ยามฮั่วเยี่ยนไหวกลับมาที่ห้องก็พบก้อนสีขาวก้อนหนึ่งนอนแผ่หลาเป็อักษร ‘呈’ ตัวใหญ่ด้วยท่วงท่าที่ไม่สง่างามเอาเสียเลย มันนอนอยู่บนเตียงของเขาอย่างอหังการ
คิ้วของเขาขมวดมุ่น เขามองจิ้งจอกน้อยที่ตนเองตั้งชื่อให้ว่าหลีเอ๋อร์นอนหลับอย่างมีความสุขอยู่บนเตียง ชื่อนี้ฟังดูไพเราะและเป็ชื่อที่เขาชอบมาก มันไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ามีคนเข้ามาในห้อง ต้องหลับลึกเพียงใดกัน?
หารู้ไม่ว่าความจริงแล้วเมื่อฮั่วเยี่ยนไหวเดินเข้ามา ไป๋เซี่ยเหอก็รู้ทันที เพียงแต่หลังจากรู้ว่าเป็เขา นางก็เข้าสู่ห้วงนิทราอีกครั้ง เพราะนางรู้สึกเหน็ดเหนื่อยมาก
ความเชื่อใจที่อธิบายไม่ได้ลอยอ้อยอิ่งอยู่ระหว่างทั้งสองคน
ก้อนสีขาวไม่มีวี่แววจะตื่นเลยแม้แต่น้อย ฮั่วเยี่ยนไหวเองก็ไม่ได้รีบร้อน เขาหาพื้นที่ว่างบนเตียงแล้วนั่งลงไปทั้งอย่างนั้น
เขาขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิดถึงที่มาที่ไปของหลีเอ๋อร์ที่อยู่ตรงหน้าตัวนี้
จู่ๆ มันก็ปรากฏตัวขึ้น จู่ๆ มันก็หายตัวไปโดยไม่ทราบสาเหตุ แล้วตอนนี้ก็มาปรากฏตัวอีกครั้งบนเตียงของเขาอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
นอกจากนี้ ทุกครั้งที่มันปรากฏตัวล้วนแต่มีท่าทีอิดโรยและเหนื่อยล้า ทำให้เขาอดไม่ได้ที่จะคาดเดาว่าหลายวันที่หายไปมันไปไหนมา แล้วประสบพบเจออะไรกันแน่?
แล้วนั่นคืออะไร?
ฮั่วเยี่ยนไหวจ้องมองร่างของจิ้งจอกน้อย ก่อนจะพบาแลึกบริเวณขาหน้า เืสดจับตัวเป็ก้อน เห็นได้ชัดว่าาแนี้เกิดขึ้นได้สักพักแล้ว
เดิมทีไป๋เซี่ยเหอได้ใช้ผ้าเช็ดหน้าพันแผลไว้แล้ว ทว่าหลังจากจำแลงกายเป็จิ้งจอก ผ้าเช็ดหน้าก็หายไปั้แ่เมื่อไรไม่ทราบ จึงทำให้าแมองเห็นได้อย่างชัดเจน
ฮั่วเยี่ยนไหวอุ้มจิ้งจอกน้อยขึ้นมาวางไว้บนฝ่ามือ ทว่าความร้อนจากร่างของมันทำให้มือของเขาเกือบพอง เขาแทบจะโยนจิ้งจอกน้อยลงพื้น
เป็ไข้หรือ?
“อิ๋งเฟิง” ฮั่วเยี่ยนไหวลดเสียงลงเล็กน้อย ด้วยกลัวว่าหลีเอ๋อร์บนฝ่ามือจะใตื่น
อิ๋งเฟิงเดินเข้ามา เมื่อเห็นว่าท่านอ๋องถือเ้าจิ้งจอกไว้บนฝ่ามือโดยไม่นึกรังเกียจแม้แต่น้อย จึงยิ้มตาหยี “ท่านอ๋อง มีเื่อันใดหรือขอรับ?”
“หยิบป้ายประจำตัวของเปิ่นหวัง[1]แล้วไปพาหมอหลวงมา”
หมอหลวงนั้นทำหน้าที่รักษาฮ่องเต้กับฮองเฮาอยู่ในวัง แม้ว่าตำแหน่งทางราชการจะไม่สูงทว่าก็ไม่ธรรมดา นอกจากฮ่องเต้แล้ว มีเพียงท่านอ๋องผู้นี้เท่านั้นที่สามารถเชิญมาได้
“ทำไมหรือพ่ะย่ะค่ะ? ท่านอ๋องป่วยหรือ?” สีหน้าของอิ๋งเฟิงเปลี่ยนไปเล็กน้อย แววตาเต็มไปด้วยความกังวล
สายตาของฮั่วเยี่ยนไหวจับจ้องอยู่ที่จิ้งจอกน้อย เขาใช้อีกมือลูบไล้ขนอ่อนนุ่มอย่างเบามือ ราวกับว่าทำเช่นนี้แล้วจะทำให้จิ้งจอกน้อยรู้สึกดีขึ้น “ไม่ใช่”
ไม่ใช่ก็ดี ในเมื่อท่านอ๋องไม่ได้ป่วย อิ๋งเฟิงก็สบายใจ ส่วนท่านอ๋องเรียกหาหมอหลวงมาด้วยเื่อะไรนั้น ไม่ใช่เื่ที่เขาต้องใส่ใจ
“หงิง” ในเวลานี้ไป๋เซี่ยเหอรู้สึกเ็ปทรมานอย่างแสนสาหัสร่าง นางวิงเวียนศีรษะ เดี๋ยวร้อนเดี๋ยวหนาว หลังจากส่งเสียงร้องออกมาอย่างแ่เบา ร่างกายเล็กจิ๋วและนุ่มฟูก็สั่นเล็กน้อย
จิ้งจอกน้อยถูไถหน้ากับฝ่ามืออันเย็นเยียบของฮั่วเยี่ยนไหว เมื่อแก้มอันร้อนผ่าวได้ัักับความเย็นสบายก็ทำให้ไม่อาจหักห้ามใจ จึงได้แต่พลิกตัวไปมาอยู่บนฝ่ามือของคนผู้นั้น
ความรู้สึกอันยอดเยี่ยมบนฝ่ามือทำให้ร่างของฮั่วเยี่ยนไหวสั่นเบาๆ เขาก้มศีรษะมองท่าทีทรมานของจิ้งจอกน้อย และอดไม่ได้ที่จะนึกตำหนิ เขายกมือขึ้นลูบศีรษะของจิ้งจอกน้อยอย่างแ่เบา ก่อนที่เสียงทุ้มต่ำราวกับสายลมอันอบอุ่นในเหมันตฤดูจะมอบความอ่อนโยนให้แก่หัวใจของจิ้งจอกน้อย
“หลีเอ๋อร์ เป็เด็กดีหน่อย”
ไม่ทราบว่าเป็เพราะความเย้ายวนในน้ำเสียง หรือเป็เพราะการถูกเขาลูบไล้นั้นสบายอย่างยิ่งกันแน่ ในที่สุดจิ้งจอกน้อยที่มีท่าทีกระสับกระส่ายก็สงบลง
“ท่านอ๋อง หมอหลวงมาถึงแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
ผู้ที่เดินตามอิ๋งเฟิงมาคือหมอฉินผู้มีหนวดเคราสีขาว หมอฉินเป็หัวหน้าของสำนักแพทย์หลวง วิชาแพทย์นับว่าสูงล้ำ
หมอฉินก้มศีรษะลง เขาเดินตามอิ๋งเฟิงมาตรงหน้าของฮั่วเยี่ยนไหวด้วยท่าทีนอบน้อมก่อนจะคารวะ “คารวะท่านอ๋องพ่ะย่ะค่ะ”
หมอฉินไม่ได้ลดเสียง กอปรกับเขาเป็คนนอก ไป๋เซี่ยเหอจึงลืมตาขึ้นด้วยความระแวดระวัง ก่อนจะพบว่าตนเองนอนอยู่บนฝ่ามือของฮั่วเยี่ยนไหวั้แ่เมื่อใดไม่ทราบ
ความทรงจำพลันหวนคืน
เมื่อไป๋เซี่ยเหอตระหนักว่าตนเองนอนพลิกตัวไปมาบนฝ่ามือของบุรุษผู้นี้ ใบหน้าจิ้งจอกก็ขึ้นริ้วสีแดง
ไป๋เซี่ยเหอะโจากฝ่ามือของฮั่วเยี่ยนไหวลงมาบนเตียง เมื่อเท้าัักับเตียง ความเ็ปอย่างรุนแรงบริเวณขาหน้าก็ทำให้นางหมดแรงโดยพลัน จึงทิ้งตัวลงนอนบนเตียงในท่ากางขาทั้งสี่ข้างออก
ขายหน้าแทบตายแล้ว!
นางที่เป็ทหารรับจ้างแสนสง่างามได้แต่นึกว่า เมื่อก่อนมีอาการาเ็ใดบ้างที่นางยังไม่เคยัั แม้ว่าตอนนั้นนางจะาเ็สาหัสเพียงใด นางก็ไม่เคยส่งเสียงร้องสักแอะ ทว่าในเวลานี้นางกลับรู้สึกขายหน้าไปจนถึงวงศ์ตระกูลแล้ว เพียงเพราะคมมีดที่บาดแขนของตนเองเท่านั้น
ร่างกายของลูกจิ้งจอกอ่อนแอเสียจนนางไม่มีแรงจะทำอะไร
เมื่อเห็นลูกจิ้งจอกไม่ขยับเขยื้อน โดยทำทีเป็แกล้งตายอยู่บนเตียง มุมปากของฮั่วเยี่ยนไหวก็ยกขึ้นเล็กน้อยจนกลายเป็เส้นโค้งอันแสนลึกลับ ขณะเดียวกันก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมา เพราะหมอฉินไม่ลงมือรักษาจิ้งจอกน้อยเสียที
“เซ่อเจิ้งอ๋อง นี่...”
หมอฉินสับสนเล็กน้อย เซ่อเจิ้งอ๋องเรียกหาเขาเพราะอะไร? ดูแล้วท่านอ๋องไม่เหมือนคนป่วยเลย
ฮั่วเยี่ยนไหวชี้ไปที่ก้อนกลมเล็กๆ สีขาวบนเตียง ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นะเื “เป็ไข้”
เมื่อหมอฉินได้ยินเช่นนั้นก็รู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง เขาเกือบจะบอกลาโลกอันสวยงามนี้ไปเสียแล้ว
เขาเป็หมอหลวงรักษาคน ไม่ใช่หมอรักษาสัตว์!
“กระหม่อม...” เมื่อกำลังจะปฏิเสธ หมอฉินก็สบเข้ากับแววตาที่ทำให้เขารู้สึกหนาวเหน็บไปถึงขั้วหัวใจ คำปฏิเสธจึงติดอยู่กลางลำคอไปเช่นนี้ กลืนไม่เข้า และไม่กล้าคายออกมาเช่นเดียวกัน
“หรือว่าวิชาแพทย์ของหมอหลวงฉินไม่ได้เลิศล้ำ?”
หนวดเครากระตุกคราหนึ่ง หมอฉินยืดหลังตรง มีใครบ้างเล่าที่ไม่ทราบว่าเนื่องจากวิชาแพทย์ของเขาสูงล้ำ เขาถึงได้กลายเป็หมอหลวงประจำตัวของฝ่าากับฮองเฮา “กระหม่อมย่อมรักษาได้แน่นอน เพียงแต่...”
“เพียงแต่เ้าคิดว่าสัตว์เลี้ยงของเปิ่นหวังไม่คู่ควร?”
‘สัตว์เลี้ยง’
ไป๋เซี่ยเหอกำลังลิ้มรสกับสองคำนี้ แม้จะรู้ว่าบุรุษตรงหน้าเพียงพูดไปอย่างนั้นเอง ทว่าอุณหภูมิบนร่างกายกลับยังคงพุ่งพรวดขึ้น
“กระหม่อมมิกล้า” หมอฉินใจนหน้าถอดสี เมื่อสบกับดวงตาดำขลับไร้อุณหภูมิคู่นั้น เขาก็คุกเข่าลงด้วยหัวใจที่เต้นโครมคราม
เนื่องจากเขาเป็หัวหน้าสำนักแพทย์หลวง ทั้งยังทำหน้าที่ดูแลฮ่องเต้กับฮองเฮาโดยเฉพาะ ยามอยู่ในวังมีใครไม่ไว้หน้าเขาถึงสามส่วนบ้างเล่า? และนั่นก็ทำให้เขาได้ใจจนลืมสำรวมท่าทีต่อหน้าเซ่อเจิ้งอ๋อง
คนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้เป็คนที่แม้แต่ฮ่องเต้ยังต้องให้เกียรติถึงสามส่วน ทว่าเขาที่เป็เพียงหมอหลวงตัวเล็กจ้อยผู้หนึ่งจะพูดจาสามหาวต่อหน้าเซ่อเจิ้งอ๋องได้อย่างไร
“เซ่อเจิ้งอ๋องไว้ชีวิตด้วยพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมไม่ได้มีเจตนาเช่นนี้ กระหม่อมมิกล้าพ่ะย่ะค่ะ”
หากเปลี่ยนเป็ยามปกติ เพียงประโยคเดียวของฮั่วเยี่ยนไหวก็สามารถฉุดคนตรงหน้าลงนรกได้ ทว่าในเวลานี้ เขาสังเกตเห็นว่าแก้มของจิ้งจอกน้อยเริ่มแดงก่ำขึ้นเรื่อยๆ จนทำให้เขายิ่งเป็กังวล
“พูดไร้สาระให้น้อยลงหน่อย รีบไปตรวจเสีย”
หมอฉินไม่กล้าพูดมาก เขาเดินมาที่ข้างเตียงด้วยสีหน้าเคารพ จากนั้นก็จ้องมองจิ้งจอกน้อยที่นอนอยู่บนเตียง ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากตรงไหนดี
เงาดำสายหนึ่งเดินมายืนอยู่ข้างๆ ฝ่ามือใหญ่ที่ข้อนิ้วเด่นชัดอุ้มจิ้งจอกน้อยที่งดงามและตัวเล็กกะทัดรัดขึ้นมา
วิชาแพทย์ของหมอฉินคือของจริงอย่างแน่นอน เขาค้นพบสาเหตุของการเจ็บป่วยได้อย่างรวดเร็ว “กราบทูลท่านอ๋อง เป็เพราะ ‘สัตว์เลี้ยง’ ของท่านได้รับาเ็ บริเวณขาหน้ามีแผลลึก ทั้งยังไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกต้อง แผลจึงอักเสบ ทำให้เป็ไข้พ่ะย่ะค่ะ”
ไป๋เซี่ยเหองุนงงเล็กน้อย หลังจากช่วยชีวิตฮ่องเต้เรียบร้อยแล้ว ก็มีเื่ราวมากมายเกิดขึ้น ตอนที่รักษาฮ่องเต้เสร็จนางก็สลบไปแล้ว จะเอาพลังที่ไหนมารักษาาแเล่า?
โชคดีที่ตอนนี้นางอยู่ในจวนเซ่อเจิ้งอ๋อง ไม่ใช่จวนสกุลไป๋ มิฉะนั้นนางอาจอยู่ในสภาพศพจิ้งจอกก็เป็ได้
“เข้าใจแล้ว จ่ายยาไว้ด้วย อิ๋งเฟิงไปส่งหมอหลวงฉิน”
ไป๋เซี่ยเหอมองฮั่วเยี่ยนไหวด้วยความแปลกใจเล็กน้อย จะส่งหมอหลวงกลับไปเฉยๆ เช่นนี้หรือ? ไม่ควรใส่ยาให้นางเสียก่อนหรือ?
ฮั่วเยี่ยนไหวจ้องมองเข้าไปในดวงตาอันเฉลียวฉลาดของจิ้งจอกน้อยที่เผยความสงสัยออกมา เขายื่นมือไปลูบขนสีขาวราวหิมะของมัน “เปิ่นหวังจะใส่ยาให้เ้าเอง ดีหรือไม่?”
เมื่อมองแววตาคู่นั้นที่เยือกเย็นราวกับแสงจันทรา ไป๋เซี่ยเหอก็รู้สึกราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่สะกดผู้คนเอาไว้ และนั่นก็ทำให้นางเกิดความมัวเมา ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าบุรุษตรงหน้าผู้นี้เป็โรครักความสะอาด ด้วยความที่นางนอนร่วมเตียงกับเขา แล้วเขาจะยอมให้ผู้อื่นมาัันางได้อย่างไร?
จิ้งจอกสีขาวราวหิมะผงกศีรษะอย่างแ่เบา
เป็เ้าตัวน้อยที่เฉลียวฉลาดดังคาด
------------------------
[1] เปิ่นหวัง หมายถึง สรรพนามแทนตัวเองของผู้เป็อ๋อง
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้