หลังจากกลุ่มคนที่เพิ่งลงมาจากรถล้อมพวกเจียงไป๋ไว้แล้ว ตรงกลางก็มีรถเบนซ์สีดำคันหนึ่งขับเข้ามาอย่างช้าๆ และจอดห่างจากเบื้องหน้าของพวกเจียงไป๋ไปประมาณยี่สิบเมตร จากนั้นก็มีคนรีบวิ่งมาเปิดประตูรถ ชายวัยกลางคนอายุประมาณห้าสิบปี รูปร่างอ้วนเล็กน้อย ใบหน้าเยือกเย็นคนหนึ่งเดินลงมาจากรถ
เขาสวมชุดสูทสีดำ ผูกเนกไทดำ พอลงจากรถมาก็ใช้สายตาเพชฌฆาตมองเจียงไป๋ หลังจากที่เห็นจางเทียนอั๋งที่นอนอยู่บนพื้นอย่างน่าเศร้าสลด สีหน้าของเขาก็แปรเปลี่ยนทันที ความชั่วร้ายในสายตาพลุ่งพล่านขึ้น
ในขณะเดียวกัน ประตูรถอีกด้านหนึ่งก็มีคนแก่ที่สวมชุดราชวงศ์ถังสี่เขียวเข้มคนหนึ่งค่อยๆ เดินลงมา
คนแก่คนนี้ย่างก้าวลงมาอย่างน่าเกรงขาม ถึงแม้ใบหน้าจะแก่หง่อม ร่างกายผอมแห้ง แต่ในระหว่างที่ขยับตัวทุกท่วงท่ากลับมีพลังอย่างที่ยากจะอธิบายได้ พอลงจากรถมาก็จ้องตากับเจียงไป๋อย่างแปลกใจ ในสายตาได้เปิดศึกอย่างดุเดือด
“คนที่สวมชุดสูทคือจางฉางเกิง ส่วนคนที่อยู่ข้างกายของเขาก็คือปรมาจารย์มวยหงฉวนโจวชื่อหลง”
พอทั้งสองคนลงมาจากรถ ฉวีเจี๋ยก็เข้ามากระซิบกระซาบข้างๆ เจียงไป๋แล้ว ตอนที่พูดถึงโจวชื่อหลงั์ตาของเขาก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัว!
“ฉวีเจี๋ย เ้านี่จัดการเื่ราวไม่บันยะบันยังเอาเสียเลย ข้ากับอาจารย์เ้าก็เคยไปมาหาสู่กัน เื่วันนี้ข้ารับผิดชอบเองจะไว้ชีวิตเ้า กลับไปหาอาจารย์ของเ้า หากไปเสียั้แ่ตอนนี้ก็ยังทัน”
พอลงจากรถมา คนที่พูดก่อนคือโจวชื่อหลง แค่ดูก็รู้ว่าเขารู้จักฉวีเจี๋ย พอลงมาก็พูดอย่างนี้เพื่อ้าจะปล่อยฉวีเจี๋ยไป
“ว่าอย่างไรอาจารย์โจว คุณเข้ากับอาจารย์ของผมได้ั้แ่เมื่อไร หากผมจำไม่ผิดแล้วล่ะก็ คุณก็แข่งกับอาจารย์ของผมมาหลายสิบปีแล้วนะ หากไม่ใช่เพราะสิบปีก่อนท่านก้าวเข้าสู่ขั้นปรมาจารย์ที่ยิ่งใหญ่ ตอนนี้คุณก็คงจะยังแข่งกับท่านจนไม่รู้อะไรเป็อะไร คุณบอกว่าเพื่อเห็นแก่หน้าท่านจึงปล่อยผมไป? แบบนั้นผมก็คงไม่กล้าไปแล้ว”
ฉวีเจี๋ยหัวเราะเสียงดัง และปฏิเสธข้อเสนอนี้ เดิมทีเขาก็ไม่คิดที่จะไป ยิ่งเป็โจวชื่อหลงพูดแล้วล่ะก็ เขายิ่งไปไม่ได้
“เฮ้อ ไม่รู้ชั่วดี!”
โจวชื่อหลงถอนหายใจและไม่พูดอะไรอีก
หากไม่ใช่เพราะเมื่อครู่ตอนอยู่บนรถจางฉางเกิงได้ขอร้องไว้ เขาจะไม่พูดอย่างนี้เด็ดขาด จริงๆ แล้วเขาอยากจะถือโอกาสนี้จัดการฉวีเจี๋ยไปเสียด้วย
ก็แค่จางฉางเกิงได้พูดแล้วว่าเ้าพ่อจ้าวบอกมา ทั้งเทียนตูยังไม่มีใครหน้าไหนกล้าปฏิเสธเ้าพ่อจ้าว ถึงจะเป็เขาโจวชื่อหลงก็ไม่ยกเว้น ถึงแม้ทุกคนจะป่าวประกาศว่าร่างกายของเ้าพ่อจ้าวแย่ลงมากแล้ว น่าจะอยู่ได้อีกไม่นาน แต่หากเ้าพ่อจ้าวยังหายใจอยู่ เช่นนั้นคำพูดของเขาก็ไม่มีใครกล้าที่จะไม่ฟัง
“นายก็คือเจียงไป๋? ปล่อยลูกชายฉันเดี๋ยวนี้!” โจวชื่อหลงถูกหักหน้า จางฉางเกิงที่อยู่ด้านข้างจึงปริปากพูด ในน้ำเสียงมีความหยิ่งผยองอย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ
“ปล่อยเขาหรือ? แน่นอนว่าได้ แต่เื่นี้จะจัดการอย่างไร?”
เจียงไป๋หัวเราะและพูดอย่างไม่ใส่ใจแม้แต่น้อย
เมื่อพูดประโยคนี้จบก็เดินมาอย่างช้าๆ เท้าข้างหนึ่งเหยียบลงไปบนหัวของจางเทียนอั๋ง และออกแรงนิดหน่อยให้หัวของเขาถูกเหยียบจมดิน ทำให้จางเทียนอั๋งร้องไม่หยุด
“แกมันรนหาที่ตาย!” จางฉางเกิงตะคอก
เขาคิดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าจะอวดดีอย่างนี้ ยั่วยุเขาตรงๆ ไม่ว่า ตอนนี้เขาก็พาคนมามากมาย และอานุภาพก็เหมือนกับฟ้าผ่า คิดไม่ถึงว่าเขายังจะกล้ารังแกลูกชายของตนต่อหน้าผู้คนมากมายแบบนี้?
จางฉางเกิงโกรธเป็ฝืนเป็ไฟ
“ใช่ คุณก็พูดแล้วว่าผมรนหาที่ตาย! ดูแล้ววันนี้คุณ้าจะเอาชีวิตผม แต่คุณไม่คิดบ้างว่าจริงๆ แล้วผมก็แค่ปกป้องตัวเองเท่านั้นหรือ? ลูกชายคุณเป็คนผิดก่อน หรือว่าคุณไม่มีเหตุผล?” เจียงไป๋มองจางฉางเกิง เท้าอีกข้างเหยียบอยู่บนหัวของจางเทียนอั๋งพลางพูด
“ลูกชายของฉันมีความผิด? จะผิดมากเท่าไรกัน คิดไม่ถึงว่านายจะกล้าทำกับเขาอย่างนี้? ถึงเขาจะทำผิดก็ไม่จำเป็ต้องให้นายมาสั่งสอน! ลูกชายของฉันจางฉางเกิง ฉันสั่งสอนเองได้! สำหรับนาย รีบปล่อยลูกชายของฉันเดี๋ยวนี้!”
เหมือนกับหยิกเล็บเจ็บเนื้อ ถึงแม้ลูกสมุนของจางฉางเกิงจะล้อมพวกเจียงไป๋ไว้ และมีคนหลายคนไปอยู่บนดาดฟ้าอาคารแล้ว ปืนยาวหลายกระบอกเล็งมาที่เจียงไป๋ แต่เขาก็รู้ว่าอย่างน้อยเจียงไป๋ก็เป็กึ่งปรมาจารย์คนหนึ่ง คนอย่างนี้ถึงจะตายแล้วก็้าลากลูกชายสุดที่รักของเขาลงนรกไปด้วย ซึ่งก็ไม่ใช่ว่าเป็ไปไม่ได้ ดังนั้นเขาจึงรีบร้อนให้เจียงไป๋ปล่อยคน แต่เพราะรักศักดิ์ศรีจึงทำท่าทางเบ่งอำนาจแบบนั้น
“เหอะๆ ความหมายของคุณคือไม่คิดที่จะสนใจแล้ว? ให้ผมปล่อยคน? หลังจากนั้นก็ให้ลูกสมุนของคุณลงมือ? คือสองร้อยกว่าคนนี้ หรือว่าพวกที่ถือปืนสองสามคนบนดาดฟ้านั้นล่ะ? หรือว่า … เป็ปรมาจารย์มวยหงฉวนที่อยู่ข้างกายคุณ?”
เจียงไป๋หัวเราะเสียงดัง เล็งสายตามองไปที่โจวชื่อหลงอย่างหยอกล้อ คิดไม่ถึงว่าจะไม่เห็นโจวชื่อหลงอยู่ในสายตา และก็ทำให้ฉวีเจี๋ยที่คนอื่นๆ ต่างหวาดกลัวเป็อย่างยิ่งตะลึงงันเล็กน้อย
“นาย้าอะไร?” จางฉางเกิงพูดอย่างโกรธเคือง
“ไม่้าอะไร เพียงแค่อยากจะซัดคุณให้หมอบ!”
สายตาของเจียงไป๋เยือกเย็น และแอบใช้ “การ์ดเทพา”
วินาทีต่อมาเจียงไป๋รู้สึกว่าทุกคนเหมือนกับหยุดนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาแค่คิดที่จะขยับ แต่คิดไม่ถึงว่าจะพุ่งมาอยู่ตรงหน้าจางฉางเกิงโดยตรงแล้ว และหมุนตัวพุ่งไปที่โจวชื่อหลง แค่หมัดเดียวก็ซัดโจวชื่อหลงจนปลิวออกไป ต่อมาพุ่งตัวขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารแล้วโยนมือปืนสิบกว่าคนตกลงมาทันที
หลังจากนั้นก็ลงมืออย่างรวดเร็ว คนที่อยู่ด้านหลังของจางฉางเกิงถูกซัดจนหมอบไปตามๆ กัน
ถึงแม้ตรงข้ามจะมีคนยิงปืน แต่ลูกะุนั้นกลับพุ่งผ่านไป ในสายตาของเจียงไป๋มันกลับเชื่องช้าเหมือนมด แค่ยื่นมือออกไปก็จับไว้ได้แล้ว
ทุกอย่างรวดเร็วปานสายฟ้าแลบ เพียงแค่สิบกว่าวินาทีในระหว่างที่อีกฝ่ายมีการตอบสนองจะยิงปืน คนของจางฉางเกิงก็ล้มลงกับพื้นแล้ว
ตอนที่เจียงไป๋กลับมายังตำแหน่งของตนเอง ปรมาจารย์มวยหงฉวนโจวชื่อหลงที่เมื่อครู่ยังโมโหอยู่เพิ่งจะร่วงกระแทกลงกับพื้นที่อยู่ไกลออกไปสามสิบกว่าเมตร และกระอักเืออกมามากมาย ในเวลานี้มือปืนของจางฉางเกิงก็เพิ่งจะร่วงลงมาจากดาดฟ้าทีละคน สำหรับคนที่ท่าทางดุดันสองร้อยกว่าคนที่อยู่ด้านหลังนั้น ครึ่งหนึ่งถูกซัดอยู่กับพื้นจนลุกไม่ขึ้น อีกครึ่งหนึ่งต่างก็ได้รับาเ็ทำได้แค่พอฝืนยืนขึ้นเท่านั้น
“นี่ … นี่ … ”
จางฉางเกิงยืนงงเป็ไก่ตาแตก และพูดไม่ออก
ไม่ใช่แค่เขาเท่านั้น แต่ทุกคนล้วนเป็เหมือนกัน นอกจากเสียงร้องอย่างเ็ปแล้ว บางคนก็หวาดผวาสุดๆ
พวกฉวีเจี๋ยเป็เหมือนกบในกะลามาตลอด แต่ตอนนี้กลับมองเจียงไป๋อย่างตะลึงจนตาค้างปากค้าง
สำหรับปรมาจารย์มวยหงฉวนโจวชื่อหลงที่เดิมทีเป็แม่ทัพหลัก ตอนนี้มีอาการกระหืดกระหอบและก็แค่พอฝืนเงยหน้าขึ้นได้เท่านั้น เขาอยากจะพูดแต่ก็พูดไม่ออกแล้ว
“ดูแล้วคนของคุณก็ไม่เท่าไรนะ พกปืนมากี่กระบอกกันล่ะ? แค่พาตาแก่ที่ถือตนว่าเป็ปรมาจารย์ และยังมีพวกมือสมัครเล่นอีกสิบกว่าคนมาก็คิดว่าจะสู้กับผมได้หรือ? ไร้เดียงสาเกินไปแล้ว?”
เจียงไป๋พูดก่อนจะหัวเราะ และเดินเข้าไปหาจางฉางเกิงอย่างช้าๆ ขณะที่พูดก็ยื่นมือออกมา ลูกะุมากมายร่วงลงมาจากมือของเจียงไป๋ ยิ่งทำให้คนมากมายที่ต่างก็พูดไม่ออกรู้สึกราวกับเห็นผีตอนกลางวันแสกๆ
นี่ … นี่ไม่ใช่เื่ที่คนจะทำได้เด็ดขาด เหตุการณ์อย่างนี้ไม่ใช่ว่ามีแค่ในหนังหรือ?
“นาย … นายไม่ใช่คน!”
จางฉางเกิงมองเจียงไป๋ที่เดินมายังข้างกาย เขาไม่มีความเหิมเกริมอย่างก่อนหน้านี้แล้ว
จางฉางเกิงที่เคยพบเจอคลื่นลมในสังคมมานับไม่ถ้วน ครั้งนี้พังทลายลงในที่สุด เขาแทบจะใช้กำลังจนหมดแล้ว ทั้งยังะโเรียกคนที่อยู่ในเหตุการณ์หลายร้อยคนด้วยอาการสั่นเทาและมีเสียงสะอึกสะอื้นเล็กน้อย
ใช่ ในสายตาของทุกคนเจียงไป๋ไม่สามารถเรียกได้ว่าเป็มนุษย์ วิธีการราวกับปีศาจในเมื่อครู่นั้น มันเหนือธรรมชาติชัดๆ และได้ทำลายทัศนคติของทุกคนจนแหลก
ในสายตาของพวกฉวีเจี๋ย เจียงไป๋คือเทพาที่มีชีวิต คือเทพที่ทำได้ทุกอย่าง แต่ในมุมมองของคนอย่างพวกจางฉางเกิง นอกจากคำว่าภูตผีปีศาจแล้ว ก็ไม่มีคำใดจะสามารถนำมาบรรยายเจียงไป๋ได้อีกเลย …
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้