เมื่อได้ยินมู่เสวียนเย่กล่าวว่าไม่จำเป็ มู่เฉิงอินพลันงงงวยอยู่ครู่หนึ่ง หัวใจของนางหล่นวูบ รู้สึกหลงทางเล็กน้อย แต่นางยังไม่ทันได้ตอบสนองอันใด ก็ได้ยินมู่เสวียนเย่พูดต่อว่า “คนอยู่ที่นี่”
“เ้าคะ?”
มู่เฉิงอินสับสนไปชั่วครู่ ยังคงมิอาจตอบสนองกลับมาได้
หลิงหลงเองก็มึนงงเช่นกัน อันใดคือคนอยู่ที่นี่
“มู่อันเหยียน ยังไม่รีบมาอธิบายอีก”
มู่เสวียนเย่เอ่ยปาก
น้ำเสียงนี้...
ฮวาเหยียนรู้สึกประดักประเดิดอยู่บ้าง นางก้าวไปข้างหน้าด้วยความรู้สึกผิด ยิ้มอย่างเอาใจให้พี่ใหญ่ของนาง รวมถึงยกริมฝีปากยิ้มให้แก่มู่เฉิงอินเช่นกัน “พี่หญิงมู่ ข้าก็คือน้องหญิงเหยียนของท่าน”
ว่าอย่างไรนะ?
มู่เฉิงอินกะพริบตา แล้วก็กะพริบอีก มองไปที่ฮวาเหยียน แล้วก็มองไปที่มู่เสวียนเย่
“ว่าอย่างไรนะ? เ้าก็คือน้องหญิงเหยียน?” มิน่าเล่า...
มู่เฉิงอินยกมือขึ้นกุมหัวใจของนาง
หลิงหลงที่อยู่ข้างๆ ก็เบิกตากว้างเช่นกัน ท่าทางของนางดูในัก “เอ๋? ท่านคือแม่นางเหยียน? แม่นางเหยียนคือคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่? คือน้องสาวของผู้บัญชาการมู่!”
หลิงหลงะโเสียงดัง น้ำเสียงเปี่ยมด้วยความมิอาจเชื่อ
ตรงกันข้ามกับมู่เฉิงอิน นางใเสียจนสติหลุดลอยไปเป็เวลานาน
ไม่ว่าอย่างไรนางก็มิอาจคาดคิดได้เลยว่าสตรีที่ช่วยนางไว้ในหออู๋ิ แม่นางเหยียนที่มอบหญ้าิญญาลึกลับให้ สุดท้ายแล้วกลับกลายเป็คุณหนูใหญ่ตระกูลมู่!
ทว่าเวลานี้ เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏต่อหน้า นำพาทุกสิ่งให้สืบย้อนกลับไป
มู่อันเหยียน น้องหญิงเหยียน... ล้วนมีคำว่าเหยียน! รูปร่างก็คล้ายกัน! ไม่แปลกใจเลยที่นางเกิดความรู้สึกคุ้นเคยที่มิอาจอธิบายได้กับแม่นางผู้นี้
นางและน้องหญิงเหยียนนัดพบกันที่ห้องดอกโบตั๋น ทว่าสุดท้ายแล้วคนที่ปรากฏตัวกลับเป็บุตรชายคนโตของตระกูลมู่ เดิมทีนางคิดว่านี่เป็การพบกันโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่ตอนนี้นางกลับคิดว่ามันเป็การจัดเตรียมโดยเจตนา
ใช่แล้ว ย่อมต้องเป็น้องหญิงเหยียนที่จัดการเป็แน่
น้องหญิงเหยียนทราบว่าใจของนางคิดเช่นไร ดังนั้นจึงใช้วิธีการบางอย่างหลอกล่อผู้เป็พี่ชายให้มาพบ
อีกฝ่ายบอกว่าตนเองเป็ผู้ฝึกยุทธ์คนหนึ่ง จากนั้นน้องหญิงเหยียนก็ยกนิ้วขึ้นมา ทั้งหมดสองนิ้ว นางคิดว่านั่นหมายถึงระดับผู้บำเพ็ญเพียรขั้นที่สอง แต่ตอนนี้ดูเหมือนอีกฝ่ายจะเป็ผู้ฝึกยุทธ์ระดับปรมาจารย์ขั้นที่สอง
ใช่แล้ว ใช่แน่นอน! ไม่ผิดแน่! น้องหญิงเหยียนคือคุณหนูใหญ่ตระกูลมู่!
มู่เฉิงอินทั้งประหลาดใจและเป็สุข เมื่อการตอบสนองของนางกลับมา บนใบหน้าก็มิอาจซ่อนความสุขเอาไว้ได้ นางจับมือฮวาเหยียนอย่างตื่นเต้น “น้องหญิงเหยียน เป็เ้าจริงหรือ? เป็เ้าจริงๆ ใช่หรือไม่?”
ท่าทางที่เป็สุขนั้น ส่งผลให้ฮวาเหยียนแย้มยิ้มออกมาเช่นกัน
“พี่หญิงมู่ เป็ข้าเอง เป็ข้า”
ฮวาเหยียนหัวเราะออกมา
สตรีสองนางจับมือกัน คนหนึ่งเรียบร้อยอ่อนโยน อีกคนมีเสน่ห์ไร้ผู้ใดเทียม ทั้งคู่ต่างเป็สตรีสูงส่ง มิอาจรู้ได้ว่าพวกนางดึงดูดความสนใจของผู้คนได้มากเพียงไหน ทุกคนที่ผ่านไปมาต่างพากันคาดเดาว่าสตรีสองนางนี้กำลังหัวเราะอันใดกัน?
“น้องหญิงเหยียน เหตุใดข้าถึงได้โง่นัก มิอาจคาดเดาตัวตนของเ้าได้ ช่างโง่งมยิ่งนัก!”
มู่เฉิงอินรู้สึกะเืใจจนอยากจะร้องไห้
คงมิอาจมีผู้ใดเข้าใจนางได้ เมื่อคนที่ชื่นชมและเคารพตลอดมากลับกลายเป็สหายรู้ใจ และสุดท้ายกลายมาเป็คนในครอบครัว มันเป็ความรู้สึกตื่นเต้นดีใจเพียงใด
ความรู้สึกเช่นนี้ช่างดีเหลือเกิน
“โธ่ พี่หญิงมู่ ข้ามิได้ตั้งใจจะหลอกท่าน แค่ชื่อเสียงของข้าไม่ค่อยดีนัก ข้ากลัวจะสร้างปัญหาให้กับท่าน อย่าโทษข้าเลยนะเ้าคะ”
นี่คือคำพูดจากใจของฮวาเหยียน แต่มู่เฉิงอินที่ได้ฟังกลับส่ายหัวซ้ำแล้วซ้ำเล่า “ข้าจะโทษเ้าได้อย่างไร ข้ามิเคยโทษเ้า ข้ามีความสุขยิ่งนัก”
มู่เฉิงอินกำมือของอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น
“อะแฮ่ม...”
เวลานี้ เสียงที่ไม่พอใจเป็พิเศษพลันดังขึ้น
มู่เสวียนเย่ขมวดคิ้วหน้าเครียดมองไปที่ฮวาเหยียนพร้อมทั้งกระแอมไอ
สตรีทั้งสองนางแยกจากกัน ความสุขบนใบหน้ามิได้ลดลง ทั้งคู่มองไปที่มู่เสวียนเย่ จึงเห็นเขาเอามือไพล่หลังด้วยใบหน้าตึงเครียด “น้องหญิงมู่ เ้าโกหกเป็แล้วหรือ?”
เมื่อฮวาเหยียนได้ยินคำนี้ หัวใจของนางก็เต้นไม่เป็จังหวะ นี่ย่อมไม่ดีแน่! พี่ใหญ่กำลังจะคิดบัญชีกับนาง!
“พี่ใหญ่เ้าคะ~”
ฮวาเหยียนส่งเสียงเบา แฝงความออดอ้อนอยู่ในที
“เ้า...”
“พี่เย่ อย่าตำหนิน้องหญิงเหยียนเลยเ้าค่ะ”
มาดของมู่เสวียนเย่ถูกวางเอาไว้เรียบร้อย ท่าทางก็ถูกจัดเอาไว้แล้วเช่นกัน เขาเตรียมจะให้บทเรียนแก่ฮวาเหยียน น้องหญิงตัวน้อยของเขานับวันยิ่งไร้กฎเกณฑ์ไม่สนกฎ์ ไร้ความคิดมากขึ้นทุกวัน ริอ่านเอากุญแจทองมาหลอกลวงเขา บอกว่าเป็เฉิงอินนัดหมายเขาที่โรงน้ำชาซินเยว่ ทั้งยังกล่าวอีกว่าหากไม่พบจะไม่กลับ ทำเขารู้สึกผิดและไม่ได้นอนทั้งคืน ทว่าสุดท้ายกลับเป็เื่ที่น้องหญิงของเขาจัดฉากขึ้นมาเองทั้งหมด?
มู่เสวียนเย่เพิ่งเปิดปากพูดมาได้คำหนึ่ง ก็กลับถูกมู่เฉิงอินขัดจังหวะเข้า
แม่นางอินอินมองเขาด้วยดวงตารื้นน้ำ แววตาแฝงด้วยความรัก ทั้งยังอ้อนวอน ทำให้คำตำหนิทั้งหมดที่เตรียมไว้ถูกกลืนลงท้องทันที
“อินอิน เ้าไม่รู้หรือว่าน้องหญิงทำอันใดลงไป?”
“พี่เย่เ้าคะ ไม่ว่าน้องหญิงเหยียนจะทำอันใดลงไป ล้วนดีกับพวกเราทั้งสิ้น หากไม่ใช่เพราะนาง ตอนนี้พวกเราทั้งสองคงยังมิได้อยู่ด้วยกัน ดังนั้นน้องหญิงเหยียนยอดเยี่ยมที่สุดเ้าค่ะ”
มู่เสวียนเย่อ้าปากค้าง ยังมิทันได้ตำหนิสักคำ เขากลับโดนมู่เฉิงอินขัดจังหวะด้วยวาจาแสนนุ่มนวลเสียแล้ว
“พี่เย่อย่าต่อว่าน้องหญิงเหยียนเลยเ้าค่ะ อีกอย่างนางก็ไม่ได้ทำอันใดผิด ข้าเดาว่านางคงเอากุญแจทองอันเล็กที่ข้าให้นางมามอบให้ท่านแทน แล้วบอกว่าข้าเป็ผู้นัดพบท่านที่ห้องดอกโบตั๋นใช่หรือไม่เ้าคะ?”
มู่เฉิงอินแต่เดิมก็เป็คนฉลาด ยามนี้นางเข้าใจแล้วว่าเมื่อครู่เกิดเื่ใดขึ้นบ้าง มิน่าเล่าก่อนหน้านี้ที่ห้องดอกโบตั๋น นางถึงได้ยินพี่เย่กล่าวถึงกุญแจทองอันเล็ก ตอนนี้เมื่อคิดย้อนดู นางย่อมรู้ว่าน้องหญิงเหยียนต้องใช้กุญแจทองมาเป็ของขวัญแทนใจ แล้วหลอกให้พี่เย่ไปที่โรงน้ำชาซินเยว่เพื่อพบหน้านางเป็แน่
มู่เฉิงอินทั้งขอบคุณและชื่นชมฮวาเหยียนจากก้นบึ้งของหัวใจ
“ล้วนเป็เช่นนั้น”
มู่เสวียนเย่พยักหน้า
“ดังนั้นแล้ว น้องหญิงเหยียนรู้ความในใจของข้า จึงส่งผลให้นางวางแผนทำเื่เช่นนี้ พวกเราถึงได้อยู่ด้วยกันเร็วเพียงนี้อย่างไรเล่าเ้าคะ พี่เย่ ข้าคิดว่าเราทั้งคู่ต้องขอบคุณน้องหญิงเหยียนดีๆ ด้วยซ้ำเ้าค่ะ”
มู่เฉิงอินกล่าว
เปิดปากแต่ละครั้งล้วนขานเรียกเขาว่าพี่เย่ มู่เสวียนเย่ใจอ่อนจนเหลวเป็น้ำ แต่เดิมก็มิได้้าจะสั่งสอนฮวาเหยียนอยู่แล้ว เพียงแต่เขาเป็คนซื่อตรงและค่อนข้างเข้มงวดในการงาน จึงคิดว่าอันที่จริงน้องหญิงสามารถบอกเขาได้ตรงๆ มิต้องอ้อมไปอ้อมมาเพื่อโกหกเขา
“อืม ที่อินอินกล่าวมาล้วนถูกต้องทั้งหมด”
มู่เสวียนเย่กล่าวอย่างรักหลงมัวเมา
ส่วนฮวาเหยียนผู้เป็น้องรักหรือ ดูเอาเถิด พี่ใหญ่ผู้มีใบหน้าเ็าของนางเมื่อตกอยู่ในห้วงรักกลับเสียคน ทว่านางย่อมรู้ดี ว่านางสามารถหลีกเลี่ยงการสั่งสอนนี้ได้แล้ว
“ครั้งนี้ข้ายกเว้นให้ อย่าสอนหยวนเป่าให้ทำตัวแย่เล่า”
เห็นฮวาเหยียนหรี่ดวงตาของนาง ลอบยิ้มด้วยท่าทางเหมือนจิ้งจอกตัวน้อย มู่เสวียนเย่อดไม่ไหวบ่นนางไปอีกคำ เขายังคงไม่ลืมว่าก่อนนี้หยวนเป่าน้อยสนทนากับเขาอยู่เป็นาน ยามนี้เมื่อกลับมาคิดดู นั่นมิใช่การหลอกถามเขาหรอกหรือ?
เ้าเด็กน้อยเพิ่งอายุเท่าใดกัน?
ทั้งหมดนี้ย่อมได้รับอิทธิพลจากมารดาของเขา
มู่เสวียนเย่ถอนหายใจ ใน่สี่ปีที่ผ่านมาน้องสาวตัวน้อยของเขาเปลี่ยนไปมาก เขาไม่พบร่องรอยในอดีตในตัวนางเลยแม้แต่น้อย
“พี่ใหญ่ ข้ารู้แล้วเ้าค่ะ ท่านได้ครองรักกับพี่หญิงมู่แล้ว ข้าจะมีครั้งต่อไปได้ที่ใด”
ฮวาเหยียนตอบ ใบหน้าเปี่ยมด้วยเสน่ห์เย้ายวน นางไม่ให้โอกาสมู่เสวียนเย่ได้บ่นอีก พลันกล่าวต่อว่า “พี่หญิงมู่ มาเที่ยวที่จวนของข้าเถิด พอดีเลย วันนี้ยามสายไม่มีเื่รีบร้อนอันใด”
ฮวาเหยียนยิ้มตาหยีให้อีกฝ่าย
“เื่นี้...”
มู่เฉิงอินลังเล เช่นนี้ไม่เร็วเกินไปหน่อยหรือ นางรู้สึกเขินอายเล็กน้อย
มู่เสวียนเย่มีใบหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆ แต่หูกลับกางผึ่ง ใบหน้าเขาเครียดเขม็ง ทว่าสายตากลับปรากฏรอยประหม่า
ฮวาเหยียนมองออกอย่างชัดเจน พี่ใหญ่เองก็้าให้พี่หญิงมู่ไปเยี่ยมเยือนที่จวนด้วยเช่นกัน เพื่อสานความรู้สึกปลูกต้นรัก
ดังนั้นฮวาเหยียนจึงกล่าวต่อว่า “พี่หญิงมู่ ท่านและพี่ใหญ่ตกลงความในใจกันแล้ว อีกไม่นานก็จะได้หมั้นหมาย ไม่มีอันใดน่าเกรงใจแล้วเ้าค่ะ อีกอย่างพี่หญิงไม่อยากเห็นสถานที่ที่พวกเราใช้ชีวิตเติบโตมาหรือ? ทั้งยังมีบุตรชายของข้าด้วย น่ารักเป็อย่างยิ่งเลยนะเ้าคะ”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้