อย่างไรนางก็เคยศึกษายาจีนมามาก ทันทีที่จับชีพจรของท่านปู่หลินก็ทราบได้ทันทีว่ามีการใช้ยาผิดปกติจนทำให้ท้องเสีย ทั้งอีกฝ่ายยังรับยาเข้าไปมากจนทำให้อาการไม่ดีไปอีกหลายวัน
“ท่านปู่ ท่านทานยาผิดจึงได้ท้องเสียเ้าค่ะ” หลินฟู่อินกล่าวโดยไม่เงยหน้า จากนั้นหันไปอีกทาง “ท่านป้าไปขุดต้นอวีซิงเช่า รากสือเหลี่ยว ต้มน้ำแกงใส่กึ๋นไก่ครึ่งชามแล้วผสมลงไปอย่างละครึ่งให้พวกท่านปู่ดื่ม”
“ได้ๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้”
เฟิงซื่อรับปากทันที ต้นอวีซิงเช่าที่ว่านั้นหาในป่าได้โดยง่าย ส่วนรากสือเหลี่ยวก็อยู่หน้าบ้าน ส่วนกึ๋นไก่ก็พอมีติดบ้านอยู่บ้าง โดยปกติมีไว้แลกอุปกรณ์เย็บปักทั้งหลายได้
“ข้าไม่ดื่ม นางจะวางยาข้า!” อู่ซื่อโวยวายขึ้นมาทันที
“เ้าไม่ดื่มแต่ข้าดื่ม!” ท่านปู่หลินตวาดกลับ ทันทีที่หลานสาวคนนี้ออกปากบอกชื่อสมุนไพร เขาก็ทราบว่าทั้งหมดล้วนแต่ดีต่อร่างกายไม่มีพิษ จึงได้มองหลินฟู่อินแล้วถาม “เ้าคิดว่าข้ากินยาอะไรผิดไปหรือ?”
“ยาที่ทำให้ถ่ายท้องเ้าค่ะ” หลินฟู่อินเห็นอีกฝ่ายไม่เข้าใจคำว่าท้องเสียก็เลยเอ่ยออกมาตามตรง นางทราบว่าปกติท่านปู่มิได้จัดการเื่ราวในบ้าน ทั้งหมดล้วนเป็อู่ซื่อจ้าวซื่อที่คอยควบคุม แต่สุดท้ายเ้าบ้านตระกูลนี้ก็ยังเป็เขา
ดังนั้นนางจึงมิได้รู้สึกดีกับอีกฝ่ายนัก น้ำเสียงจึงเ็ายิ่ง
ถึงอย่างไรเขาก็เ็าไม่ใส่ใจทั้งท่านแม่นางและน้องๆ ของนาง
“ฟางซื่อนางสารเลว ใครสั่งให้เ้านำตัวดาวหายนะเข้ามา?”
จ้าวซื่อออกไปซุบซิบนินทาอยู่ด้านนอก เมื่อได้ยินว่าหลินฟู่อินก้าวเท้าเข้าบ้านหลังนี้ก็รีบร้อนกลับมาทันที
ทันทีที่เข้ามา นางก็ห้ามมิให้เฟิงซื่อออกไปขุดสมุนไพรด้านนอกทันที
เฟิงซื่อโมโหอีกฝ่ายมาหลายวันแล้ว จึงสลัดตัวอีกฝ่ายออกไป “ฟู่อินมาดูปู่ย่า เ้าก็เอาแต่พูดเื่ดาวหายนะ แต่คนยังดีกว่าเ้าที่เป็ผู้าุโของนางเสียอีก ถูกเ้าทำร้ายจนเกือบตายแต่อย่างน้อยก็ยังแสร้งทำทีมาดูญาติผู้ใหญ่ แล้วเ้าเล่า?”
“ดียิ่งนักเฟิงซื่อ เ้าต่อต้านข้าแล้วยังกล้าเถียงข้าอีกด้วย!” มือของจ้าวซื่อสั่นสะท้านด้วยความเกรี้ยวกราด
เฟิงซื่อสะบัดคอ เชิดหน้า “เ้าเป็ลูกสะใภ้ ข้าเองก็ใช่ เราต่างก็เหมือนกัน เหตุใดข้าจะไม่กล้าเถียงเ้าเล่า?”
เฟิงซื่อเห็นท่าทีของบ้านสกุลหลินที่มีต่อลูกสะใภ้ที่ไม่ชอบ เช่นเื่ฉู่ซื่ออย่างไรเล่า คนที่พวกเขาไม่ชอบเป็อย่างไรเล่า สุดท้ายก็ตาย
คนบ้านนี้ไม่แม้แต่จะไปช่วยงานศพ กับครอบครัวเช่นนี้ นางที่มีแต่ลูกสาวองคนจะยังหวังอะไรได้อีกหรือ?
หลินฟู่อินอยู่ในบ้าน เมื่อได้ยินแล้วก็อ่อนไหวขึ้นมา ป้าสองมิใช่คนหัวอ่อนไปเสียหมด…
จ้าวซื่อเห็นอีกฝ่ายพูดจบแล้วเดินจากไป ในเมื่อทำอะไรไม่ได้ก็เอาความโกรธมาลงที่หลินฟู่อิน
คนหยิบกระบองออกมาจากในเสื้อแล้วพุ่งเข้าหาเด็กหญิง
ปากยังคงสบถด่า “ดูเอาเถอะ นางดาวหายนะ เ้าบุกเข้ามาเช่นนี้ ข้าจะฆ่าเ้า!”
หลินฟู่อินหลบไปด้านหนึ่ง จ้าวซื่อพุ่งใส่ความว่างเปล่า สุดท้ายไม้กระบองจึงพุ่งเข้าใส่ชายชราที่อยู่บนเตียงเสียแทน
“โอ้ย!” ท่านปู่หลินโดนฟาดเข้าที่ไหลก็โกรธจนหนวดชี้ “ต่อต้านแล้ว!”
อู่ซื่อนิ่วหน้า มองจ้าวซื่อด้วยสายตาไม่พอใจ “จ้าวซื่อทำอะไร? ไร้ประโยชน์สิ้นดี เ้าตีท่านพ่อได้อย่างไร?”
ยามนี้หน้าจ้าวซื่อแดงราวกับตับหมู ทว่ายังถือกระบองพุ่งเข้าหาหลินฟู่อิน ทว่าเด็กหญิงไหวตัวทัน คว้าแขนอีกฝ่ายบิดพลิกไปด้านหลัง
นางส่งเสียงแหลมราวกับหมูโดนเชือด
“ท่านป้าใหญ่ รู้จักสลอดหรือไม่?” เสียงของหลินฟู่อินดังขึ้นจาก้าหัวจ้าวซื่อ นางคิดจะทดสอบอีกฝ่าย
มิคาดทันใดนั้นจ้าวซื่อพลันะโโหยงขึ้น กล่าวด้วยท่าทีรุนแรง “ข้าไม่รู้จักสลอดอะไรนั่น ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้นางดาวหายนะ!”
“สลอด? สลอดคืออะไร?” อู่ซื่อถาม มองหลินฟู่อิน นางรู้สึกสองคำนี้ฟังดูคุ้นหูทว่ากลับจำไม่ได้
เห็นท่าทีวิตกของจ้าวซื่อ หลินฟู่อินก็มั่นใจแล้ว
“ท่านไม่รู้จักสลอดจริงหรือ?” นางแค่นเสียง บิดแขนอีกฝ่ายแรงกว่าเดิมทั้งยังะโเสียงแข็ง “ไม่รู้จักสลอดจริงๆ ใช่หรือไม่?”
“โอ๊ย…ปล่อยข้านะ ปล่อยข้าเดี๋ยวนี้! ์ นางเด็กหายนะนี่จะฆ่าคนแล้ว!” จ้าวซื่อร้องะโโวยวาย
“นั่นเ้า…ฟู่อินหรือ?”
เสียงกรีดร้องเหมือนหมูของจ้าวซื่อทำให้หลินต้าซานและหลินต้าเหอที่กำลังเตรียมวัตถุดิบอาหารเที่ยงสงสัย หลินต้าซานเมื่อมาถึงก็เห็นพี่สะใภ้ของตนถูกเด็กหญิงกักตัวเอาไว้จึงขมวดคิ้วะโเสียงดัง
“ฟู่อิน เ้ามาทำอะไรกันแน่?” หลินต้าเหอถามอย่างวิตก “นี่ รีบปล่อยท่านป้าใหญ่ของเ้าได้แล้ว”
สองพี่น้องมองจ้าวซื่อที่ยังถือกระบองอยู่ มีอะไรให้ไม่เข้าใจอีก
ย่อมต้องเป็จ้าวซื่อที่คิดจะตีหลานสาวจนโดนตอบโต้แล้ว
พยัคฆ์ย่อมไม่ออกลูกเป็สุนัขจริงๆ
เพียงแต่มิคาดว่าเ้าสามจะสอนวิชาให้ลูกสาว เพียงเท่านี้ก็เห็นแล้วว่าเขารักลูกคนนี้มากเพียงใด…
หลินต้าซานยังนึกดีใจขึ้นมาว่าฟู่อินคนนี้มีโชคลาภวาสนา หากนางเกิดจบชีวิตแต่ยังเด็กขึ้นมา เกรงว่าพวกเขาสามีภรรยาคงไม่รอดแน่แล้ว
“ฟู่อิน คุยกันดีๆ เถอะนะ” หลินต้าซานคิดๆ ดูแล้วก็เกรงว่าหลินฟู่อินจะพลั้งมือทำร้ายพี่สะใภ้ของตนเข้าจึงอดมิได้ให้กังวลขึ้นมา
“ท่านลุงใหญ่ ข้าขอถามสักนิด ท่านรู้จักสลอดหรือไม่เ้าคะ?”
“สลอดหรือ? ดูเหมือนจะเคยได้ยินลูกของป้าใหญ่เ้ากล่าวถึงอยู่บ้าง” หลินต้าซานไม่ทราบว่าเหตุใดอีกฝ่ายจึงถามขึ้นก็เกาหัวประหลาดใจ
เื่ของเื่คือหลินฟู่อินถามออกไปด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม เขาจึงไม่อาจทราบได้
“เช่นนั้นท่านรู้ผลข้างเคียงของสลอดหรือไม่?” หลินฟู่อินยังคงถามต่อด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล
“หลินต้าซาน หากเ้ากล้าพูด ข้า…ข้าไม่จบกับเ้าแน่!” ทันใดนั้นจ้าวซื่อก็โวยวายขึ้นมาอีกครั้ง
หลินฟู่อินทนอาการเจ็บที่เท้า แตะข้อเข่าอีกฝ่ายเข้าไปจนจ้าวซื่อร้องโหยหวนอีกครั้ง
“นี่ เ้าอย่าทำร้ายป้าใหญ่เช่นนี้ ข้าพูดแล้ว พูดแล้ว…” หลินต้าซานจ้องมองจ้าวซื่อด้วยสายตาดุดัน
สตรีร่างสูงใหญ่แข็งแรงกลับโดนเด็กหญิงอายุสิบสามพันธนาการแขนจนเอาคืนไม่ได้เช่นนี้ช่างน่าอายนัก!
“สลอด…สลอด อา ใช่แล้ว” หลินต้าซานมองจ้าวซื่อแล้วกล่าว “ครั้งก่อนมิใช่เ้ารู้สึกปลอดโปร่งมากหรือ ตอนที่พี่สะใภ้มอบขวดที่ใส่ผงสลอดให้เ้าทานนั่น?”
หลินต้าซานไม่ได้สังเกตใบหน้าซีดเผือดของจ้าวซื่อ ยังตบหัวตัวเองอีกที “ผงสลอดนั่นรุนแรงจริงๆ ทานมากเกินไปทำให้ท้องไส้ไม่ดีอยู่หลายวัน…”
“ถูกต้อง” ดวงตาหงส์ของหลินฟู่อินสว่างวาบ มองท่านปู่หลินแล้วกล่าว “ท่านปู่ ท่านกับภรรยาเหมือนจะทานอาหารผสมผงสลอดเข้าไปแล้วเ้าค่ะ”
ท่านปู่หลินเข้าใจเื่ในทันที
ทันใดนั้นใบหน้าของหลินต้าซานก็ซีดเผือด
เหลือเพียงอู่ซื่อที่ยังสับสน คนชี้หน้าหลินฟู่อินแล้วตวาด “เ้าไม่ต้องมาเสแสร้ง เหตุใดเราต้องทานผงสลอดอะไรนั่นด้วย? พวกข้ายังไม่เคยได้ยินชื่อด้วยซ้ำ”
“ท่านไม่ได้กินเอง แต่มีคนทำให้ท่านกินอย่างไรเล่า” สายตาของเด็กหญิงเ็าปราดมองจ้าวซื่อที่กลัวจนหน้าซีดไปหมด
“ใครวางยาพวกข้า” อู่ซื่อถามออกมา ทันใดนั้นดวงตาฝ้าฟางก็มองไปยังจ้าวซื่อก่อนจะรู้ตัวแล้วตวาดออกมา “ต้าซานบอกว่าพี่สะใภ้มอบผงสลอดอะไรนั่นให้เ้า?”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้