ผู้อำนวยการจินไม่สนใจสายตาที่ใของเหยาหลานกับเลขาฯ ใบหน้าของเขากระตือรือร้นพลางจับมือเจียงไป๋อย่างสั่นเทา แล้วพูดพร้อมกับหัวเราะว่า “น้องชายอายุยังน้อยอยู่แท้ๆ คิดไม่ถึงว่าจะเป็เพื่อนกับเ้าพ่อจ้าวได้ ฮ่าๆ ยกโทษให้ฉันด้วยที่ดูไม่ออก เมื่อครู่หากล่วงเกินอะไรไป นายรีบบอกมาได้เลย ฉันในฐานะพี่ชายก็จะดื่มชดใช้ให้มากหน่อย น้องชายก็อย่าได้คิดเล็กคิดน้อยกับพี่ชายล่ะ”
เมื่อ ผอ.จินพูดออกมา ก็ทำให้เหยาหลานประหลาดใจมากขึ้นไปอีก หากไม่ใช่เพราะเธอมีจิตใจที่แข็งแกร่ง เกรงว่าคงจะเป็ลมไปก่อนแล้ว
“พี่ชายก็พูดล้อเล่น เมื่อครู่พวกเราก็แค่ไม่รู้จักกัน ว่าไปแล้วเื่วันนี้ก็ยังต้องให้พี่ชายช่วยอีก ผมจะกล้าตำหนิพี่ได้อย่างไร? ต้องขอบคุณถึงจะถูก!”
เจียงไป๋พูดอย่างยิ้มแย้มและไม่ใส่ใจ สำหรับเื่เมื่อครู่เขาไม่ได้พูดถึงแม้แต่คำเดียว
“ใช่แล้ว น้องชายมีเื่อะไร? วันนี้เหลาหวางโทรศัพท์มาหาฉันก็ไม่ได้พูดอะไรชัดเจน ทำไมหรือ อู๋เทียนล่วงเกินนายหรือ? หากเป็อย่างนี้ ยังจะกินข้าวกับเขาอยู่อีกหรือ! ไม่ใช่ว่าพี่โอ้อวด แค่พูดคำเดียว พรุ่งนี้พี่ก็ทำให้เขาปิดกิจการได้!”
ผอ.จินหัวเราะเสียงดัง และไม่ได้พูดถึงเื่เมื่อครู่อีก เขาถามเจียงไป๋อย่างยิ้มแย้ม พอพูดจบก็ตบอกทันที
เจียงไป๋รู้ว่า ผอ.จินคนนี้ไม่ได้โอ้อวด ในฐานะพี่ใหญ่ของวงการภาพยนตร์และการออกอากาศ เขามีความสามารถนี้ มิฉะนั้นหวางเป้าคงจะไม่เรียกเขามา
สำหรับเหยาหลานที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินคำพูดนี้แล้ว ยิ่งอดใจเต้นตุบๆ ไม่ได้
เธอยิ่งเห็นชัดเจนถึงความสามารถของ ผอ.จินมากกว่าเจียงไป๋ เขาดูแลวงการภาพยนตร์และการออกอากาศมาหลายสิบปี ลูกศิษย์ลูกหาของเขาก็มีอยู่มาก ยิ่งมีข่าวลือว่าบุคคลท่านนี้กำลังจะเข้าไปเป็รองประธานในสำนักงานใหญ่ที่ตี้ตู
บุคคลแบบนี้ในวงการบันเทิงก็ไม่ต่างอะไรกับาา แค่พูดคำเดียวก็ทำให้ชิงหุ้ยปิดกิจการได้ ไม่ได้โอ้อวดอย่างแน่นอน!
“ไม่มีอะไร ก็แค่เข้าใจผิดกันเล็กน้อย เจอหน้ากันสักหน่อยก็ดีแล้ว!”
เจียงไป๋ไม่ใช่คนที่ไม่มีเหตุผล ถึงแม้อู๋เทียนจะกำเริบเสิบสานแต่ก็ไม่ถึงกับสมควรตาย วันนี้จัดการเื่นี้ก็แล้วกันไป ไม่จำเป็ต้องบีบให้เขาจนมุมหรอก
“ได้ ในเมื่อน้องชายพูดอย่างนี้แล้ว แบบนั้นฉันก็พอรู้แล้วว่าจะทำอย่างไร วางใจได้ ฉันจะให้อู๋เทียนขอโทษขอโพยน้องชายอย่างเชื่อฟังแน่นอน เขารออยู่ในห้องส่วนตัวนานแล้ว เมื่อครู่เพิ่งจะโทรศัพท์มาหาฉัน ฉันก็รอนายกับเหลาหวาง ไปกัน พวกเราไปพบเขา!”
เมื่อ ผอ.จินได้ยินคำพูดของเจียงไป๋แล้วก็ตะลึงงัน และยิ้มด้วยใบหน้าที่เข้าใจอย่างทันที
เมื่อพูดจบ เขาก็นำเจียงไป๋กับหวางเป้าเดินขึ้นอาคารไปด้วยกันอย่างสนิทสนมพลางพูดคุยกันหัวเราะไปด้วย
เหยาหลานกับเลขาฯของ ผอ.ก็มองหน้ากันอย่างแปลกใจ และตามขึ้นอาคารไป
สักพักคนกลุ่มหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องว่านเหาแล้ว
เพิ่งจะเข้าประตูมา ก็เห็นอู๋เทียนมาต้อนรับด้วยใบหน้าที่กระตือรือร้น และจับมือทักทายกับ ผอ.จินพลางพูดอย่างประจบสอพลอว่า “ยินดีต้อนรับๆ ผอ.จินให้เกียรติมาในวันนี้ เป็เกียรติของผมจริงๆ! ฮ่าๆ เชิญนั่งๆ!”
พูดจบก็จะเชิญให้ ผอ.จินไปนั่ง แต่พอเห็นเจียงไป๋กับเหยาหลาน สีหน้าก็แปรเปลี่ยน เขามองทั้งสองคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างงงงัน และไม่อยากจะเชื่อสายตา
แต่ทว่า จะดีหรือร้ายอู๋เทียนก็เคยออกงานมาไม่น้อย ไม่นานก็รู้ตัวและเรียกให้ทุกคนไปนั่งที่โต๊ะ
ถึงแม้ไม่ได้พูดคุยกับทั้งสองคนเป็พิเศษ แต่เห็นได้จากใบหน้าของอู๋เทียนว่ายังคงมีความซับซ้อนและเคร่งขรึม เห็นได้ชัดว่าอู๋เทียนรู้สึกได้ว่าพวกเจียงไป๋ไม่ได้มาดี
แต่เมื่อมี ผอ.จินนั่งอยู่ อู๋เทียนจึงต้องแสดงออกอย่างกระตือรือร้น และไม่กล้าเพิกเฉยใส่แม้แต่น้อย
ไม่นานคนกลุ่มหนึ่งก็เข้าไปนั่งที่โต๊ะแล้ว อู๋เทียนรีบมอบหมายให้ลูกน้องเสิร์ฟอาหาร
สักพักเครื่องดื่มและอาหารก็มาครบครัน ผอ.จินที่นั่งอยู่ตรงนั้นปริปากพูดว่า “อู๋เทียน! วันนี้ฉันมาหานายมีธุระนิดหน่อย ได้ยินว่านายกับเพื่อนของฉันมีเื่เข้าใจผิดกัน?”
“เื่นี้ใครจะกล้า! ต่อให้ผมมีความกล้ามากแค่ไหนก็ไม่กล้าไปแหย่เพื่อนของคุณหรอก ผอ.จินคุณก็พูดตลกแล้ว!”
อู๋เทียนกดดันจนเหงื่อท่วมตัว เขาหยิบผ้าเช็ดหน้าสีขาวออกมาเช็ดเหงื่อที่หน้าผาก พลางพูดไปยิ้มไปอย่างระมัดระวังตัว
“ไม่มีหรือ? ว่าอย่างไรน้องเสี่ยวไป๋มีไหม?”
เสียดายที่ ผอ.จินไม่เชื่อ เขาคีบอาหารและมองเจียงไป๋ที่อยู่ข้างๆ พลางพูด
“เื่นี้หรือ จริงๆ แล้วก็ไม่เรียกว่าล่วงเกินอะไร ก็แค่ประธานอู๋เหมือนจะสนใจประธานเหยาของบริษัทพวกเราเป็พิเศษ คุณก็รู้ว่าประธานเหยาก็เป็เสาหลักของบริษัทเรา หากให้ประธานอู๋ดึงตัวไป บริษัทของผมก็คงต้องเจ๊งแน่ ดังนั้นวันนี้จึงถือโอกาสตอนที่ ผอ.จินอยู่ ผมจึงขอพูดสักหน่อย หวังว่าต่อไปประธานอู๋จะไม่มาวุ่นวายกับประธานเหยาอีก ดีไหมครับ?”
เจียงไป๋หัวเราะระรื่น พลางพูดเบาๆ อย่างไม่ยกตนข่มท่านหรือรังแกผู้น้อยแต่อย่างใด แต่ก็จุดประเด็นหัวข้อของวันนี้แล้ว
“ไม่กล้า! ไม่กล้าหรอกครับ!” อู๋เทียนหน้าซีด พลางยิ้มตาม แต่ั์ตากลับโกรธเป็ฟืนเป็ไฟ สายตาที่มองเจียงไป๋เกลียดจนแทบจะกลืนกินเขา แต่เพราะมี ผอ.จินอยู่ จึงไม่กล้าทำอะไร
“เฮ้อ ประธานอู๋ก็เ้าชู้ใช้ได้! ประธานเหยาฉันก็รู้จัก แต่เกรงว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมกับประธานอู๋สักเท่าไร”
ผอ.จินก็ตรงไปตรงมา ในเมื่อหวางเป้าเชิญเขามาออกหน้าให้ แน่นอนว่าเขาจะไม่ลังเล
เขาจะล่วงเกินหวางเป้าเพียงเพราะอู๋เทียน?
คนโง่ก็ล้วนไม่ทำอย่างนี้กัน!
ยิ่งไปกว่านั้นเจียงไป๋ยังเป็เพื่อนของเ้าพ่อจ้าว?
แค่ประโยคเดียวก็แสดงถึงจุดยืนแล้ว
เขาได้กำหนดขอบเขตให้อู๋เทียนอย่างเห็นได้ชัดแล้ว
“ไม่เหมาะสม ไม่เหมาะสม … ”
อู๋เทียนเช็ดเหงื่อบนหน้าผากอีกแล้วพูดต่อ
ตอนที่พูดประโยคนี้ เจียงไป๋รู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าคนคนนี้กำมือแน่นแล้ว สายตานั้นเกลียดจนแทบจะกลืนกินเขาได้ แต่ในความเกลียดนี้ยังพกพาความหวาดกลัว และสับสนเป็ที่สุด
อู๋เทียนก็ไม่ได้มีแค่บริษัทบันเทิง ธุรกิจอื่นๆ ก็มีอีกมากมาย โดยเฉพาะทางสายดำสายขาวก็ถือว่าเป็คนใหญ่คนโต ในมือก็เลี้ยงคนไว้ไม่น้อย ปกติมีใครบ้างไม่ไว้หน้า? แต่วันนี้กลับถูกเจียงไป๋ยืมมือคนใหญ่คนโตอย่าง ผอ.จินมาแหกหน้าเสียได้ หากไม่เกลียดก็แปลกแล้ว แค่มี ผอ.จินอยู่ อย่างไรเขาก็ไม่กล้าแสดงออก ภายในใจกลับคิดดีแล้วว่า เื่นี้ไม่ควรปล่อยผ่านไปอย่างนี้
“จุ๊ๆ คนของสหายฉันนายก็กล้าคิดหรือ? เฮ้อ ฉันหวางเป้าวันนี้ก็ได้รู้ได้เห็นแล้ว สหายของฉันเป็เพื่อนของเ้าพ่อจ้าว ทั้งเทียนตูนี้คนที่กล้าแตะเพื่อนของเ้าพ่อจ้าว ฉันหวางเป้าอยู่มาหลายสิบปีแล้วยังไม่เคยได้ยิน! ประธานอู๋ท่านนี้คุณช่างกล้าจริงๆ! หรือว่าประธานอู๋เป็ยอดฝีมือที่ฉันไม่รู้จักหรือ? เตรียมที่จะเหยียบหัวกระไดเ้าพ่อจ้าวหรือ?”
ผอ.จินเพิ่งจะพูดออกไป ทางด้านหวางเป้าก็ปริปากแล้ว
เขาก็ไม่ได้มีความเกรงอกเกรงใจอย่าง ผอ.จิน แต่ติดอาวุธพุ่งไปตรงๆ สายตาทั้งคู่จับจ้องอู๋เทียน ราวกับว่าแค่เขากล้าพูดไม่ดีสักคำ หวางเป้าก็จะซัดเขาจนหมอบทันที
“หวางเป้า?”
อู๋เทียนตะลึงงัน และรู้ตัวทันทีว่า ชายวัยกลางคนที่บุ่มบ่ามและพูดอยู่ตรงหน้านี้คือใครกันแน่ และสีหน้าของเขาก็ซีดลงทันที
สำหรับเ้าพ่อจ้าว …
คุณอย่าล้อเล่นเลย ต่อให้เขาจะกล้ามากแค่ไหนก็ไม่กล้าเป็ปฏิปักษ์กับเ้าพ่อจ้าวหรอก!
ทั้งเทียนตู ใครจะไม่รู้ว่าคนที่เป็ปฏิปักษ์กับเ้าพ่อจ้าวเมื่อสิบปีก่อนก็ล้วนถูกถ่วงน้ำไปหมดแล้ว อย่างไรอู๋เทียนก็ถือว่าเป็คนมีอำนาจอยู่ แต่ก็เทียบกับเ้าพ่อจ้าวไม่ได้เลยด้วยซ้ำ!
แค่ประโยคเดียวก็แทบจะทำให้อู๋เทียนใกลัวจนฉี่ราด และรีบพูดอย่างสะอึกสะอื้นว่า “คุณเป้า! ผมไม่รู้ว่าเป็เพื่อนของคุณกับเ้าพ่อจ้าว หากผมรู้ ต่อให้ผมกล้าแค่ไหนก็ไม่กล้าแหย่หรอกครับ ผมผิดไปแล้ว … ผมผิดไปแล้ว … ”
ในขณะที่พูดอยู่อู๋เทียนที่ปกติจะหยิ่งผยองก็รีบตบหน้าตนเองทันที
โดยเฉพาะเขากลัวว่าหวางเป้าจะไม่พอใจ หลังจากตบไปสองที ก็แค่ชะงัก แล้วรีบตบต่อไปอีกหลายครั้งทันที
อู๋เทียนตบหน้าตนเองไปหลายครั้ง สักพักใบหน้าขาวๆ นั้นก็มีรอยแดงจากฝ่ามือประทับอยู่บนหน้าเป็ชั้นๆ มุมปากก็เริ่มมีเืซึมออกมา
ภาพเหตุการณ์แบบนี้ เหยาหลานที่มองดูอยู่ก็ตะลึงจนตาค้าง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้