อวี๋ฉี่เจ๋อกวาดตามองท่านั่งไม่สุภาพของนางหลุบตาลงพลางส่งถุงเงินในมือไปให้ "ในนี้มีเงินสี่สิบกว่าอีแปะคืนนี้เ้าออกไปจากสกุลอวี๋ของพวกเราเถิด"
อวี๋เจียวงุนงงนางไม่รู้ว่าทำไมอยู่ดีๆ อวี๋ฉี่เจ๋อถึงไล่นางออกไปนางพ่นฟางออกจากปาก เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิเอื้อมมือไปรับถุงเงินในมือของอวี๋ฉี่เจ๋อแล้วเทออกมานับ "เงินแค่นี้ข้าออกจากสกุลอวี๋แล้วจะไปไหนได้? ถ้าท่านคืนใบสัญญาซื้อตัวให้ข้าข้ายังพอจะคิดดูบ้าง"
นางโยนถุงเงินกลับไปให้อวี๋ฉี่เจ๋ออีกครั้ง
อวี๋ฉี่เจ๋อกำถุงเงินไว้หลุบตาลงเอ่ยอธิบาย "ท่านย่าจะขายเ้าให้คนค้ามนุษย์"
"เพราะอะไร?" หลังจากอวี๋เจียวเอ่ยถามภายในใจพลันมีคำตอบ อวี๋เจียวทำเื่เช่นนี้ แน่นอนว่าสกุลอวี๋ไม่อาจละเว้นนาง
น้ำเสียงของอวี๋ฉี่เจ๋อเบาลงเอ่ยเสริมเพราะเกรงว่าอวี๋เจียวจะไม่รู้ถึงผลลัพธ์หลังถูกขายให้คนค้ามนุษย์“คนค้ามนุษย์จะขายแม่นางที่หน้าตาดีอยู่บ้างไปยังหอคณิกา”
กล่าวจบเขาวางถุงเงินไว้ข้างเท้าของอวี๋เจียว เอ่ยว่า “ข้าก็มีเพียงเท่านี้ย่อมดีกว่าไม่มีเลย รอกระทั่งถึงยามจื่อ (23:00-01:00น.)ทุกคนในจวนหลับสนิทแล้วเ้าก็ไปเถิด”
อวี๋เจียวมองอวี๋ฉี่เจ๋อดวงตาสดใสแย้มยิ้มเอ้อระเหย ที่แท้ในสายตาของพี่ห้าสกุลอวี๋นางยังถือว่าหน้าตางดงามอยู่บ้าง
"ข้ายังไม่ได้ตอบแทนท่าน ข้าจะไปทั้งเช่นนี้ได้อย่างไร?"
ตอบแทน? คนที่ถูกคนในครอบครัวขายมาเสริมมงคล ทั้งยังจะถูกผู้อื่นขายให้คนค้ามนุษย์ผู้ใดจะคาดหวังให้นางตอบแทนบุญคุณกัน?
อวี๋ฉี่เจ๋อไม่ได้ใส่ใจคำพูดของอวี๋เจียวแต่อย่างใดเขาไม่เคยอยากให้อวี๋เจียวซาบซึ้งน้ำใจของเขาถึงแม้จะไม่พอใจในการกระทำของเมิ่งอวี๋เจียวแต่ถึงอย่างไรก็เป็เพราะเสริมมงคลให้เขา ขอเพียงนางออกไปจากสกุลอวี๋ต่อไปภายหน้าจะเป็ตายร้ายดีอย่างไรก็ไม่เกี่ยวข้องกับเขา
ยามพลบค่ำอวี๋เจียวไม่ได้รอให้อวี๋ฉี่เจ๋อนำอาหารมาให้นาง เพราะนางชินแล้ว ถึงอย่างไรก็ตามั้แ่มาถึงสถานที่ผีสิงแห่งนี้ นางแทบไม่เคยได้กินให้อิ่มท้องสักครั้ง
ปลายนิ้วของนางหยอกล้อถุงเงินที่อวี๋ฉี่เจ๋อทิ้งไว้หากต้องถูกขายไปหอคณิกา เช่นนั้นไม่สู้ฉวยโอกาสนี้ออกจากสกุลอวี๋ยังดีกว่าอวี๋เจียวถามตัวเองแล้วรู้ว่าตนไร้ความสามารถจะไปเดินเตร่ในหอนางโลม
ดึกดื่นค่อนคืนอวี๋เจียวออกจากห้องเก็บฟืน ภายในลานบ้านมืดสนิท ทุกห้องปราศจากแสงเทียนคนสกุลอวี๋คงหลับกันหมดแล้ว อาศัยแสงจันทร์สลัว อวี๋เจียวเดินไปยังประตูจวนอย่างเงียบเชียบคลำหากลอนประตู ครั้นกำลังจะเปิดออกไปด้านนอกประตูจวนกลับมีเสียงฝีเท้าเร่งรีบดังใกล้เข้ามา
ตามมาด้วยเสียงทุบประตูดัง ''ปัง'' “ท่านลุงอวี๋ เปิดประตูเร็วเข้า ช่วยด้วย!”
ทันทีที่อวี๋เจียวดึงบานประตูฝูงชนพลันวิ่งเข้ามาพร้อมกับใช้บานประตูหามชายวัยกลางคนที่กำลังหมดสติเมื่อเห็นผู้ที่เปิดประตูคืออวี๋เจียวจึงไม่ใส่ใจแม้แต่นิดผลักอวี๋เจียวไปด้านข้าง จากนั้นมุ่งหน้าไปตามหาคนที่ห้องโถงอย่างรีบร้อน
คนสกุลอวี๋รู้สึกตัวตื่นเพราะเสียงโวยวายหน้าประตูภายในห้องมีแสงเทียนส่องสว่าง ผู้เฒ่าอวี๋สวมอาภรณ์และรีบเดินออกมาข้างนอกเมื่อก่อนเคยพบเจอคนป่วยฉุกเฉินกลางดึกคนสกุลอวี๋จึงคุ้นชินกับสถานการณ์เช่นนี้เป็อย่างยิ่ง
ครั้นคนสกุลโจวเห็นผู้เฒ่าอวี๋พลันร้องไห้ขอความช่วยเหลือเกิดเป็ความโกลาหลให้ทั่ว ผู้เฒ่าอวี๋ฟังไม่ออกแม้แต่นิดว่าพวกเขาพูดว่าอะไร
เขาผูกอาภรณ์พลางเอ่ยว่า"อย่าพึ่งตื่นตระหนก ให้ข้าตรวจดูเสียก่อน คนสกุลโจวเ้าเล่ามาว่าแท้จริงแล้วเกิดเื่อะไรขึ้น?"
เมื่อถูกผู้เฒ่าอวี๋เรียกชื่อสตรีแซ่โจวรีบเอ่ยออกมาว่า "ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นตอนกลางคืนกำลังนอนหลับสบาย สามีของข้าพลันชักกระตุกแล้วหมดสติไปเ้าค่ะ"
ผู้เฒ่าอวี๋ย่อตัวลงมองโจวไหวที่แขนขาแข็งทื่อบนบานประตูเมื่อพบว่าบนปากของเขามีฟองสีขาวจึงยกมือขึ้นจับชีพจรของโจวไหว พึมพำเสียงเบาว่า"คงไม่ใช่โรคลมชักกระมัง?"
คนสกุลโจวต่างพากันใสตรีแซ่โจวเอ่ยพลางปาดน้ำตา “เมื่อก่อนบุรุษของข้าไม่เคยเป็เช่นนี้คง...คงไม่ใช่โรคลมชักกระมัง...”
ผู้เฒ่าอวี๋จับชีพจรอีกครู่สีหน้าเปลี่ยนไปเล็กน้อย พบว่าโจวไหวที่สลบไสลไปใบหน้าแดงก่ำ ริมฝีปากม่วงคล้ำลมหายใจรวยรินและแขนขาเย็นเยียบ กล่าวด้วยความใว่า"พวกเ้ารีบพาโจวไหวไปหาหาหมอในเมืองเร็วเข้า ชีพจรอ่อนลมหายใจรวยรินนี่เป็สัญญาณว่ากำลังจะตาย ข้ารักษาไม่ได้!"
เมื่อคนสกุลโจวได้ยินเช่นนั้นถึงกับตื่นตระหนกบ้างร้องไห้ บ้างเรียกท่านพ่อ บ้างเรียกสามี ยื่นมือออกไปหาโจวไหวที่นอนอยู่บนบานประตูคิดจะปลุกเขาให้ตื่นขึ้นมา
ผู้เฒ่าอวี๋รีบห้ามปราม"อย่าแตะต้องเขา! พวกเ้ารีบพาเขาไปในเมือง หากช้าไปแม้แต่เค่อ[1]เดียวเกรงว่ายังไม่ทันไปถึงในเมือง เขาคงไม่รอดเสียแล้ว!"
อวี๋เจียวลอบพิจารณาบุรุษที่หมดสติจากมุมหนึ่งอยู่ตลอดนางพอจะเห็นร่องรอยบางอย่าง ตอนนี้ภายในห้องเกิดเสียงดังโวยวายอวี๋เจียวฉวยโอกาสยามไม่มีผู้ใดสนใจตนเดินเข้าไปมองสีหน้าของโจวไหวอย่างละเอียดใช้ปลายนิ้วแตะฟองน้ำลายสีขาวตรงมุมปากของโจวไหวขึ้นมาดม
หันไปเอ่ยถามสตรีแซ่โจวเสียงนิ่งว่า“ตอนเขาอาการกำเริบ พวกท่านกำลังร่วมรักกันใช่หรือไม่?”
สตรีแซ่โจวปาดน้ำตาใบหน้าชราเจือสีแดงระเรื่อเมื่อถูกอวี๋เจียวเอ่ยถามเช่นนี้นางชำเลืองมองไปทางอวี๋เจียว “เ้า...เ้าถามเื่นี้ทำไม?”
ฮูหยินเฒ่าอวี๋เดินออกมาจากห้องฝั่งตะวันออกหลังสวมอาภรณ์เรียบร้อยเมื่อได้ยินอวี๋เจียวเอ่ยถามคำถามไร้ยางอายเช่นนี้จึงถลึงตาจ้องนาง “หุบปาก!”
อวี๋เจียวกระตุกมุมปากชายหนุ่มสองคนจากสกุลโจวผลักอวี๋เจียวออกจากข้างกายโจวไหวรีบยกบานประตูขึ้นเพื่อพาเขาไปหาท่านหมอในเมือง
อวี๋เจียวถูกผลักจนซวนเซนางพยายามทรงตัวแล้วเอ่ยอย่างเอ้อระเหยว่า “เขามีอาการของม้าทะยานลม[2] พวกท่านยังไม่ทันพาไปพบท่านหมอในเมือง คนก็คงหมดลมหายใจไปแล้ว”
ผู้เฒ่าอวี๋ได้ยินคำพูดของอวี๋เจียวจึงสำรวจอาการของโจวไหวอีกครั้งเอ่ยอย่างเข้าใจโดยพลัน "ที่แท้ก็ม้าทะยานลม โรคนี้เรียกว่าการตายคาอกบางคนจะว่าตายก็ตายได้อย่างง่ายดายทันทีข้าไม่เคยได้ยินว่ามีหมอที่สามารถรักษาอาการม้าทะยานลมนี้ได้"
แม้ว่าคนสกุลโจวจะไม่รู้ว่า ''ม้าทะยานลม'' คือโรคอะไรแต่เมื่อได้ยินผู้เฒ่าอวี๋บอกว่าสาหัสเช่นนี้ คนกลุ่มหนึ่งจึงเริ่มร้องไห้อย่างทำอะไรไม่ถูกอีกครั้งไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี
บุตรชายคนโตของโจวไหวคุกเข่าลงตรงหน้าผู้เฒ่าอวี๋เสียงดัง‘ตุ้บ’ เอ่ยว่า “ท่านผู้าุโอวี๋ในเมื่อท่านรู้ว่าเป็โรคอะไร ขอท่านได้โปรดช่วยชีวิตบิดาของข้าด้วยเถิด!”
ผู้เฒ่าอวี๋โบกมือไปมา“ข้าช่วยไม่ได้ ม้าทะยานลมไม่ใช่โรคทั่วไปการคร่าชีวิตคนภายในเสี้ยววินาทีล้วนเป็เื่ธรรมดา ข้าไม่มีวิธีรักษาจริงๆ”
ถ้าเขาสามารถรักษาโรคที่รักษาไม่หายเช่นนี้เขาคงมีชื่อเสียงโด่งดังไปนานแล้ว
สตรีแซ่โจวได้ยินดังนั้นถึงกับทรุดตัวลงนั่งคุกเข่ากับพื้นเอ่ยพลางคร่ำครวญว่า “ไร้หนทางช่วยบุรุษของข้าแล้วหรือ? บิดาของลูกชายข้า ถ้าท่านจากไป ข้ากับลูกๆ จะมีชีวิตอยู่ต่อไปอย่างไร!”
ลูกชายคนโตของสกุลโจวกำหมัดแน่นใช้หลังมือปาดน้ำตาบนใบหน้า เอ่ยด้วยน้ำเสียงแค้นเคือง“ข้าจะพาท่านพ่อไปรักษาในเมือง ย่อมไม่อาจรอความตายเช่นนี้!”
อวี๋เจียวถอนหายใจเบาๆเอ่ยขึ้นว่า “จะให้ข้าลองหรือไม่?”
ทันใดนั้นสายตาของทุกคนในห้องพลันจับจ้องมาที่นางฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋ถลึงตาใส่นางอย่างดุดัน เพราะคนในสกุลโจวอยู่ด้วยจึงเอ่ยตักเตือนด้วยน้ำเสียงของผู้าุโ“ยังจะก่อความวุ่นวายอะไรอีก? ดึกดื่นค่อนคืนแล้วยังโผล่หน้าออกมาไม่รู้จักสำรวม ยังไม่รีบกลับห้องไปนอนอีก!”
ดวงตาของสตรีแซ่โจวเปล่งประกายโดยพลันเมื่อนึกถึงคำถามเมื่อครู่ที่อวี๋เจียวถามว่านางกับบุรุษของนางกำลังร่วมรักกันหรือไม่สตรีแซ่โจวพลันคว้ามือของอวี๋เจียวมาจับไว้โดยไม่ต่างจากคว้าความหวังสุดท้าย"เ้าช่วยบุรุษของข้าได้ใช่หรือไม่? ขอเ้าช่วยบุรุษของข้าด้วยเถิดภายหน้าต่อให้เป็วัวเป็ม้า สกุลโจวของพวกเราจะต้องตอบแทนเ้าแน่นอน"
“นางน่ะหรือจะตรวจโรคเป็ คนแซ่โจว ถึงแม้อาการป่วยหนักแต่เ้าก็ไม่อาจหาหมอซี้ซั้ว ควรจะรีบพาบุรุษของเ้าไปหาหมอในเมืองถึงจะถูกต้อง!”ฮูหยินผู้เฒ่าอวี๋เอ่ยพลางแย้มรอยยิ้มเหยียด
“อย่าได้ฟังนางพูดจาซี้ซั้ว พวกเ้ารีบพาเขาไปหาหมอเถิด!”ผู้เฒ่าอวี๋ไม่อยากให้โจวไหวหมดลมในจวนของตน ถึงแม้เขาจะเป็หมอแต่ยังคงหลีกเลี่ยงเื่อัปมงคลเช่นนี้
เชิงอรรถ
[1] เค่อคือหน่วยเวลาจีน หนึ่งเค่อเท่ากับสิบห้านาที
[2] ม้าทะยานลม ลมลงสะโพกหมายถึงอาการที่เกิดขึ้นขณะมีเพศสัมพันธ์ที่ดุเดือดจนเกินไป ทำให้เกิดอาการหมดสติหรือถึงขั้นเสียชีวิต
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้