลิวซวงที่เปล่งออกมาอย่างฉับพลันนั้น หากฟังอย่างละเอียด สามารถรับรู้ได้ถึงการเยาะเย้ยที่แฝงอยู่ภายใน
มู่เฉิงอินผละสายตามองไปที่ฉู่หลิวซวง นางพยักหน้าเล็กน้อยเพื่อทักทายอย่างสุภาพ “จวิ้นจู่ มีเื่ใดจะกล่าวหรือเ้าคะ?”
มู่เฉิงอินถาม
ฉู่หลิวซวงก็พยักหน้าให้มู่เฉิงอินเช่นกัน การอบรมเลี้ยงดูชัดเจนว่าไม่ขาดแม้สักนิด อย่างน้อยก็ไม่มีผู้ใดเห็นร่องรอยความผิดพลาด นางยืนขึ้นและก้าวออกมาข้างหน้าสองก้าว วันนี้นางสวมชุดอาภรณ์สีแดง ร้อนแรงดั่งเปลวเพลิง ดึงดูดสายตาผู้คนยิ่ง เมื่อครู่นางก้มหน้าก้มตาและยืนกอดอกอยู่ข้างกำแพง ในตอนที่ทุกคนพุ่งความสนใจไปที่ฉู่รั่วหลาน มู่เฉิงอิน และมู่เสวียนเย่ จึงไม่มีผู้ใดรับรู้ตัวตนของนาง
ทว่าตอนนี้ย่อมไม่เป็เช่นนั้น ทันทีที่นางก้าวออกมา ออกหน้าแสดงตัว ความเคารพและความชื่นชมอย่างไม่ปิดบังในสายตาของผู้คนโดยรอบจึงจับจ้องอยู่ที่ตัวนาง เมื่อเทียบกับฉู่รั่วหลานแล้ว ความเคารพนี้มากกว่าไม่รู้เท่าใด
“หลิวซวง”
ฉู่รั่วหลานร้องเรียกเสียงดัง แสดงความหมายของการขอความช่วยเหลืออย่างชัดเจน
ฉู่หลิวซวงเหลือบสายตามองอีกฝ่าย ไม่พูดอันใดสักคำ จากนั้นดวงตาของนางก็หันกลับมาจับจ้องใบหน้าของมู่เสวียนเย่ นางยิ้มและกล่าวต่อว่า “ตระกูลมู่สร้างคุณูปการอันยิ่งใหญ่ต่อปวงประชาในต้าโจว ทุกคนล้วนประจักษ์และจดจำไว้ในใจเสมอ ความภักดีของตระกูลมู่พวกเรามิอาจปฏิเสธได้ รวมถึงตัวข้าที่เป็จวิ้นจู่ ข้าเองก็ชื่นชมเหล่าบุรุษแห่งตระกูลมู่อย่างสุดซึ้งเช่นกัน”
ฉุ่หลิวซวงกล่าว
นี่ช่างเป็คำกล่าวที่งดงามนัก ดึงดูดกลุ่มคนได้ในทันที
“จวิ้นจู่กล่าวได้ยอดเยี่ยมนัก จวิ้นจู่ทรงพระปรีชาสามารถ”
“จวิ้นจู่ฉู่หลิวซวงงดงามทั้งกายและใจ การฝึกยุทธ์ก็ระดับสูง สมแล้วที่เป็สตรีสูงศักดิ์อันดับหนึ่งแห่งต้าโจว”
เหล่าผู้ชมที่พากันสอดรู้สอดเห็นเื่ราวล้วนพากันชื่นชมอย่างออกนอกหน้า
มู่เฉิงอินและมู่เสวียนเย่ประสานสายตากัน ทั้งสองไม่พูดอันใดออกมา พวกเขารู้สึกว่าจวิ้นจู่มีเื่จะพูดมากกว่านั้น
ซึ่งเป็จริงเช่นนั้น ฉู่หลิวซวงพยักหน้าไปรอบๆ จากนั้นจึงเปิดปากกล่าวอีกว่า “แม่นางมู่เป็นักปราชญ์มีความรู้ อ่อนโยนและมีเกียรติ เป็ที่รู้จักดีในแวดวงสตรีสูงศักดิ์ อีกทั้งตอนนี้นางก็หมั้นหมายกับผู้บัญชาการมู่ ช่างเป็คู่แท้์สร้าง”
“พูดได้ดี กล่าวได้ถูกต้อง”
“มิใช่เช่นนั้นหรือ จวิ้นจู่กล่าวได้วิเศษยิ่ง”
คนรอบข้างล้วนเห็นด้วยเป็อย่างยิ่งกับคำพูดของฉู่หลิวซวง
ท่ามกลางฝูงชน ยังซุกซ่อนคนผู้หนึ่งอยู่ ซึ่งคือฮวาเหยียนที่รีบร้อนออกมาจากหออู๋ิ ตอนที่นางมาถึงก็ค้นพบว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง ทั้งชั้นสองและชั้นสามเกิดเื่อันใดขึ้น? นางเสียแรงไปไม่น้อยเพื่อเบียดตัวมาข้างหน้า ก่อนจะพบกับเหตุการณ์ที่ฉู่รั่วหลานสาดโคลนใส่พี่ใหญ่เข้าพอดี ซึ่งนั่นทำให้ฮวาเหยียนโกรธยิ่งนัก นางอยากพุ่งเข้าไปทุบฉู่รั่วหลานให้เละเป็สมองหมู แต่พริบตาต่อมานางกลับเห็นว่าพี่สะใภ้มู่ถูกพี่ใหญ่โอบกอดไว้
ไอ้หยา ได้เื่แล้ว!
ทั้งสองมีความก้าวหน้าอย่างยิ่ง
ดูมือที่โอบกอดกันและกัน ดูแขนพี่ใหญ่ที่โอบเอวพี่หญิงมู่นั่นสิ ฮิฮิ...
ฮวาเหยียนส่องจนดวงตาของนางเป็ประกาย
จากนั้นนางก็เห็นพี่สะใภ้มู่ก้าวออกมา สั่งสอนฉู่รั่วหลานไปหนึ่งบทเรียน มองดูบรรยากาศที่ทั้งแข็งแกร่งและอ่อนโยนของพี่สะใภ้มู่ อีกทั้งคำพูดที่เปี่ยมด้วยคารมคมคายนั้น นางฟังจนอารมณ์พลุ่งพล่าน ตื่นเต้นเป็อย่างยิ่ง แม้แต่สตรีเช่นนางก็ยังตกหลุมรักพี่สะใภ้มู่
มองกลับไปที่พี่ใหญ่ ยอดเยี่ยมนัก ดวงตาของเขาแทบจะแปะอยู่บนร่างของพี่สะใภ้มู่อยู่แล้ว
อืม ไม่เลวๆ
ทว่าพริบตานั้น ฉู่หลิวซวงกลับโผล่หน้าออกมา สตรีผู้นี้ นางย่อมรู้อยู่แก่ใจว่าอีกฝ่ายเป็คนเช่นไร ต่อหน้ามะพลับ ลับหลังตะโก ในใจเต็มไปด้วยกลอุบาย
นางสามารถกล่าวสิ่งดีๆ เกี่ยวกับตระกูลมู่ได้จริงหรือ?
คำที่นางกำลังจะกล่าวต่อต้องมีจุดเปลี่ยนอย่างแน่นอน ย่อมต้องเป็การเคลื่อนไหวที่เลวร้ายเป็แน่
ปรากฏว่าในเวลาต่อมา ฉู่หลิวซวงเปลี่ยนคำพูดของนางและกล่าวว่า “แต่ที่แม่นางมู่เฉิงอินเพิ่งกล่าวเมื่อครู่ว่าตระกูลมู่ซื่อสัตย์และยุติธรรม กฎตระกูลและคุณธรรมเข้มงวด ตรงนี้ใจข้าไม่เห็นด้วย”
ใบหน้าของมู่เฉิงอินมืดครึ้มลงทันที มู่เสวียนเย่เองก็มองไปที่ฉู่หลิวซวงเช่นกัน
ฮวาเหยียนซ่อนตัวอยู่ในฝูงชน นางเหยียดยิ้มเยาะ ก็รู้อยู่แล้วว่าฉู่หลิวซวงย่อมไม่อาจอดกลั้นผายลมไว้ได้!
“ทุกคนคงจะลืมไปแล้วกระมัง มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่?”
น้ำเสียงของนางราวกับจะกล่าวโดยไม่ตั้งใจ หางเสียงขึ้นลง พาให้ฝูงชนคิดตามคำกล่าวของนาง
“เมื่อสี่ปีก่อน มู่อันเหยียนเกิดเื่ในหอนางโลม มีความสัมพันธ์ฉาบฉวยมั่วโลกีย์ ทำให้ตระกูลมู่เสียหน้าเป็อย่างยิ่ง สี่ปีต่อมายังพาเด็กตัวน้อยกลับมาหนึ่งคน นี่คือบุตรีแห่งตระกูลมู่ ต้องรู้เสียก่อนว่าแม่นางมู่อันเหยียนก็เป็หนึ่งในสตรีสูงศักดิ์แห่งต้าโจว ผู้ใดเล่าจะคิดว่าภายในนางเป็คนสำส่อนเช่นนั้น?
ดังนั้นแล้ว แม่นางมู่เฉิงอิน ในการกระทำต่างๆ พวกเรามิอาจมองเพียงผิวเผินได้ เ้ากล่าวว่าตระกูลมู่มีกฎตระกูลเข้มงวด คุณชายมู่จงรักภักดียิ่ง ทว่าเรามิอาจมองแค่ผิวเผิน พี่หญิงของข้ามีฐานะเป็ถึงองค์หญิง ไม่จำเป็ต้องพูดปดมดเท็จ นางจะทำลายชื่อเสียงตนเองโดยการกล่าวเื่นี้ออกมาเพื่ออันใด เห็นได้ชัดว่าพี่หญิงของข้าเป็คนโง่งมผู้หนึ่ง เป็เพราะนางมีใจรักต่อคุณชายมู่อย่างลึกซึ้ง ยินยอมพร้อมใจจะมอบทุกอย่างให้เขา การที่นางกล่าวว่าตนเองมีความสัมพันธ์ล่วงเกินกับคุณชายมู่ออกมาเช่นนี้ ข้าย่อมเชื่อนาง”
ฉู่หลิวซวงพูดจากระชับ ลึกซึ้ง และทรงพลัง เจาะเข้ากลางใจของผู้คน
สีหน้าของมู่เฉิงอินกับมู่เสวียนเย่พลันแปรเปลี่ยน ไม่น่ามองเป็อย่างยิ่ง
คำที่ฉู่หลิวซวงกล่าวออกมานับว่าเป็พิษอย่างแท้จริง
“จวิ้นจู่หลิวซวง ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
มู่เฉิงอินกัดฟันและถามอย่างโกรธจัด นางโมโหจนแทบทนไม่ไหว คิดไม่ถึงว่าฉู่หลิวซวงจะพูดจาเช่นนี้ นางกัดฟันกล่าวด้วยโทสะ
ทว่าฉู่หลิวซวงกลับทำเป็ไม่สังเกตเห็นความโกรธของคนตรงหน้า ริมฝีปากสีแดงของนางงุ้มงอ “ความหมายของข้าคือ แม่นางมู่เฉิงอินควรลืมตามองให้กว้างๆ เสียดีกว่า นี่เป็สิ่งที่ผู้คนเรียกกันว่ารู้หน้าไม่รู้ใจ ผู้ใดจะรู้ว่าคุณชายมู่เป็คนเช่นไร หากน้องสาวของเขานับว่าเป็คนดังแห่งต้าโจว แล้วเ้าว่าพี่ชายอย่างเขาจะเป็เช่นไรเล่า?”
“จวิ้นจู่หลิวซวง ท่านช่างทำให้เื่ราวยุ่งยากไปกันใหญ่ ข้ามู่เฉิงอินมีตา คนเช่นเขาเป็อย่างไรใจข้าย่อมทราบดี มิบังอาจให้จวิ้นจู่ต้องเป็กังวล”
มู่เฉิงอินโมโหแทบตายแล้ว
นางคิดว่าฉู่หลิวซวงผู้นี้เป็คนดี แต่นึกไม่ถึงว่ากระดูกของอีกฝ่ายจะมืดมนเช่นนี้ ไม่เพียงกล่าววาจาทำร้ายคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่ ยังลากพี่เย่ลงโคลนอีกด้วย ช่างน่าโมโหจริงๆ!
ฉู่หลิวซวงกลายเป็ผู้นำทิศทางลม นางลากเื่ของมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ออกมาสู่โลกภายนอก ผู้คนในโรงน้ำชาเริ่มสนทนากันด้วยเสียงโทนต่ำ อย่างไรเสียเื่ซุบซิบที่โด่งดังที่สุดใน่สองสามวันมานี้ก็คือเื่การกลับมาของคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่
“องค์หญิงคนนี้มิได้โกหก ข้ากับผู้บัญชาการมู่มีความสัมพันธ์ล่วงเกินกันแล้ว ไม่แน่ว่าตอนนี้อาจมีเด็กอยู่ในครรภ์ของข้าแล้วก็เป็ได้”
ฉู่รั่วหลานรีบคว้าโอกาสในเวลาที่เหมาะสม ร้องะโขึ้นมาทันที
นางไม่้ารักษาหน้าตา อย่างไรชื่อเสียงแต่เดิมของนางก็ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว วันนี้นางก่อเื่วุ่นวายขึ้น ชื่อเสียงของนางยิ่งเหม็นเน่า หากเื่นี้ลามไปถึงพระกรรณของเสด็จพ่อ ชะตากรรมของนางย่อมจบอย่างอนาถเป็แน่
ดังนั้นตราบใดที่สามารถตัดขาดความสัมพันธ์ของมู่เสวียนเย่ได้ สุดท้ายเื่เท็จก็อาจกลายเป็เื่จริง นางไม่ขอสิ่งใดอีก ปรารถนาเพียงได้ออกเรือนกับมู่เสวียนเย่ นี่คือจุดประสงค์เดียวของนาง...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้