ซูเฟยเองก็มองมาทางหนิงมู่ฉือและจ้าวซีเหอเช่นกัน ยิ้มท้าทายขณะเดินนวยนาดตรงเข้ามา
หนิงมู่ฉือรู้ดีว่า พระสนมองค์นี้ไม่มีทางมาอย่างเป็มิตรแน่นอน ทว่าก็ยังยอบกายคำนับ “หม่อมฉันถวายบังคมพระสนมเพคะ”
จ้าวซีเหอมองซูเฟยครู่หนึ่ง ก่อนจะคำนับ เขาไม่ถูกกับอัครมหาเสนาบดีเฉินอวี้มาแต่ไหนแต่ไร เช่นนั้นพระสนมองค์นี้ย่อมไม่มีทางชอบเขาแน่นอน แล้วก็เป็อย่างที่คิด ซูเฟยจงใจไม่สนใจเขา หากแต่ตรงเข้าไปพูดคุยกับหนิงมู่ฉือแทน “ไอโยว เทพแม่ครัวมาแล้วหรือ”
หนิงมู่ฉือมองซูเฟยพร้อมกับเชิดหน้าขึ้นอย่างเย่อหยิ่ง นางฟังออกถึงน้ำเสียงเหน็บแนมภายในประโยค แต่ก็ยังยอบกายขอบคุณขณะเอ่ย “พระสนมกล่าวชมเกินไปแล้วเพคะ”
จ้าวซีเหอยิ้มพร้อมกับก้าวไปเบื้องหน้าพระสนมซูเฟย “่นี้พระสนมทรงพระสิริโฉมขึ้นนะพ่ะย่ะค่ะ ดูท่าฝ่าาจะทรงพรมพิรุณให้พระองค์อย่างหนัก”
ซูเฟยได้ฟัง สีหน้าไม่สู้ดีนัก เค้นเสียงฮึ กล่าวด้วยน้ำเสียงเ็า ก่อนจะหมุนตัวเดินจากไป “ซื่อจื่อ เหตุใดท่านถึงได้สนใจเื่ในวังหลังนัก”
จ้าวซีเหอหันไปไหวไหล่ให้หนิงมู่ฉือ จากนั้นพาหนิงมู่ฉือไปยังสถานที่แข่งขัน ซึ่งระหว่างทางได้เจอกับบรรดาขันทีพ่อครัวไม่น้อย
ในสายตาขันทีพ่อครัวเหล่านี้ หนิงมู่ฉือไม่ต่างอันใดกับเหยื่อชั้นดี ทุกคนล้วนคิดว่า การแข่งคราวที่แล้วที่หนิงมู่ฉือสามารถเอาชนะพ่อครัวจากต่างแคว้นได้เป็เพราะโชคช่วย หากครั้งนี้ไม่มีทางเป็เช่นนั้นแน่
หนิงมู่ฉือมองเหล่าขันทีพ่อครัวที่ทำหน้าตาดุดันใส่นาง นางมองบนกลับไป ทำให้ขันทีพ่อครัวเ่าั้ต่างกำหมัดแน่นด้วยความแค้นใจ
เนื่องจากข้างกายหนิงมู่ฉือมีจ้าวซีเหออยู่ด้วย ขันทีพ่อครัวเหล่านี้จึงไม่กล้าลงมือ ทำได้เพียงเดินเข้ามาใกล้ แล้วกล่าววาจาดูถูกถากถางนางเท่านั้น
“เด็กสาวสมัยนี้ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย อยากจะเป็เทพแม่ครัวจนถึงกับใช้วิธีที่มันไม่ถูกต้อง!”
“ใช่ ก็แค่โชคดี ทำเป็วางท่าใหญ่โต พวกเ้ารู้หรือไม่ เป็เพราะนาง หัวหน้าถึงได้ถูกฝ่าาเอ็ดเอา”
หนิงมู่ฉือมีสีหน้าไม่พอใจกับคำดูถูกของขันทีพ่อครัวเหล่านี้ อยากจะเข้าไปถกปัญหาเื่นี้กับบรรดาพ่อครัวเหล่านี้ให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่ถูกจ้าวซีเหอรั้งแขนเสื้อห้ามเอาไว้เสียก่อน
นางหันไปมองเขาอย่างแปลกใจ ทว่ากลับพบแต่รอยยิ้มอ่อนที่เขาส่งมาให้ “วางใจเถิด เื่นี้ประเดี๋ยวข้าจัดการเอง”
จ้าวซีเหอจูงมือหนิงมู่ฉือที่ยังคงทำหน้างุนงงปรี่เข้าไปหาบรรดาขันทีพ่อครัวทั้งหลาย ยิ้มเ็าพร้อมกับกล่าวกับขันทีพ่อครัวซึ่งไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเหล่านี้ “ข้าได้ยินว่าพวกเ้ากำลังพูดถึงตำหนักอ๋องของข้าในทางที่ไม่ดี”
ขันทีพ่อครัวทั้งหลายเห็นสีหน้าเ็าของจ้าวซีเหอก็หวาดกลัวยิ่ง ท่านอ๋องเป็คนที่พวกเขามิอาจจะล่วงเกินได้ ริมฝีปากจึงรีบแย้มออกเป็รอยยิ้มประจบทันควัน “ไม่ใช่นะขอรับ ซื่อจื่อฟังผิดแล้วขอรับ พวกเรากำลังพูด…”
หนิงมู่ฉือชิงกล่าวตัดบทอย่างมีโทสะเสียก่อน “ต่อให้พวกท่านพูดถึงข้า ก็น่าจะรู้ว่าข้าเป็คนของตำหนักอ๋อง กล่าววาจาให้ร้ายข้าต่อหน้าซื่อจื่อ เท่ากับอยากจะเป็ศัตรูกับตำหนักอ๋อง”
จ้าวซีเหอมองบรรดาขันทีพ่อครัวทั้งหลายด้วยสีหน้าราบเรียบ พ่อครัวทั้งหลายเกิดความรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาจับใจ รีบคุกเข่า ตัวสั่นงกๆ “ซื่อจื่อ ท่านดูปากของพวกเราสิขอรับ ช่างไม่ดีเอาเสียเลย ขอท่านอย่าได้เก็บมาใส่ใจเลยนะขอรับ”
“หากให้ข้าได้ยินคำพูดไม่ดีเหล่านี้ออกจากปากของพวกเ้าอีกครั้ง ข้าไม่ใจดีเช่นวันนี้แน่”
ได้ยินดังนั้นขันทีพ่อครัวทั้งหลายต่างถอนหายใจอย่างโล่งอก คำนับขอบคุณจ้าวซีเหอยกใหญ่ แต่ก็ยังไม่วายลอบส่งสายตาประสงค์ร้ายให้หนิงมู่ฉือ จากนั้นถึงค่อยพากันวิ่งจากไป
“เฮอะ ช่างไม่รู้จักที่ต่ำที่สูงเอาเสียเลย” จ้าวซีเหอเค้นเสียงฮึ พร้อมกับก่นด่าไล่หลังขันทีพ่อครัวเ่าั้
หนิงมู่ฉือมองขอบคุณจ้าวซีเหออย่างซาบซึ้งใจ แววตาใสกระจ่างประดุจน้ำในบ่อที่ใสจนสามารถมองเห็นก้นบ่อได้ ใสถึงขั้นที่ว่า มีบางคราที่จ้าวซีเหอเห็นแววตาของนางแล้วในใจรู้สึกหวั่นไหว
คิดถึงว่าหลายปีต่อจากนี้ นางจะยังมองเขาด้วยสายตาเช่นนี้ ในใจพลันรู้สึกหวานล้ำ
เขายื่นมือไปขยี้ผมนาง นางสะดุ้ง เอี้ยวตัวหลบไปด้านข้าง พร้อมกับเอ่ยออกมา “ไอ้หยา! อีกเดี๋ยวข้าต้องลงแข่งแล้ว! ท่านทำแบบนี้ ข้าก็ดูไม่ได้กันพอดีสิเ้าคะ!”
เขามองท่าทางโกรธขึงของนางอย่างชอบใจ นับั้แ่วันนี้ดูท่าเขาจะมีงานอดิเรกใหม่ นั่นก็คือยั่วโมโหให้นางโกรธ แล้วค่อยตามง้อขอคืนดีทีหลัง
“ไม่เห็นเป็อันใดเลย มีข้าอยู่ ผู้ใดจะกล้าหัวเราะเยาะเ้า อีกอย่างข้าก็ไม่ได้ออกแรงมากมายเสียหน่อย” เขาหัวเราะขณะมองนาง ใจเต้นรัวและแรงราวกับมีลูกกวางเข้าไปวิ่งเล่นอยู่ข้างใน
เหมือนจะนานมากแล้วที่เขาไม่ได้รู้สึกเช่นนี้ หนิงมู่ฉือเอ๋ยหนิงมู่ฉือ เ้าคือของขวัญที่ดีที่สุดในชีวิตของเขาเลย
หนิงมู่ฉือมองไปข้างหน้าซึ่งมีผู้คนอยู่เต็มไปหมด จากนั้นหันมาเอ่ยอย่างร้อนใจ “ท่านดูสิเ้าคะ ตรงนั้นมีคนอยู่เยอะแยะเลย พวกเรารีบไปกันเถิด อย่าให้ฝ่าาต้องทรงรอจนร้อนพระทัยเลยนะเ้าคะ”
หนิงมู่ฉือค้นพบว่า นางมิได้รังเกียจจ้าวซีเหอเท่าก่อนหน้านี้อีกแล้ว ดูจากตอนนี้ เขาก็เป็บุรุษที่ดีคนหนึ่ง ทว่าสกุลของนางถูกฆ่าล้างสกุลไปแล้ว นางรู้สึกว่าเื่นี้มันต้องมีความลับบางอย่างซ่อนอยู่
หนิงมู่ฉือดึงแขนจ้าวซีเหอพาวิ่งไปยังสนามแข่งขัน เมื่อเห็นผู้คนมากมาย ในใจนางเริ่มรู้สึกขลาดกลัวขึ้นมา นางหันไปมองจ้าวซีเหออย่างลังเล ฝ่ามือเริ่มมีเหงื่อไหลซึมบางๆ
ครั้นจ้าวซีเหอเห็นหนิงมู่ฉือมีท่าทางเคร่งเครียดระคนตื่นเต้น เขาบีบมือให้กำลังใจนาง เมื่อพบว่ามือของนางเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาจึงเอ่ยปลอบด้วยรอยยิ้ม “ไม่ต้องเครียด การแข่งครานี้เ้าไม่จำเป็ต้องชนะ แข่งให้แพ้ก็พอ”
หนิงมู่ฉือพยักหน้าขณะเดินใจเต้นตุ๊มๆ ต่อมๆ ไปยังกลางเวทีการแข่งขัน นางสบตากับขันทีหัวหน้าพ่อครัวที่มองมายังนางพร้อมกับกลอกตา ในใจนางนึกกรุ่นโกรธยิ่ง
ขันทีผู้นี้คือคนที่เล่นงานนางลับหลัง เช่นนั้นก็สมน้ำหน้าแล้วที่ก่อนหน้านี้จะถูกนางเล่นงาน
นางเงยหน้ามองฮ่องเต้จ้าวเจี้ยนเจินที่ประทับอยู่บนพระที่นั่งยกสูง ซึ่งพระองค์ก็ทอดพระเนตรมายังนางเช่นกัน ในใจนางรู้สึกเครียดยิ่งกว่าเดิม ต่อหน้าคนมากมายเช่นนี้ จะแพ้อย่างไรถึงจะไม่ให้คนเหล่านี้รู้?
ขณะที่นางลอบถอนหายใจอย่างเหม่อลอยอยู่นั้น น้ำเสียงเล็กแหลมพลันดังเข้ามาในโสตประสาท
ขันทีผู้รับผิดชอบการแข่งขันในครานี้ประกาศว่า “การแข่งทำอาหารในครั้งนี้ เป็การแข่งระหว่างขันทีหัวหน้าพ่อครัวของวังหลวงกับแม่ครัวแห่งตำหนักอ๋อง ฝ่าาทรงมีพระเมตตา ทรงมีรับสั่งว่า นานแล้วที่ในวังไม่มีการจัดงานยิ่งใหญ่ การแข่งขันครั้งนี้จึงมีขึ้นเพื่อขจัดความเบื่อหน่ายและเหนื่อยล้าของทุกคน และเพื่อเป็การต้อนรับปีใหม่ที่กำลังจะมาถึง”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้