จูซื่อเห็นเช่นนี้ก็ดีใจ ดีใจจนไม่รู้จะทำอย่างไรดี ตอนที่มีคนมาเยี่ยมลูกของนาง เหลียงซื่อและจูซื่อจึงเล่าเื่ที่เกิดขึ้นให้ฟังว่า หลินฟู่อินช่วยลูกของนางไว้ทั้งๆ ที่แม้แต่หมอหลี่ยังบอกว่าขึ้นอยู่กับชะตาฟ้าลิขิต
ความสามารถของหลินฟู่อินในการรักษาเด็กคนนี้ กลายเป็ที่รู้กันไปทั่วหมู่บ้านหูลู่อย่างรวดเร็ว
ก่อนจะแพร่กระจายต่อไปยังหมู่บ้านและเมืองใกล้เคียง
และเพราะมันเป็ข่าวลือที่มีมูล จึงไม่มีใครที่ไม่เชื่อ
นับั้แ่นั้นมา จึงมีคนพาเด็กป่วยมาขอให้หลินฟู่อินช่วยรักษาไม่เว้นแต่ละวัน
พวกผู้ใหญ่ที่พาเด็กๆ มาขอความช่วยเหลือบางคนเองก็ติดหวัดเช่นกัน หลินฟู่อินจึงรักษาพวกเขาด้วย แล้วจึงมีผู้ใหญ่มาขอความช่วยเหลือเพิ่มขึ้นอีก
หลินฟู่อินไม่ใช่ว่าจะไม่เก็บค่ารักษา แต่เก็บไม่ได้เลยต่างหาก เพราะคนที่มาส่วนมากเป็คนยากจน ทว่าคนที่มาขอความช่วยเหลือก็นำ ไข่ ผัก หรือผลไม้มาให้แทน
โชคดีที่ยาที่นางต้องใช้ต่างก็เป็สมุนไพรราคาถูกที่ให้ผลดี มีปัญหาแค่เื่ที่มันหาในบ้านนอกเช่นนี้ไม่ได้เท่านั้น นางจึงบอกให้คนไข้ไปซื้อยาจากร้านของหมอหลี่ในเมืองเอา
นางจึงไม่เสียเงินเลยแม้แต่อีแปะเดียว
และที่คนในหมู่บ้านใช้ไข่เป็ค่าหมอเพื่อให้นางตรวจไข้ให้เด็ก เพราะไข่ถือเป็หนึ่งในของมีค่าที่สุดที่ใช้แลกเป็เงินได้ง่ายในบ้านนอกเช่นนี้
ส่วนคนที่เอาผักและผลไม้มานั้น จะเป็พวกที่อยู่ในสถานะต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอดแล้วจริงๆ
ด้วยเหตุนี้ บ้านของหลินฟู่อินจึงมีไข่เยอะขึ้นเรื่อยๆ จนแทบกินไม่ไหว และต่อให้นางและย่าหลี่ต้มไข่กินทุกเช้า มันก็ไม่มีทางลดทันจำนวนที่เพิ่มขึ้น
นางเห็นว่าอาเฟินและอาฟางยังผอมมาก จึงใช้ไข่ทำอาหารจานไข่ให้พวกนาง แต่เพราะสองพี่น้องรู้สึกสงสารพ่อกับแม่ที่เหน็ดเหนื่อยหมดสภาพอยู่ที่บ้าน พวกนางจึงนำอาหารนั้นกลับไปให้พวกหลินต้าเหอ แต่พบกับจ้าวซื่อเข้าระหว่างทางจนโดนแย่งไข่ต้มสองฟองนั้นไป
นางทำทีพูดเหมือนว่าจะเอาไปให้อู๋ซื่อกับสามี แต่แท้จริงแล้วนางเอาไปให้ลูกทั้งสองคนของนางต่างหาก
อาเฟินและอาฟางต่างก็สิ้นหวัง พวกนางบอกว่าพ่อแม่ของพวกนางนั้นซื่อเกินไป และจ้าวซื่อมันไร้ยางอายเกินไป
หลินฟู่อินคิดช่วยคนที่้าความช่วยเหลือ แต่ไม่ใช่ช่วยคนจน เพราะนางไม่อาจช่วยพวกเขาทุกครั้งได้ และหากสองพี่น้องสามารถยืนด้วยลำแข้งของตัวเองได้ พวกนางจะกินไข่กี่ฟองก็ได้อยู่แล้ว
แต่ในวันที่อากาศร้อนเช่นนี้ ไข่มันจะยิ่งเสียเร็วขึ้นไปอีก
ย่าหลี่มองไข่แล้วก็ถอนหายใจอย่างเป็กังวล
“ฟู่อิน ไข่พวกนี้ต่อให้หิ้วมันไปตลาดก็ใช่ว่าจะขายได้ง่ายๆ เสียแน่ๆ แบบนี้”
หลินฟู่อินเพิ่งส่งคุณยายที่มีอาการปวดฟันคนหนึ่งกลับบ้านไป แล้วจึงตามย่าหลี่ไปห้องเก็บของ
เมื่อมองูเาไข่ที่กองๆ กันอยู่แล้ว นางก็ตกตะลึง “นี่ข้าหาไข่ขนาดนี้ในเวลาสั้นๆ ได้ยังไงกัน?”
“ไข่เยอะขนาดนี้ก็เปลี่ยนเป็เงินไม่ได้เยอะขนาดนั้นด้วย” ย่าหลี่ชี้ไปยังผักและผลไม้ที่กองอยู่ข้างๆ กัน “พวกนั้นเองก็ไม่รู้ว่าจะจัดการยังไงดีเหมือนกัน”
ในต้าเว่ยยุคนี้ เงินตำลึงเป็สิ่งมีค่ามาก ส่วนไข่พวกนี้ แม้ชาวบ้านในเขตบ้านนอกที่เลี้ยงไก่ไว้เองจะหาได้ยาก แต่ต่อให้พวกเขาเอาไข่ไก่เ่าั้ออกมาขายทันที มันก็ยังมีราคาแค่หนึ่งอีแปะต่อสามฟอง
แม้ในบ้านหลินฟู่อินตอนนี้จะมีไข่มากกว่าสามร้อยฟอง แต่ก็มีค่าแค่สามสิบอีแปะเท่านั้น
แต่เดี๋ยวนี้นางมีคนไข้มากกว่าสามสิบคนต่อวัน แถมค่ารักษายังต่ำ ฝั่งหมอหลี่ได้ค่ารักษายี่สิบอีแปะต่อราย แต่ของนางได้แค่ห้าอีแปะต่อราย รวมแล้วได้ราวๆ หนึ่งตำลึงเงินกับห้าสิบอีแปะ
นี่ยังไม่รวมค่าสมุนไพรที่นางใช้
สมุนไพรเหล่านี้มีบางส่วนที่นางออกไปเก็บเอง จึงสดใหม่ แต่มันก็ต้องลงแรงและใช้เวลา
แต่เพราะนางเป็เด็กสาวที่ไม่มีงานอย่างอื่นทำ ให้พูดตรงๆ ก็คือไม่ได้ขาดทุนอะไร
“ย่าเคยบอกให้เ้าเปิดโรงหมอก็จริง แต่มาดูแบบนี้แล้ว ดูท่าจะเป็งานหนักกว่าที่คิด” ย่าหลี่ไม่สบอารมณ์เล็กน้อย “พวกคนมีเงินที่มาก็ไม่ยอมจ่ายค่ารักษา กลับให้เป็ไข่ยี่สิบสามสิบฟองแทน ข้าแทบจะโมโหขึ้นมา”
ชาวบ้านก็แบบนี้ เพราะเงินเป็ของหายาก หากของที่ผลิตเองที่บ้านมันใช้แทนได้ ก็จะไม่ยอมใช้เงินกันง่ายๆ
“ร้อนใน [1] หรือ?” หลินฟู่อินคิดตามสิ่งที่ย่าหลี่กล่าว แล้วจึงนึกบางสิ่งออก
ในชาติก่อน เวลาที่นางเป็ร้อนใน นางจะไปซื้อไข่มาหลายๆ ฟอง ต้มแล้วทำเป็ข้าวต้มเนื้อฝานบางทาน หรือไม่ก็ทำเป็เต้าหู้ไข่เย็น
และมันจะหายได้เร็วมาก
เหมือนคุณป้าจากหมู่บ้านข้างๆ ที่มาเพราะปวดฟัน โดยอาการของนางก็มีสาเหตุมาจากร้อนในเช่นกัน นางจึงบอกให้ป้ากลับไปทานน้ำกับแตงกวาดิบให้มากๆ พร้อมบอกให้ไปหาน้ำต้มแตงกวาดิบจากในเมืองดื่ม
แต่ที่จริงแล้วไข่ต้มก็ใช้รักษาอาการร้อนในได้ดีมาก โดยเฉพาะแผลร้อนในใหญ่ๆ อีกทั้งไข่ต้มยังเป็อาหารที่อร่อย เรียกได้ว่าเป็ทั้งยาทั้งอาหาร
ไข่เป็ดต้มเองก็มีแคลเซียมสูง โดนเฉพาะเมื่อนำมาหมักในดินเหลืองและขี้เลื่อย
แต่สรุปคือไข่ก็ใช้ได้!
ไข่ดอกสน [2] อาหารบ้านๆ ของหลินฟู่อินในชาติก่อน
หากนางหมักไข่พวกนี้แล้วเอาไปทำอาหารจำพวกจานไข่ล่ะ? เป็แบบนั้นแล้ว ไม่ว่าจะเก็บไว้ใช้เองหรือเอาไปขายก็ทำได้ทั้งนั้นไม่ใช่หรือ?
คิดได้เช่นนี้แล้ว นางก็ผุดความคิดขึ้นมาอีกครั้ง ในเมื่อคราวก่อนขายสูตรยาไปแล้ว เหตุใดคราวนี้ไม่ขายสูตรอาหารเสียล่ะ
ย่าหลี่บอกว่าในแดนต้าเว่ยนี้ให้ความสำคัญกับมรดกตระกูลมาก ดังนั้นแล้วไม่ว่ามันจะเป็สูตรอะไร ขอเพียงมันมีค่า ก็จะไม่ถูกนำมาขายกันง่ายๆ
น่าเสียดายที่ตอนนั้นนางขายสูตรยานั่นให้หมอหลี่ไปแล้ว
เมื่อย่าหลี่เห็นสายตากระจ่างใสของนาง ทั้งรอยยิ้มยังกว้างขึ้นเรื่อยๆ ก็นึกสงสัย เด็กคนนี้ยังหัวเราะได้อีกหรือ
“ย่าหลี่ ข้าคิดออกแล้ว แม่ข้าเคยสอนสูตรที่ทำให้ไข่ไก่ไข่เป็ดอร่อยขึ้นให้ข้า ทั้งยังใช้เป็ยาได้ด้วย ไหนๆ ก็มีไข่เยอะขนาดนี้แล้ว เรามาลองกันสักหน่อยไม่ดีกว่าหรือ?”
อยู่ๆ หลินฟู่อินก็โพล่งขึ้นมาว่ามีสูตร ทำเอาย่าหลี่ตื่นตะลึง
เมื่อหลินฟู่อินเห็นนางตะลึงไปก็คิดว่านางไม่เชื่อ จึงบอกต่อ “หากท่านย่าหลี่ไม่เชื่อ เดี๋ยวข้าจะเตรียมแล้วทำมันวันนี้เลย พอเสร็จแล้วท่านจะเข้าใจเอง”
ย่าหลี่ได้สติแล้วโบกไม้โบกมือไม่หยุด “เด็กบ้า ไม่ใช่ไม่เชื่อ แต่เ้าควรเก็บมันเป็ความลับ แล้วอย่าได้พูดออกมาเสียงดังเช่นนี้อีก”
หลินฟู่อินรู้ว่าย่าหลี่เป็ห่วงนาง จึงเม้มปาก “ก็อยู่ต่อหน้าท่านนี่นา ข้าไม่มีอะไรให้ต้องปิดบัง”
แต่ย่าหลี่ตอบกลับมา “ฟู่อิน ในเมื่อนี่เป็สูตรที่แม่ของเ้าให้มา ก็เป็หน้าที่ของเ้าที่จะต้องส่งต่อสูตรนี้ให้ครอบครัวของเ้าในอนาคต เพราะอย่างนั้นจะเผลอไม่ได้เด็ดขาด”
------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] ร้อนใน ภาษาจีนคือ 上火 มีความหมายว่าโกรธ โมโห และมีความหมายอีกอย่างว่าร้อนใน อาการร้อนใน
[2] ไข่ดอกสน หมายถึง ไข่เยี่ยวม้าที่ส่วนใหญ่ทำจากไข่เป็ด มีลักษณะสีน้ำตาลเข้มคล้ำ และมีลวดลายคล้ายดอกสนอยู่บริเวณผิวไข่ขาว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้