มู่เอ้าเทียนมีการตอบสนองกลับมาและหอกพู่ยาวในมือของเขาเต้นระบำพร้อมรบทันที มันพุ่งแทงไปทางเจียงถิง วายุพัดโหม เปี่ยมไปด้วยพลังแห่งการโจมตี
“มู่เอ้าเทียน หยุดมือของเ้าเสีย อย่าคิดว่าข้าจะกลัวเ้า! ”
เจียงถิงหลบด้วยความกระอักกระอ่วน พร้อมกับก้าวถอยหลังไปทีละก้าว
“ดีเสียอีก ลงมือเสียเถอะ เปิ่นหวางจะทุบตีเ้าให้ตาย เ้ากล้าทำลายชื่อเสียงบุตรสาวของข้า ข้าจะทำลายจวนตระกูลเจียงของเ้า”
มู่เอ้าเทียนโมโหจนแทบทนไม่ไหวแล้ว
เขาไม่นึกเลยจริงๆ ว่าเจียงถิงจะสามารถพ่นประโยคเช่นนี้ออกมาได้ ผู้ชมที่อยู่โดยรอบล้วนได้ยินอย่างชัดเจน ยังไม่รู้ว่าจะนำเื่ราวที่ได้ฟังในวันนี้ไปจัดการต่ออย่างไร
ตำหนิเขาเองที่ประมาทเลินเล่อ เขาไม่คาดคิดว่าเจียงถิงที่มีสมองดื้อรั้นจะยังมีอุบายเช่นนี้อยู่
“มู่เอ้าเทียน เ้าจะพอได้หรือยัง ข้าเจียงถิงไม่ได้กล่าวว่าข้าจะไม่รับผิดชอบ แม้ว่าข้าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างบุตรชายของข้ากับบุตรสาวของเ้า แต่ทว่าตัวเด็กเองก็โตมากแล้ว เช่นนั้นข้าจึงขอสนับสนุนการแต่งงานระหว่างพวกเขา พวกเราทั้งสองต่างก็ต่อสู้กันมานานหลายปีแล้ว หากสามารถเปลี่ยนศัตรูให้กลายเป็สหายสนิทได้ ข้าย่อมไม่พลาดการพูดคุยเจรจาที่ดี”
เจียงถิงะโขึ้นมาอีกครั้ง
ตอนนี้เขาไม่มีหน้าที่จะคิดลงมือกับผู้ใด ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงหลบเลี่ยงอย่างกระอักระอ่วนเท่านั้น
หอกพู่แดงของมู่เอ้าเทียนนั้นไม่ใช่ของเล่นที่เอาไว้ก่อเื่ เพลงหอกนั้นหากทิ่มแทงสักส่วนบนร่างกาย นั่นหมายถึงบริเวณนั้นย่อมได้รับาเ็สาหัส
ฝูงชนที่เฝ้าดูความครึกครื้นไม่ว่าใกล้หรือไกลล้วนพากันถอยหลังทีละก้าวเพราะความใจากเพลงหอกมหัศจรรย์นี้ และมันทำให้ฮวาเหยียนโผล่ออกมาจากฝูงชนทันที
นางมีหน้าตาที่งดงาม สวยสง่า มีเสน่ห์อ่อนหวานเยาว์วัย นางใส่กระโปรงยาวสีขาว ชายกระโปรงสะบัดพลิ้ว โบกไหวงดงามราวกับนางเซียนบน์
ในตอนแรกทุกคนยังจำฮวาเหยียนไม่ได้
แต่เจียงจือเฮ่าจำได้
เขายังใกับคำพูดของบิดาจนสมองกระทบกระเทือนและลืมตอบสนองไปชั่วขณะ บิดาของเขากล่าวว่าอันใดนะ? แต่งงานหรือ? แต่งงานกับผู้ใดเล่า? มู่อันเหยียน? บุตรชายของเขา... สหายตัวน้อยที่มีนามว่าหยวนเป่ากลายเป็บุตรชายของเขาได้อย่างไร?
์ทรงโปรด!
ท่านพ่อ ท่านคงเข้าใจอะไรผิดไปสักอย่างแล้ว
มันไม่ใช่แบบที่ท่านคิด
“ท่านพ่อ! ท่านพ่อ!—ไม่ใช่! ” เจียงจือเฮ่าพยายามแหกเส้นเสียงของเขาะโ แต่เสียงก็หายกลับหายไปท่ามกลางฝูงชน
ไม่มีผู้ใดสนใจเขาเลย!
เจียงจือเฮ่าร้อนรนจนเหงื่อผุดเต็มหน้าผากของเขา
ฝูงชนวุ่นวายและทุกคนพากันถอยหลังหนี ทั้งหมดล้วนหลีกเลี่ยงเพลงหอกที่หอกพู่แดงแสดงออกมาภายใต้ความโกรธของมู่เอ้าเทียน เจียงจือเฮ่าเองก็เดินกะเผลกถอยหลังเช่นกัน แต่สบตาเพียงครั้ง เขาก็พบหญิงสาวผู้งดงามพร่างพราวท่ามกลางกลุ่มคน!
นางยืนอยู่ตรงนั้น แต่งกายด้วยชุดสีขาว มีลักษณะงดงามราวกับเทพเซียนบน์ที่บังเอิญลงมาเที่ยงเล่นยังโลกมนุษย์
แต่ในพริบตานั้นเขาจำนางได้ในทันที นางก็คือบุตรสาวคนโตแห่งตระกูลมู่ มู่อันเหยียน!
“มู่อันเหยียน! ”
เจียงจือเฮ่าคำรามเสียงดัง เส้นเสียงของเขาแทบจะแตกสลายแล้ว สองข้างแก้มแดงก่ำ เห็นเส้นเืสีน้ำเงินที่คอของเขาขยายตัวอย่างชัดเจน
เสียงนี้ใช้พลังงานหมดทั้งร่างของเขาเปล่งออกมา
ดวงตาของเจียงจือเฮ่าจ้องมองไปยังทิศทางของฮวาเหยียน
...
มู่อันเหยียน?
เป็ผู้ใดกัน?
บุตรสาวคนโตแห่งตระกูลมู่ก็อยู่ที่นี่ด้วยหรือ? มาั้แ่เมื่อใดกัน?
และเพราะเสียงะโของเจียงจือเฮ่า มู่เอ้าเทียนจึงหยุดการลงมือของเขาอย่างมีนัยยะ
ทุกคนมองไปตามเสียงคำราม รวมถึงจ้องไปตามทิศทางที่เจียงจือเฮ่ามองเขม็ง
ท่ามกลางฝูงชน หญิงสาวนางนั้นยืนสงบ ใบหน้าที่สวยสง่างดงามจนผู้ใดก็มิอาจละสายตาจากนางได้
"ท่านแม่"
หยวนเป่าตัวน้อยก็เห็นฮวาเหยียนด้วยเช่นกัน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาทันที เท้าเล็กๆ นั้นสับขาวิ่งไปทางฮวาเหยียนทันที
“เ้าตัวน้อยของแม่ ตอนเช้าเ้าไปเล่นที่ใดมา แม่ไม่เห็นเ้าั้แ่เช้า เ้าทำให้แม่เป็ห่วงยิ่งนัก”
ฮวาเหยียนอุ้มหยวนเป่าน้อยขึ้นมา หอมแก้มเขาพลางกล่าวด้วยเสียงนุ่มนวลอบอุ่น
“ฮิฮิ ข้าไปกินของอร่อยกับท่านตามาขอรับ”
เขาขยิบตาให้ฮวาเหยียน
หยวนเป่าน้อยเป็เด็กที่โตเร็ว การเก็บสีหน้าแสดงออกทางอารมณ์ต่อหน้าคนแปลกหน้านั้นดีเยี่ยม แต่กลับทำตัวเอาแต่ใจเป็เด็กๆ ต่อหน้าฮวาเหยียน
บรรยากาศที่ตึงเครียดเมื่อสักครู่จู่ๆ ก็ถูกความอบอุ่นอ่อนโยนของฮวาเหยียนทำให้แตกสลายหายไป เพราะว่าฉากนี้สวยงามสะกดตายิ่ง หญิงสาวที่เหมือนนางเซียนกำลังถือตุ๊กตาตัวน้อยที่บอบบางน่ารัก ภาพนี้ช่างเย้ายวนและอบอุ่นเกินไปแล้วจริงๆ
มนุษย์ย่อมชอบมองของสวยๆ งามๆ
“ที่แท้ก็คือบุตรีคนโตแห่งตระกูลมู่ นางงดงามมากจริงๆ ! ”
“ช่างงดงามเสียนี่กระไร...” มีใครบางคนสำลักลมหายใจของตัวเอง
“เป็มารดากับบุตรที่ใดกัน เห็นชัดๆ ว่าเป็พี่น้องกัน”
ทุกคนกระซิบเสียงเบา
เจียงถิงเองก็มองไปที่พวกนางเช่นกัน และสิ่งที่เขาเห็นั้แ่แรกก็คือภาพของฮวาเหยียนที่อุ้มหยวนเป่าน้อย อืม... มันช่างอบอุ่นจริงๆ บุตรสาวของมู่เอ้าเทียนคนนี้แท้จริงแล้วถูกเลี้ยงดูมาอย่างดี
ถึงแม้ว่าชื่อเสียงของนางจะไม่ค่อยดีนัก แต่ว่าเขาเป็คนที่ไร้การศึกษาคนหนึ่ง ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจเื่นี้เลยสักนิด
ลูกก็มีแล้ว อีกทั้งยังมีความประพฤติดีทั้งหน้าตาก็งดงาม ตราบใดที่นางเต็มใจที่จะมีชีวิตที่ดีกับบุตรชายของเขา เช่นนั้นตระกูลเจียงก็พร้อมยินดีที่จะยอมรับนาง
ในเวลานี้เจียงถิงมองฮวาเหยียนด้วยสายตาที่ใช้มองลูกสะใภ้ของเขา
ฮวาเหยียนก้าวย่างไปทางมู่เอ้าเทียนโดยมีหยวนเป่าอยู่ในอ้อมแขนของนาง นางก้าวเยื้องยุรยาตร มารยาทงามโดดเด่น หลังของนางเหยียดตรง เพียงแค่มองก็รับรู้ว่าเป็แบบอย่างของการผ่านการอบรมสั่งสอนที่ดี
ไม่ว่าผู้ใดล้วนทราบ แม่นางฮวาเหยียนเสแสร้งเก่งเป็ที่หนึ่ง มิใช่เพราะอยู่ท่ามกลางคนมากมายหรอกหรือ นางจะไม่ยอมเสียภาพลักษณ์เื่มารยาทสตรีที่มาจากตระกูลสูงศักดิ์เป็แน่
"ท่านพ่อเ้าคะ"
ฮวาเหยียนเดินไปข้างหน้ามู่เอ้าเทียนและส่งเสียงเรียกออกมาเบาๆ
"อืม"
มู่เอ้าเทียนตอบเสียงดังฟังชัด เขาหันลูกตาดำมามองนาง “ลูกรัก เหตุใดถึงออกมาข้างนอกเล่า? ไม่พักผ่อนอยู่ที่บ้านสักหน่อยหรือ”
“มิใช่ว่าเพราะข้าไม่ได้เจอท่านพ่อั้แ่เช้าจึงรู้สึกกังวลเล็กน้อยจนต้องออกมาหาหรือ ระหว่างทางข้าเจอคนขายขนมกุ้ยฮวาหอมๆ ข้าจำได้ว่าท่านชอบทาน ดังนั้นข้าจึงซื้อมาให้ท่านด้วยเ้าค่ะ"
นางกล่าวพลางยกมือขึ้น จะมิใช่ขนมกุ้ยฮวาที่นางว่าได้อย่างไร?
หัวใจของมู่เอ้าเทียนซาบซึ้งเป็ยิ่งนัก บุตรสาวแสนดีของเขา
เจียงถิงได้ชมภาพความกตัญญูกตเวทีระหว่างบิดาและบุตรสาวอยู่อีกด้าน ความอิจฉาแล่นริ้วขึ้นมาในหัวใจของเขา ดูบุตรสาวบ้านอื่นสิ มองไปไม่เห็นบิดาก็รู้สึกเป็กังวล อีกยังออกไปซื้อขนมกุ้ยฮวาหอมๆ มาให้ ช่างเป็บุตรสาวที่ทั้งกตัญญู ทั้งรู้ความ
เมื่อนึกถึงเด็กในครอบครัวตนเองบ้าง ั้แ่เล็กจนโตก็ไม่เคยซื้อของอันใดมาให้พ่อของตนเองบ้าง ยังไม่ต้องพูดถึงการที่วิ่งหาเื่วุ่นวายมาให้เขาทั้งวัน
เจียงถิงอิจฉาจนแทบทนไม่ไหว
ยิ่งเขามองฮวาเหยียนมากเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งพอใจ เด็กสาวแสนฉลาดรู้ความคนนี้คือลูกสะใภ้ของตระกูลเจียง
“เด็กดี พ่อมาทวงเงิน วางใจเถิด ใกล้จะเจรจาเสร็จแล้ว”
มู่เอ้าเทียนกล่าวขึ้นมาอีกครั้ง คำพูดของเขาพูดเพื่อปลอบฮวาเหยียนและทำให้นางสบายใจ หนี้ที่นางต้องรับผิดชอบถึงสามล้านตำลึงนั้น เขาใกล้จะแก้ไขได้สำเร็จแล้ว นางก็จะได้วางใจเสียที
ฮวาเหยียนพยักหน้า "ขอบคุณท่านพ่อ"
มู่เอ้าเทียนรู้สึกพอใจเป็อย่างยิ่ง
ดวงตาของฮวาเหยียนหันกลับมาจ้องไปที่ร่างของเจียงถิง นางพยักหน้าเบาๆ ั์ตาของนางสุกใสราวสายวารี “ท่านลุงเจียง”
นี่คือการทักทายทำความเคารพ
ความสุภาพเรียบร้อยมีครบรอบด้าน เรียกได้ว่าเป็ผู้รู้มารยาท
“บุตรีคนโตแห่งตระกูลมู่ช่างอ่อนโยนเหลือเกิน! ”
“ใช่แล้ว นางคู่ควรที่จะได้เป็สุภาพสตรีอันดับหนึ่งของต้าโจว ด้วยบรรยากาศนั้น ความสุภาพและอ่อนโยนนั้น…”
“จริงด้วย จริงด้วย ทั้งสง่าผ่าเผย งดงามราวกับดอกเบญจมาศ คำพูดเช่นนี้ย่อมเปรียบได้ดั่งแม่นางน้อยเช่นบุตรีคนโตแห่งตระกูลมู่ผู้นี้”
ฝูงชนที่มองดูอยู่พูดคุยกันด้วยถ้อยคำที่เต็มไปด้วยคำชม มีคนที่รู้หนังสือพากันกล่าวชมเชย ซึ่งเสียงเหล่านี้ดังเป็พิเศษ พวกเขายังใช้สำนวนสี่อักขระมาบรรยายอีกด้วย
เมื่อคำพูดเหล่านี้ดังเข้าไปในหูของมู่เอ้าเทียน เขาย่อมภูมิใจตามธรรมชาติ และเมื่อคำพูดเหล่านี้เข้าหูของเจียงถิง เขายิ่งมองฮวาเหยียนมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งพอใจมากขึ้นเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม เมื่อถ้อยคำเหล่านี้เข้าหูของเจียงจือเฮ่า เขากลับะเิโทสะออกมา!
ไอ้พวกโง่เง่าพวกนี้! เ้าตาบอดหรือ?
มู่อันเหยียนผู้นั้นน่ะหรือ? สง่าผ่าเผย? งดงามราวกับดอกเบญจมาศ? อ่อนโยนมีมารยาท? ฮ่าฮ่าฮ่าฮ่า ข้าอยากจะหัวเราะให้ฟันซี่ใหญ่หักนัก
มู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่ต่างหากที่เป็คนใจดำ เ้าเล่ห์เพทุบาย ทรยศหักหลังยิ่งกว่าจิ้งจอกเ้าเล่ห์ หญิงสาวผู้ดุร้ายที่คิดจะลงมือก็ลงมือทันทีที่นางไม่เห็นด้วย!!!
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้