ซูเฟยจ้องเขม็งไปยังชุนเถา ผมที่หวีอย่างดีถูกน้ำจนยุ่งเหยิง ใบหน้าแดงก่ำด้วยความโมโห ขณะะโออกไปด้านนอกตำหนัก “คนที่อยู่ข้างนอกเข้ามาในนี้ประเดี๋ยวนี้! มาพาตัวคนบ้าสารเลวคนนี้ไปที่ห้องมืด! แล้วโบยนางให้หนักๆ!”
นางกำนัลที่อยู่ด้านนอกได้ยินเสียงะโสั่งรีบวิ่งเข้ามาด้านใน แลเห็นพระสนมซูเฟยมีสีหน้าโกรธแค้นจึงรีบหันไปมองอีกฝั่ง นางกำนัลพยักหน้าพร้อมกับลากตัวชุนเถาที่กำลังร้องโวยวายไปยังห้องมืด
เต๋อเฟยมองซูเฟยที่มีสภาพดูไม่ได้ ก้าวตรงเข้าไปหาพร้อมกับแกล้งยิ้มอย่างเป็ห่วงเป็ใย “พี่สาว ไม่เป็ไรใช่หรือไม่!”
ซูเฟยกัดฟัน สองมือกำแน่นด้วยความกราดเกรี้ยว จ้องเขม็งไปยังหนิงมู่ฉือขณะสายหน้า “ข้าไม่เป็ไร!”
หนิงมู่ฉือนึกในใจ สมกับเป็พระสนมซูเฟย โกรธมากขนาดนี้ยังคุมสติตัวเองได้ หากเป็นาง ป่านนี้คงร้องห่มร้องไห้ออกมาแล้ว ไหนเลยจะยังคุมสติพูดจาได้อยู่อีก
เต๋อเฟยลอบส่งสายตาให้หนิงมู่ฉือ นางพยักหน้า ก่อนจะเดินไปนำแป้งสาลีมาเทใส่ในถ้วย แล้วตอกไข่ใส่ลงไป แกล้งทำเป็จัดการหอมต่อ ประหนึ่งเมื่อครู่ไม่มีเื่ใดเกิดขึ้น
เต๋อเฟยมองซูเฟยที่ยังคงมีสีหน้าโกรธแค้น พร้อมกับเข้าไปช่วยพยุง “พี่สาว เข้าไปด้านในให้ร่างกายอบอุ่นก่อนเถิด”
ทว่าซูเฟยกลับสะบัดแขนของเต๋อเฟยออก ใบหน้าที่มีหยดน้ำเกาะพราวมองเต๋อเฟยอย่างเหยียดหยาม “ฮึ เ้าไม่ต้องมาเป็ห่วงข้า!”
เอ่ยจบก็เดินออกจากประตูห้องครัวเข้าไปด้านในตำหนัก โทสะที่กล้ำกลืนเอาไว้ราวกับจะสามารถฉีกเต๋อเฟยให้เป็ชิ้นๆ ได้
ทันทีที่ลับหลังซูเฟย หนิงมู่ฉือก็กลั้นไม่อยู่หัวเราะออกมา สายตาหันไปมองพระสนมเต๋อเฟยด้วยความสะใจ กลับคาดไม่ถึงว่าพระสนมเต๋อเฟยจะมองมายังนางด้วยสายตาต่อว่า นางจึงรีบหุบปากฉับ
เต๋อเฟยถอนหายใจออกมาก่อนจะเอ่ยเตือน “นางหนูหนิง ครั้งหน้าอย่าทำอะไรไม่คิดเช่นนี้อีก ครั้งนี้เป็เพราะมีข้าอยู่ นางถึงไม่ทำอะไรเ้า หากข้าไม่อยู่ นางได้ลงโทษเ้าหนักแน่”
นางพยักหน้า เต๋อเฟยจึงยิ้มหวานตอบกลับมาให้ “เอาละ เ้าต้องทำอาหารในวันนี้ให้ดี อย่าให้ผู้อื่นดูถูกเ้าได้ ข้าจะไปดูซูเฟยก่อน เ้าอยู่ที่นี่ทำอาหารของเ้าให้ดี”
นางยอบกายคำนับขณะมองพระสนมเต๋อเฟยเดินจากไป ทันทีที่ลับหลังพระสนมเต๋อเฟย น้ำตานางพลันไหลออกมา เมื่อครู่นางใจริงๆ นางร้องไห้ขณะหยิบเกลือใส่ลงไปในแป้งสาลี เติมน้ำแล้วเริ่มนวดแป้ง
นางมองมือของตัวเองที่มีก้อนแป้งสาลีก้อนเล็กๆ ติดอยู่เต็มไปหมด สลัดอย่างไรก็ไม่ออก นางทนไม่ไหวหัวเราะออกมา หลังจากนวดแป้งจนได้ที่แล้วก็ใส่น้ำมันลงไปในกระทะ
นางมองแป้งในมือ หากจะเอามาทำหมั่นโถวก็ดูจะน่าเสียดายเกินไป สู้มาทำขนมที่นางเพิ่งคิดค้นใหม่ไม่ดีกว่าหรือ ปิ่ง[1] ตัดิญญา โดยที่ไม่รู้เลยว่าชื่อของขนมจะนำพาปัญหามาสู่ตนเอง!
ความหมายแฝงของชื่อขนมนี้คือ เมื่อทานเข้าไปแล้วจะทำให้คนผู้นั้นตัวสั่น ราวกับิญญาถูกตัดแยกออกเป็สองส่วน
นางใส่เกลือและน้ำมันลงไปในหอมที่ซอยเอาไว้แล้ว ถ้าใส่เนื้อลงไปด้วยคงจะดีกว่านี้ น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ
นางนำแป้งมาคลึงให้เป็แผ่น วางซ้อนกันบนเขียง ก่อนจะใส่หอมที่ซอยเสร็จเรียบร้อยแล้วลงไปในแต่ละชั้น กลิ่นหอมของหอมที่ลอยโชยขึ้นมาอดทำให้ผู้คนเคลิบเคลิ้มไม่ได้
การทำอาหารประเภทแป้ง สำคัญที่สุดคือฝีมือ ถ้าฝีมือดี แรงพอดี อาหารที่ทำออกมาก็จะรสชาติดี
ครั้นหนิงมู่ฉือได้ยินเสียงน้ำมันเดือดก็ยิ้มออกมา นางนำแป้งใส่ลงไปในกระทะ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงแปะๆ คล้ายคนตบมือ
กลิ่นหอมที่โชยขึ้นมาจากกระทะทำให้นางยิ้มกว้างอย่างดีใจ การทำอาหารทำให้นางลืมเื่ไม่ดีที่ได้ประสบก่อนหน้านี้ไปจนหมดสิ้น
กลิ่นหอมโชยเข้าไปถึงในตัวตำหนักิฉือ ซูเฟยในตอนนี้เปลี่ยนเป็เสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว ผมเผ้าก็หวีใหม่แล้วเช่นกัน แลดูสะอาดสะอ้านกว่าก่อนหน้านี้มากนัก
เต๋อเฟยที่นั่งอยู่มองซูเฟยซึ่งยังมีสีหน้าโกรธแค้น ขณะที่ในใจไม่อาจใช้คำว่าสะใจคำเดียวมาบรรยายได้ นางแกล้งทำเป็เอ่ยถามอย่างเป็ห่วง “พี่สาว ดีขึ้นหรือยังเพคะ ข้าเป็ห่วงพี่เหลือเกิน”
ซูเฟยได้ยินในใจนึกแค้นยิ่งนัก จนมือที่ยื่นออกไปหยิบเตาอุ่นมาถือถึงกับสั่นเทา ทว่าเมื่อนางได้กลิ่นหอมโชยมาจากห้องครัว ท้องพลันส่งเสียงร้องออกมา
เต๋อเฟยหลุดขำออกมา “ที่แท้พี่สาวก็หิวนี่เอง!”
ซูเฟยมองเต๋อเฟยด้วยสีหน้าอับอาย ก่อนจะหันไปส่งสัญญาณทางสายตาให้นางกำนัลข้างตัว นางกำนัลผู้นั้นพยักหน้า จากนั้นนำน้ำแกงเทาเที่ยที่ฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินส่งคืนมาให้ไปที่ห้องครัว
นางกำนัลผู้นี้เพิ่งได้ขึ้นมาแทนที่ชุนเถา จึงไม่อาจปิดบังความตื่นเต้นดีใจเอาไว้ได้ เมื่อไปถึงห้องครัวก็ใช้เท้าถีบประตูห้องครัวให้เปิดออกอย่างไม่เกรงใจ ก่อนจะะโถามหนิงมู่ฉือ “ทำเสร็จแล้วหรือยัง พระสนมทรงหิวแล้ว!”
หนิงมู่ฉือเหลือบมองนางกำนัลที่มีท่าทียโสโอหังผาดหนึ่ง พร้อมกับคิดในใจ บ่าวรับใช้ของตำหนักนี้นิสัยเหมือนกับเ้านายไม่ผิดเพี้ยน ชอบใช้อำนาจที่มีในมือมารังแกผู้อื่น!
แม้จะคิดเช่นนั้น แต่ปากกลับยิ้มตอบออกไปว่า “แม่นาง อย่าเพิ่งใจร้อนสิ ข้าอยากให้พระสนมได้ทานของอร่อย ซึ่งของอร่อยก็จำเป็ต้องใช้เวลา น้ำแกงเทาเที่ยที่อยู่ในมือเป็ของบำรุงร่างกายชั้นดี ส่งมาเถิด เดี๋ยวข้าช่วยอุ่นร้อนให้”
นางกำนัลผู้นั้นวางถ้วยน้ำแกงลงบนโต๊ะเสียงดังอย่างไม่เกรงใจ ก่อนจะไปนั่งรอด้านข้าง เอ่ยอย่างยโสว่า “ทำให้มันเร็วหน่อย พระสนมของข้าไม่มีเวลามารอเ้านานนักหรอกนะ!”
นางพยักหน้าขณะนำน้ำแกงไปอุ่นร้อน เสร็จเรียบร้อยก็ยกให้นางกำนัลผู้นั้น นางกำนัลผู้นั้นไม่แม้แต่จะเอ่ยขอบคุณ กลับถลึงตาใส่นาง “เสื้อผ้าที่เ้าใส่ช่างซอมซ่อเหลือเกิน!”
นางคิดจะตอบโต้กลับ หากแต่พบว่านางกำนัลผู้นั้นเดินออกไปไกลแล้ว ทันใดนั้นเองนางนึกถึงปิ่งที่อยู่ในกระทะขึ้นมาได้ นางร้องในใจว่าแย่แล้ว พร้อมกับรีบวิ่งไปดูในกระทะ นางตักปิ่งขึ้นมา สะเด็ดน้ำมันออก ก่อนจะโรยหอมไว้้าอีกรอบ ห่อด้วยกระดาษอย่างดี แล้วรีบเดินเข้าไปด้านในตำหนักิฉือ
หนิงมู่ฉือใจเต้นแรงอยู่ตลอด ด้วยกลัวว่าหากพระสนมซูเฟยไม่พอใจจะสั่งตัดศีรษะนาง นางยกขนมไปวางตรงหน้าพระสนมซูเฟย คุกเข่าแล้วเอ่ยว่า “พระสนม ปิ่งตัดิญญาทำเสร็จเรียบร้อยแล้วเพคะ ขอพระสนมลองเสวย”
กลิ่นหอมของปิ่งลอยอบอวลไปทั่วทั้งตำหนัก นางกำนัลขันทีทั้งหลายต่างลอบกลืนน้ำลายกันเป็ทิวแถว มองปิ่งที่อยู่ในมือหนิงมู่ฉือไม่วางตา
เดิมทีซูเฟยคิดจะแกล้งทำเป็ไม่สนใจ ทว่าหน้าตาและกลิ่นหอมของมันช่างเย้ายวนใจเหลือเกิน นางไม่อาจทำเป็ไม่สนใจได้ ค่อยๆ หยิบขึ้นมาชิ้นหนึ่ง นำเข้าปากอย่างระมัดระวัง
นางไม่คิดเลยว่า ปิ่งที่หน้าตาที่แสนจะธรรมดาเมื่อทานเข้าไปแล้วจะอร่อยล้ำถึงเพียงนี้ ความรู้สึกแรกที่นำเข้าปากคือกรอบ ต่อมาคือนุ่ม ยกระดับลิ้นของนางให้สูงขึ้นไปอีกขั้น
นางหลับตาดื่มด่ำกับรสชาติของมัน กลิ่นหอมลอยอวลไปทั่วโพรงจมูก นางไม่สนใจภาพลักษณ์ตำแหน่งเฟยของตัวเองอีกต่อไป กัดเข้าไปคำใหญ่อีกคำ เคี้ยวอย่างรอคอยที่จะได้ทานชิ้นที่สอง เมื่อคอแห้งก็ยกถ้วยน้ำแกงเทาเที่ยขึ้นดื่ม ช่างเป็ความสุขของชีวิตเสียนี่กระไร!
เต๋อเฟยที่มองอยู่เห็นท่าทางเช่นนั้น อดไม่ได้ที่จะลอบกลืนน้ำลาย
[1] ปิ่ง ขนมอบ ย่างหรือทอดของจีน ทำจากแป้งสาลี มีลักษณะเป็รูปกลมๆ
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้