นี่ยังไม่นับที่มีนักศึกษาบางคนแอบบักทึกเนื้อหาในการสอนของเจียงไป๋ไว้และโพสต์ลงบนอินเทอร์เน็ตแล้ว
ถึงแม้เป็คนกลุ่มเล็กๆ ที่รู้ คนที่ดูก็ไม่ได้มาก แต่หากมีคนของเอกการเงินที่รู้จัก และคนที่สนใจวิชานี้โดยเฉพาะ ก็ล้วนชมเชยการสอนของเจียงไป๋ไม่หยุดปาก
ต่างก็พูดกันปากต่อปาก แค่วันเดียวก็ดังครึกโครมแล้ว บวกกับการผสมโรงของพวกศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยเทียนตูที่จะมีเจตนาหรือไม่มีเจตนาก็ตาม คลิปวิดีโอการสอนของเจียงไป๋มีคนดูไม่น้อย แม้แต่บุคคลทางด้านเศรษฐศาสตร์ที่มีชื่อจำนวนหนึ่งก็ล้วนอยู่ในนี้ หลังจากที่ดูแล้วยังชมเชย ชื่อเสียงของเจียงไป๋เป็ที่รู้จักในวงการเศรษฐศาสตร์ของประเทศเป็ครั้งแรก
“ยินดีด้วย ชื่อเสียงของเ้าโดดเด่นขึ้นในวงการเศรษฐศาสตร์ รางวัลคือแต้มบารมีหนึ่งพันแต้ม”
สำหรับว่าเขาจะมีชื่อเสียงหรือไม่นั้น เจียงไป๋ก็ไม่สนใจ แต่แต้มบารมีหนึ่งพันแต้มก็ตกอยู่ในมือของเขาจริงๆ แล้ว เจียงไป๋ดีใจมาก เดิมทีมีใจต่อต้าน แต่เพราะการได้รับแต้มบารมีหนึ่งพันแต้มนี้ อารมณ์ต่างๆ ก็หายไปทันที
ได้สิ ท่าทางของเจียงไป๋เปลี่ยนไปเร็วมาก
เพราะนอกจากแต้มบารมีหนึ่งพันแต้มนี้แล้ว เขาพบว่าเริ่มจากคาบที่สอง คิดไม่ถึงว่าเขาจะมีรายรับคงที่แล้ว และก็สูงมาก
นับตามจำนวนคน แต้มบารมีเฉลี่ยวันละหนึ่งแต้มต่อหนึ่งคน และสูงกว่าพนักงานที่ทำงานกับเจียงไป๋พวกนั้นมาก
เมื่อวานได้รับแต้มบารมีสี่สิบกว่าแต้ม และตามทันยอดของทุกคนที่ทำงานให้เจียงไป๋แล้ว
นี่ก็ทำให้เจียงไป๋ตื่นเต้น ดังนั้นจึงยอมรับตำแหน่งศาสตราจารย์รับเชิญนี้อย่างไม่สะทกสะท้าน และแอบหวังให้ฟางเทียนหรูบรรจุเขา และดำเนินงานนี้เป็งานระยะยาว
ดังนั้นศาสตราจารย์เจียงก็เข้าสู่งานใหม่ของตัวเองอย่างกระตือรือร้น ทั้งยังแสดงทักษะการพูด และถ่ายทอดความรู้ของตัวเองออกไป
แต่ที่แย่เพียงหนึ่งเดียวก็คือ เขาไม่สามารถเข้าสอนทุกวันได้
จริงๆ แล้ววิชาของเขาก็มีแค่อาทิตย์ละสองครั้ง ถึงแม้จำนวนคนเหมือนจะเพิ่มขึ้นตลอด แต่ตอนนี้ดูแล้ว หนึ่งสัปดาห์ก็ได้แต้มบารมีแค่ร้อยกว่าแต้มนิดๆ สำหรับเขาในตอนนี้ยังคงน้อยอยู่บ้าง
“เสี่ยวไป๋อยู่ที่ไหนหรือ?”
วันนี้เพิ่งจะสอนเสร็จ ก็ได้รับสายตาที่สนใจของพวกนักศึกษาแล้ว พอเลิกเรียน เจียงไป๋ก็กำลังเดินเตร่อยู่ในสนามกีฬาอย่างไร้จุดหมาย ทันใดนั้นก็มีสายเข้า คนที่โทรศัพท์มาคือจ้าวอู๋จี๋
นี่ก็ทำให้เจียงไป๋ตะลึงงัน หากรู้ว่า เมื่อก่อนจ้าวอู๋จี๋โทรศัพท์มาหาเขาด้วยตัวเองน้อยมาก ส่วนใหญ่หากมีธุระอะไรก็ล้วนเป็หวางเป้าทำแทน
ร่างกายของจ้าวอู๋จี๋แย่มาก ถึงจะพูดให้มากหน่อย ก็ล้วนเหลือบ่ากว่าแรง แต่ตอนนี้คิดไม่ถึงว่าจะโทรศัพท์มาหาเขาเอง ซึ่งทำให้เจียงไป๋แปลกใจมาก
“พี่จ้าว มหาวิทยาลัยน่ะ ตอนนี้ผมไม่ใช่ว่าเป็ศาสตราจารย์รับเชิญของมหาวิทยาลัยเทียนตูแล้วหรือ เพิ่งจะสอนเสร็จน่ะ”
เจียงไป๋ตอบกลับอย่างยิ้มแย้ม และไม่มีปิดบัง
เขาเชื่อว่าด้วยความสามารถของจ้าวอู๋จี๋ ถึงไม่ได้ตั้งใจจะเข้าใจ แต่สถานการณ์ของเขาอีกฝ่ายก็สามารถรับรู้ได้
จ้าวอู๋จี๋ดำเนินกิจการอยู่ในเทียนตูมาหลายปีขนาดนี้ หูตากว้างไกล เื่ราวทุกอย่างที่เกิดขึ้นในเทียนตู ทุกการเคลื่อนไหวล้วนอยู่ในการควบคุมของเขา ไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะไม่บริหารพื้นที่นี้อย่างมั่นคงได้
“เหอะๆ ขอลางานสิ ไปหลิงเฉวียนกับฉันหน่อย” ทางจ้าวอู๋จี๋ฉีกยิ้มเล็กน้อยพลางพูด
สถานการณ์ของเจียงไป๋เขาเข้าใจ ตอนแรกยังแปลกใจมาก กำลังของเจียงไป๋น่าใเขาก็รู้ แต่คิดไม่ถึงว่าจะยังมีความรู้อย่างนี้
นักเรียนที่จบแค่ ม.ปลายคนหนึ่ง แค่พริบตาก็กลายเป็ ดร.เศรษฐศาสตร์ไปแล้ว และยังกลายเป็ศาสตราจารย์รับเชิญของมหาวิทยาลัยเทียนตู ตอนสอนก็มีหลักการมาก
จ้าวอู๋จี๋ก็หาเวลาว่างดูการสอนของเจียงไป๋แล้ว คิดไม่ถึงว่าจะรู้สึกว่ามีเหตุผลมาก ทำให้เขาต้องมองเจียงไป๋ใหม่แล้ว และก็ทำให้เขาตัดสินใจว่า ใน่สุดท้ายของชีวิตตัวเอง จะปลูกฝังเจียงไป๋อย่างสุดความสามารถ
“หลิงเฉวียน?” เจียงไป๋ตะลึงงัน และไม่เข้าใจอยู่บ้าง
จากการรู้จักของเจียงไป๋ หลิงเฉวียนคือเมืองเล็กๆ ทางเหนือ อยู่ใกล้ตี้ตู และที่นั่นก็เป็ที่ของัแห่งตี้ตูอย่างหลี่ชิงตี้ที่มีชื่อเสียงโด่งดังคนนั้น เหมือนว่าจ้าวอู๋จี๋จะมีความแค้นกับเขาไม่น้อย ตอนนี้จะไปที่ของเขาทำไม?
หรือว่าไม่กลัวคนดักซุ่มจนกลับมาไม่ได้แล้วหรือ?
“อืม ไปพบคนคนหนึ่ง มีประโยชน์กับนายในอนาคตมาก” จ้าวอู๋จี๋เงียบกริบไปสักพัก และก็พูดอย่างนี้ เมื่อพูดจบก็วางสายโดยไม่รอให้เจียงไป๋ได้ตอบกลับ
เจียงไป๋รู้ว่า อีกฝ่ายไม่อยากจะเปลืองแรงไปกับการคุยโทรศัพท์
เขารู้จักกับจ้าวอู๋จี๋ก็ไม่ใช่แค่วันสองวันแล้ว รู้ว่าอีกฝ่ายใส่ใจที่จะประหยัดพลังงานมาก และไม่ยอมที่จะสิ้นเปลืองไปแม้แต่น้อย ไม่ใช่แค่กับเขา กับใครๆ ก็เป็เช่นนี้
“เสี่ยวไป๋ เ้าพ่อจ้าวได้บอกกับนายแล้วใช่ไหม ฉันรอนายอยู่ที่หน้าประตูมหาวิทยาลัยแล้ว นายมีอะไรจะจัดการก็รีบไปทำ ทางเ้าพ่อจ้าวรออยู่แล้ว พวกเราจะตรงไปที่บ้านของเขา และนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปที่สนามบิน หลังจากนั้นก็นั่งเครื่องไปหลิงเฉวียน”
จ้าวอู๋จี๋เพิ่งจะวางสาย ทางหวางเป้าก็โทรศัพท์มาทันที
เมื่อเทียบกับคำพูดเล็กๆ น้อยๆ ของจ้าวอู๋จี๋ หวางเป้าดูเปิดเผยมาก
“ไม่มีอะไรต้องจัดการ แบบนั้นก็ไปกันเถอะ”
เจียงไป๋ฝืนยิ้ม
ความเร็วของพี่ใหญ่รวดเร็วจริงๆ และไม่ให้โอกาสได้ตัดสินใจเลย แต่อย่างไรเจียงไป๋ก็ไม่มีธุระอะไร หลังจากที่เขาโทรศัพท์ไปหาฟางเทียนหรู และบอกว่าจะลางานสักสองสามวัน จากนั้นก็หันหลังเดินออกไปจากประตูมหาวิทยาลัย
เพิ่งจะออกจากประตูมา ก็เห็นหวางเป้าและรถเบนท์ลี่ย์สีดำจอดอยู่หน้าประตูมหาวิทยาลัย ซึ่งทำให้ผู้คนมองกันนับไม่ถ้วน
รถหรูในเทียนตูมีนับไม่ถ้วน ถึงแม้รถเบนท์ลี่ย์จะแพงหูฉี่แต่ก็ไม่ได้เป็หนึ่งไม่เป็สองรองใคร จริงๆ แล้วก็มีอีกมากมาย อย่างไรคนมีเงินส่วนหนึ่งของประเทศก็ล้วนมารวมกันอยู่ที่นี่ ของอย่างรถดีๆ ไม่ต้องมากเกินไป แต่ป้ายทะเบียนรถเทียน A88888ของหวางเป้าก็ดึงดูดเกินไปหน่อย ทำให้ผู้คนไม่สนใจไม่ได้
“ผมว่าพี่เป้า รถคันนี้ของพี่ครั้งหน้าอย่าขับมาได้ไหม ทุกครั้งที่ขับออกมา ก็ล้วนทำให้คนมองอย่างกับมองลิงน่ะ?”
เจียงไป๋ขึ้นรถและนั่งข้างๆ หวางเป้า เขามองหวางเป้าที่อยู่ตรงหน้า พลางพูดด้วยใบหน้าที่หมดคำจะพูด
“ฉันพอใจน่ะ”
แต่น่าเสียดาย สำหรับเจตนาดีของเจียงไป๋ หวางเป้ากลับเมินใส่อย่างไม่ใส่ใจ
หลังจากนั้นก็บอกให้คนขับออกรถ ประมาณหนึ่งชั่วโมงต่อมา เจียงไป๋กับหวางเป้าก็มาถึงบ้านของจ้าวอู๋จี๋แล้ว
เจียงไป๋เห็นจ้าวอู๋จี๋ในครั้งนี้ รู้สึกว่าสีหน้าของอีกฝ่ายแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด สีหน้าเทาซีด ดูแล้วขาดชีวิตชีวา และแย่กว่าครั้งก่อนๆ อยู่บ้าง
ตอนที่พบกันในครั้งก่อน จ้าวอู๋จี๋บอกว่ามากสุดเขายังมีชีวิตอยู่ได้อีกหนึ่งปี หากโชคไม่ดีแค่ครึ่งปีก็อยู่ไม่ถึง ตอนนี้เจียงไป๋ดูแล้ว เกรงว่าคงอยู่ได้อีกสองสามเดือน เห็นได้ชัดว่าสำหรับสถานการณ์ของเขาในก่อนหน้านี้จ้าวอู๋จี๋ก็ดูมั่นใจ
นี่ก็ทำให้เจียงไป๋ครุ่นคิด
ตอนนี้หากจ้าวอู๋จี๋ยืนหยัดไม่ไหวแล้วตายไป สำหรับเจียงไป๋ หวางเป้า โดยเฉพาะสำหรับทั้งเทียนตูแล้ว ก็ล้วนไม่ใช่เื่ดีเื่หนึ่ง เป็ไปได้มากว่าจะนำมาซึ่งอันตรายต่างๆ นี่ก็เป็สิ่งที่เจียงไป๋ไม่อยากจะเห็น
“พี่จ้าว ร่างกายของพี่ … ” เจียงไป๋ขมวดคิ้ว มองจ้าวอู๋จี๋ที่ถูกคนสองสามคนดูแลอยู่บนรถเข็น คลุมด้วยผ้าห่ม แทบจะนอนเอนอยู่ พลางปริปากพูด
“เกรงว่าครั้งก่อนพวกเราล้วนมั่นใจกันเกินไปแล้ว … ”
จ้าวอู๋จี๋โบกมือ ส่วนทางหวางเป้าก็พูดด้วยสีหน้าที่หม่นหมอง
สำหรับร่างกายของจ้าวอู๋จี๋ หวางเป้าก็ไม่มีความหวังอีกแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้