ข่าวซุบซิบนินทารวมถึงข่าวลือที่ไม่น่าฟังเ่าั้ ท้ายที่สุดแล้วแม้แต่ตระกูลที่สืบทอดความรู้และวัฒนธรรมอันดีงามเช่นตระกูลมู่ก็มิอาจจะรับได้หรือ ? แม้แต่แม่นางมู่ก็ท้อแท้กับพี่ใหญ่แล้ว?
“ท่านพ่อ เป็เพราะข้าหรือ? ”
หน้าอกของฮวาเหยียนอึดอัด นางถามเสียงดังออกมา
ถ้าหากเป็จริงขึ้นมา เช่นนั้นนางก็ไปจวนตระกูลมู่สักครั้งเพื่อขอพบผู้าุโตระกูลมู่ หากแม่นางมู่กับพี่ใหญ่ของนางพึงใจต่อกัน เช่นนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่จะต้องแยกสองคนนี้ออกจากกัน
เมื่อได้ยินคำพูดของฮวาเหยียน มู่เอ้าเทียนก็เหลือบมองนางอย่างสงสัย "แม่นางน้อย เ้ากำลังพูดถึงเื่อันใดอยู่? อะไรที่บอกว่าเป็เพราะเ้า? เ้าอย่านำทุกเื่ที่เกิดขึ้นมาใส่หัวของตัวเอง เ้าคือสมบัติอันล้ำค่าของตระกูลมู่ เหนือเ้ายังมีพี่ชายอีกสามคน หากผู้ใด้าแต่งเข้าตระกูลมู่ของเรา สิ่งที่ต้องคำนึงเป็อันดับแรกก็คือเ้า ขอเพียงเ้าพยักหน้าก็ถือว่าใช่ได้แล้ว”
ฮวาเหยียน "...! "
นางยังจะพูดอันใดได้อีกหรือ?
นางถือเป็องค์หญิงตัวน้อยของตระกูลมู่!
หยวนเป่าน้อยหัวเราะคิกคักอยู่ด้านข้าง
“คือองค์หญิงรั่วหลาน”
มู่เอ้าเทียนกล่าวต่อ เขาถอนหายใจและพูดด้วยใบหน้าบูดบึ้ง เห็นได้ชัดว่าเมื่อกล่าวถึงองค์หญิงองค์นี้แล้วทำให้เขาไม่พอใจ
“ฉู่รั่วหลาน? ”
นางถาม
นางทานอาหารมื้อเช้ากับองค์หญิงหน้าอกใหญ่และไร้สมองในหออู๋ิ และเพียงนางหันศีรษะ นางก็ได้ยินชื่อฉู่รั่วหลาน
“ลูกรัก อย่าเอ่ยนามขององค์หญิงโดยตรง เป็การไม่ให้เกียรติอย่างยิ่ง อย่าทำในตนเองโดนผู้อื่นจับเข้าคุก”
เมื่อมู่เอ้าเทียนได้ยินฮวาเหยียนะโชื่อฉู่รั่วหลาน เขาก็กำชับนางทันที
ฮวาเหยียนพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง ทว่าในใจของนางแอบพึมพำว่านางเพิ่งทำให้ฉู่รั่วหลานหมดตัวและโมโหจนพองตัวกลายเป็ปลาปักเป้า สุดท้ายก็จากไปพร้อมกับความโกรธ
เมื่อพูดถึงเงินหนึ่งแสนตำลึง หัวใจของฮวาเหยียนก็เต้นดัง นางลืมขอให้หลงจู้จีจากหออู๋ิออกใบแจ้งหนี้ให้แก่นาง!
ทั้งเครื่องประดับทองและเงินหนึ่งแสนตำลึงนี้ เป็ความฉลาดมิมีผู้ใดเทียบและความเฉลียวของนางที่ทำให้ได้ผลประโยชน์มา ทว่าสุดท้ายผลประโยชน์นี้กลับถูกหออู๋ิคว้าไป ที่ใดมีเหตุผลเช่นนี้บ้าง! นางผิดเองที่นางลืมเื่นี้ไปเสียสนิท วันพรุ่งนางต้องไปกล่าวเหตุผลกับเขาแล้ว
“แม่นางแซ่มู่คนนั้น พ่อเคยเห็นครั้งหนึ่ง และก็รู้ว่านางเป็เด็กดีที่รู้หนังสือ แต่พี่ชายคนนี้ของเ้าค่อนข้างมืดมน ไม่ยิ้มแย้มไม่มีความรู้สึก ทัศนคติเคร่งขรึมจริงจัง อายุขนาดนี้ยังไม่มองหาภรรยา จะรีบร้อนสักนิดก็หามีไม่ ดังนั้นพ่อจึงขอให้ใครสักคนช่วยพูดคุยเื่มงคลนี้กับตระกูลมู่”
พวกเขาเดินไปพลาง มู่เอ้าเทียนก็พูดพล่ามไปพลาง
ไม่ว่าบุรุษผู้นั้นจะแข็งแกร่งเพียงใด เมื่อต้องพูดถึงเื่การแต่งงานของเหล่าลูกหลาน เขาก็จะกลายเป็แค่คนแก่ที่พร่ำบ่นไม่หยุด
“แต่คาดไม่ถึงว่าองค์หญิงรั่วหลานจะตกหลุมรักพี่ชายของเ้า”
เอาล่ะ ในที่สุดก็มาถึงเื่ที่สำคัญที่สุดจนได้
และฮวาเหยียนก็แอบคาดเดาเอาไว้อย่างไม่แน่ใจไว้แล้ว
“ฉู่รั่วหลานแอบชอบพี่ใหญ่หรือเ้าคะ? ”
เป็องค์หญิงผู้นั้น? นางคู่ควรกับพี่ใหญ่รูปงามแห่งตระกูลมู่หรือ?
"อืม"
“เช่นนั้นแล้วพี่ใหญ่พึงใจแม่นางมู่หรือองค์หญิงฉู่รั่วหลานเ้าคะ? ”
ฮวาเหยียนเอ่ยปากถามอีกครั้ง
“หลังจากที่พี่ใหญ่ของเ้าและแม่นางน้อยจากตระกูลมู่เข้าพิธีดูตัว พี่ชายเ้าไม่ได้บอกว่าเขาไม่พึงใจ ปากของพี่ใหญ่เ้าเป็พวกแน่นสนิท เขาไม่เคยเอ่ยถึงเื่เช่นนี้ แต่แน่นอนว่าองค์หญิงรั่วหลานสำหรับเขาแล้ว ย่อมไม่มีความคิดใดต่อนางเป็แน่”
หากไม่ได้เอ่ยว่าไม่พอใจ เช่นนั้นย่อมหมายถึงพึงใจยิ่ง
พี่ชายคนโตของตระกูลมู่มีนิสัยทั้งเ็าทั้งน่าเบื่อ ตามธรรมชาติแล้วเขาจะไม่คุยกับบิดาตนเกี่ยวกับเื่ความรักระหว่างบุรุษและสตรีเหล่านี้
ดังนั้นฮวาเหยียนจึงนับว่าได้รู้แล้วว่าเหตุใด ทันทีที่ฉู่หลิวซวงเห็นมู่เฉิงอินที่หออู๋ซวงแล้วจึงรีบตรงดิ่งไปหาเื่ถึงที่ ที่แท้แล้วเป็เพราะพี่ชายของนางนี่เอง
"ฉู่รั่วหลานพึงใจพี่ใหญ่แล้วอย่างไร? เมื่อนางพอใจ ก็ต้องแต่งนางงั้นหรือ? หึ... ไม่ต้องพูดถึงว่านางเป็องค์หญิงที่ไม่เหมาะสม นางคู่ควรกับพี่ชายของข้าหรือ? "
วาจาราวพิษร้ายของฮวาเหยียนทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนตาย
มู่เอ้าเทียนถูกความโกรธที่มาจากลูกสาวของเขาดับอารมณ์หงุดหงิดของตัวเองเสียสนิท
“ลูกรัก คำพูดเช่นนี้ห้ามกล่าวออกมาอีก องค์หญิงรั่วหลานได้รับการยอมรับจากฮ่องเต้นะ”
มู่เอ้าเทียนตอบ
ฮวาเหยียนเข้าใจทันทีที่ได้ยิน มู่เอ้าเทียนชายผู้กล้าหาญและเคารพต่อองค์ฮ่องเต้และภักดีต่อแว่นแคว้นจะไม่ยอมให้มีคำพูดว่าร้ายแก่ฮ่องเต้องค์ปัจจุบันแม้เพียงครึ่งคำ
อิงตามอารมณ์เ็าแข็งกระด้างของเขา ลูกชายคนโตของเขาไม่เก็บฉู่รั่วหลานเอาไว้ในสายตา เขาย่อมไม่พอใจโดยธรรมชาติ ดังนั้นจึงเป็การดีที่จะปฏิเสธโดยตรง แม้จะมีเื่การเจรจางานแต่ง แต่หากไม่มีคำสั่งของบิดามารดาหรือคำพูดของแม่สื่อ หากเขาไม่เอ่ยปากด้วยตนเอง ฉู่รั่วหลานก็มิอาจแต่งเข้ามาได้ แต่หากเป็ราชโองการจากองค์ฮ่องเต้แล้ว เขาก็มิอาจขัดได้เช่นกัน
ดังนั้น เหตุนี้เองจึงเป็เหตุผลให้เขาต้องกลัดกลุ้มวุ่นวายใจ
ฮวาเหยียนเหลือบมองมู่เอ้าเทียน นางเข้าใจความคิดของท่านพ่อ นี่คือความภักดี เป็ความภักดีต่อฮ่องเต้และแว่นแคว้น
“ท่านพ่อ แต่ฮ่องเต้ก็ไม่ควรทำให้ผู้อื่นลำบากใจ เื่ของฉู่รั่วหลานนี้ หากฮ่องเต้มีคำสั่งราชโองการขึ้นมาจริงๆ ก่อนที่จะร่างราชโองการ พระองค์ต้องเรียกท่านไปสอบถามความตั้งใจและความคิดของท่านก่อนเป็แน่
ตอนนี้ฮ่องเต้ยังมิได้ออกราชโองการมิใช่หรือ? ดังนั้นครั้งต่อไปที่ฮ่องเต้เรียกท่านเข้าวัง หากพระองค์ตรัสถามถึงเื่การแต่งงาน ท่านพ่อก็กราบทูลไปว่าท่านพี่ถูกตาต้องใจคุณหนูตระกูลมู่ ได้ผูกตัวอักษรทั้งแปด [1] แล้ว เจรจาเื่การแต่งงานแล้ว และที่สำคัญที่สุด ท่านห้ามลังเลเด็ดขาด"
“ลูกรัก สิ่งต่างๆ ไม่ได้ง่ายดายอย่างที่เ้าพูด งานแต่งพระราชทานนั้นเป็สิ่งที่มิอาจชี้นำได้ ยิ่งไปกว่านั้น พี่ใหญ่ของเ้ากับคุณหนูตระกูลมู่ผู้นั้นยังไม่ได้ผูกแปดตัวอักษร จะไปมีการเจรจาเื่การแต่งงานได้อย่างไร? ”
มู่เอ้าเทียนส่ายหัวเพื่อเป็การแสดงออกว่าไม่เหมาะสม เขาซื่อสัตย์และจริงใจเสมอ อย่างไรก็มิอาจหลอกลวงฮ่องเต้ได้
ฮวาเหยียนเห็นมู่เอ้าเทียนสั่นศีรษะ สีหน้าปรากฏความเคร่งขรึมขึ้นมา ความคิดของนางคือ้าบุกไปแนวหน้า แต่เดิมนางก็เพียงแค่ข้ามมิติมา แม้แต่ละครโบราณที่ปรุงโดยกระต่ายแต่งโดยสุนัขสักเื่ นางก็ยังไม่เคยดู แต่หากตระกูลมู่อยู่ในยุคปัจจุบัน คงเป็ตระกูลที่กำลังรุ่งโรจน์เป็แน่
พี่ชายคนโตควบคุมและเป็แกนหลักสำคัญในการรักษาความปลอดภัยของราชวงศ์ต้าโจว พี่ชายคนที่สองเป็ถึงท่านแม่ทัพที่มีกองกำลังติดอาวุธประจำการที่ชายแดน ตอนนี้ท่านพ่อซึ่งเป็ผู้นำตระกูลยังมีตำแหน่งอยู่ในท้องพระโรง อีกทั้งยังไม่สูญเสียความโปรดปรานจากฮ่องเต้ แต่ความจริงของต้นไม้ใหญ่ย่อมดึงดูดลม [2] ท่านพ่อของนางที่แท้แล้วจะไม่เข้าใจเลยจริงหรือ?
และฮ่องเต้องค์ปัจจุบันเป็คนเช่นไร ฮวาเหยียนเองก็มิอาจรู้ได้
นางไม่ได้สงสัย เพียงแค่ระแวดระวัง
จิตใจของผู้เสี่ยงอันตรายไม่สามารถอยู่ได้โดยปราศจากหัวใจของการป้องกัน
แม้ว่าท่านพ่อจะมีมิตรภาพที่ผ่านความเป็ความตายมากับฮ่องเต้องค์ปัจจุบัน แต่หลังจากหลายปีมานี้ ใครจะรู้ว่าหัวใจของคนเปลี่ยนไปหรือไม่?
“ท่านพ่อ ฟังข้านะเ้าคะ”
ในเวลานี้พวกเขาเดินจนเกือบจะถึงประตูจวนแล้ว น้ำเสียงของฮวาเหยียนจริงจังขึ้นมาทันใด
จิตใต้สำนึกของมู่เอ้าเทียนสั่งให้กลั้นหายใจ เขาได้ยินบุตรสาวเปิดปากกล่าวว่า “ท่านพ่อ ความสัมพันธ์ระหว่างท่านกับฮ่องเต้คือาาและข้าราชบริพาร และเป็เหมือนพี่ชายน้องชาย แต่นอกเหนือจากความเป็พี่ชายน้องชายแล้ว ท่านก็ยังเป็ข้าราชบริพารอยู่ดี หากฮ่องเต้มองท่านเป็พี่น้อง พระองค์จะต้องอยากเกี่ยวดองร่วมตระกูลกับท่าน และหากฉุ่รั่วหลาน้าราชโองการพระราชทานงานแต่ง ฮ่องเต้ย่อมเห็นด้วยเป็แน่
แต่ท่านพ่อ ท่านไม่สามารถตกลงได้"
ประโยคหลังนี้ฮวาเหยียนกล่าวด้วยน้ำเสียงเด็ดขาด
“ท่านพ่อ สถานะตระกูลมู่ของเราในราชวงศ์ต้าโจวมาถึงจุดสูงสุดแล้ว ท่านเป็ที่โปรดปรานของฮ่องเต้ พี่ชายใหญ่ปกป้องเมืองหลวง พี่ชายคนที่สองถือครองกองทัพ พี่ชายคนที่สาม... อยู่ที่ใดมิอาจทราบได้ บุรุษแซ่มู่ของเราทุกคนล้วนแล้วแต่เป็วีรบุรุษ ยิ่งรุ่งโรจน์ สถานะยิ่งสูงส่ง แต่ท่านพ่อ ท่านไม่รู้หรือว่ามีคำที่เรียกว่าต้นไม้ใหญ่ย่อมดึงดูดลม! "
เสียงของฮวาเหยียนจริงจัง ดวงตาของนางทอประกายฉลาดเฉลียว ในตอนนั้นทั่วทั้งร่างของนางเปล่งประกายบรรยากาศอันชาญฉลาด ทำให้ผู้คนยอมจำนนโดยไม่ทันระวังตัว
หัวใจของมู่เอ้าเทียนเต้นผิดจังหวะ
“ท่านพ่อเ้าคะ หากรุ่งโรจน์จนเกินไป ย่อมมิใช่เื่ที่ดี”
เสียงของฮวาเหยียนนั้นลึกซึ้ง นางโยนประโยคหนักต่อท้ายอีกประโยค
มู่เอ้าเทียนหายใจเอาอากาศเย็นเข้าปอด "ลูกรัก เ้า... ฝ่าา พระองค์... "
วินาทีที่สมองพิการมิอาจเอ่ยคำใดออกมาได้
เชิงอรรถ
[1] ผูกตัวอักษรทั้งแปด 合八字 Hé bāzì เป็ประเพณีการแต่งงานแบบพื้นบ้านของจีนซึ่งส่วนใหญ่ใช้ในประเพณีการแต่งงานแบบจีนโบราณ เป็การรวมแปดตัวอักษร และถ้าหากตัวอักษรเข้ากันไม่ได้ก็จะส่งผลให้การแต่งงานจะไม่ประสบความสำเร็จ คำนวณตามปีเกิด เดือน วัน ชั่วโมง และจักรราศีของทั้งสองฝ่าย จำเป็ต้องตรวจสอบว่าพวกเขาเกิดมาเพื่อกันและกันหรือไม่
[2] ต้นไม้ใหญ่ย่อมดึงดูดลม 树大招风 Shùdàzhāofēng หมายถึง ผู้ที่อยู่ในตำแหน่งที่สูงมักมีแนวโน้มที่จะถูกโจมตี ยิ่งลมแรงบนเขาสูงหนักเท่าไหร่ ภัยพิบัติก็ยิ่งไล่ตามมาหนักเท่านั้น
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้