ก็ถือว่าน่าตลกจริงๆ ดูท่าว่าลูกๆ ของจ้าวซื่อคงจะเสียคนมิใช่น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ขออะไรเช่นนั้นแน่
“อาฟาง เ้าพูดเช่นนั้นได้ยังไง?!” เฟิงซื่อกลัวว่าคำพูดของอาฟางจะทำให้หลินฟู่อินไม่พอใจ จึงดุนางทันที
อาฟางแลบลิ้นแล้วก้มหน้าลงอย่างเขินอาย กล่าวด้วยเสียงสั่นเครือ “ข้าไม่ได้พูดถึงน้องฟู่อินสักหน่อย”
“ไม่เป็ไรหรอก” หลินฟู่อินหัวเราะ แล้วจึงลุกไปตักน้ำให้ทุกคน
หลินต้าเหอและเฟิงซื่อบอกว่าพวกนางยุ่งกันอยู่ เลยจะกลับโดยไม่ดื่มน้ำ
หลินฟู่อินโบกมือ “ไม่ต้องรีบ ข้ามีเื่อยากคุยกับท่านลุงรองและท่านป้ารองอยู่พอดี”
เฟิงซื่อมีสีหน้าจริงจังขึ้นมาทันที และหลินต้าเหอก็พลันยืดตัวตรง
“เื่อะไรหรือ? ฟู่อิน” เฟิงซื่อถาม
หลินฟู่อินหัวเราะแล้วกล่าว “วันนี้ข้าเพิ่งไปดูที่ของบ้านข้ามา มันถูกลงเมล็ดถั่วปากอ้าไว้จนเต็ม แต่เมล็ดมันเก่า ข้าจึงอยากขอให้ท่านลุงรองกับท่านป้ารองช่วยเก็บออกให้ เสร็จแล้วก็ลงเมล็ดผักกาดต่อเลย”
หลินต้าเหอยังมึนงงอยู่ แต่เฟิงซื่อรับคำทันทีโดยไม่หยุดคิด “ไม่เห็นยาก ให้ลุงรองของเ้ากับข้าจัดการเอง”
แล้วหลินฟู่อินก็หันไปมองหลินต้าเหอ
หลินต้าเหอลูบหัวแล้วยิ้มแหย “ใช่ ให้ข้ากับป้ารองของเ้าจัดการเอง เดี๋ยวจะช่วยปลูกให้มันโตอย่างดีเลย”
และด้วยท่าทีที่เหมือนเพิ่งนึกออก เขาจึงกล่าวต่อ “พ่อของเ้าชื่นชอบในวรยุทธ์และไม่ชอบงานสวน เขาจึงทำสวนพังไปเสียหมด”
ก็จริง หลินฟู่อินที่เห็นที่มาแล้ว ไม่รู้จะช่วยชมอย่างไรเลยจริงๆ
โชคยังดีที่พ่อยังพอมีฝีมือการล่า ไม่เช่นนั้นเขาคงหาเลี้ยงภรรยาและลูกไม่ไหวแน่…
“ดี เช่นนั้นต้องขอรบกวนท่านลุงรองกับท่านป้ารองแล้ว ขอบอกไว้ก่อน หากพวกท่านช่วยข้า ข้าจะให้ค่าแรงวันละห้าอีแปะ”
“แบบนั้นไม่ได้! เราเป็คนบ้านเดียวกัน จะเรียกเงินจากเ้าไปเสียทุกเื่ไม่ได้” เฟิงซื่อโบกมือปฏิเสธทันที
หลินต้าเหอเองก็กล่าวอย่างจริงใจ “ถูกต้องแล้ว มันไม่ใช่งานที่เหนื่อยอะไรนัก อีกอย่างฟู่อิน พ่อของเ้ายังไม่กลับมา และยังต้องเลี้ยงเด็กอีกสองคนอีก เ้าควรเก็บรักษาเงินไว้บ้าง”
หลินต้าเหอกังวลว่าหลินฟู่อินจะไม่เข้าใจถึงความหนักหนาของสถานการณ์ในตอนนี้จนใช้เงินก้อนใหญ่ไปแบบไม่คิด
แต่เขาไม่รู้ว่าหลินฟู่อินยื่นข้อเสนอทั้งหมดนี้โดยมีแผนรองรับไว้แล้ว
“ท่านลุงรอง ข้าสำรองส่วนของน้องๆ ข้าเอาไว้แล้ว กลิ่นพวกเขาหอมยิ่งกว่าเดิมอีกใช่หรือไม่เล่า?” หลินฟู่อินถามอย่างจริงจัง
หลินต้าเหอยังคงส่ายหน้า คิ้วขมวดหนัก “หากข้าเรียกเงินจากหลานสาวเพื่อทำงานในไร่แล้ว ข้าจะไม่ถูกเรียกว่าเป็เพียงพวกหน้าเงินหรือ”
ใบหน้าดำแดงของหลินต้าเหอดุดันขึ้น มือไม้โบกไม่หยุดด้วยท่าทีไม่สบายใจ
ไม่รู้ว่าหลินคนรองผู้นี้คล้ายใคร แต่เขาช่างเป็คนซื่อสัตย์นัก
หรืออาจจะเป็เพียงเพราะสภาพแวดล้อมเป็เช่นนั้นจึงโตขึ้นมาอย่างนี้ก็เป็ได้
แต่อย่างไรก็ดีกว่าคนเลวทรามอย่างปู่หลินนั่น
เฟิงซื่อเองก็บอกว่าการเก็บเงินจากการช่วยหลานนั้นเป็เื่ไม่สมควร
หลินฟู่อินยิ้มแล้วกล่าวอย่างช้าๆ “ข้าจ่ายให้คนอื่นเพื่อให้ไปตามหาพ่อข้าได้ แล้วทำไมข้าจะให้งานกับลุงป้าของข้าไม่ได้กัน?”
อย่างที่นางได้บอกไว้ นางกันเงินส่วนของน้องไว้แล้ว หากบ้านรองได้มีชีวิตที่ดี ลุงรองก็จะช่วยนางเพราะนางเป็หลานได้
แต่ด้วยสถานการณ์ของบ้านรองในตอนนี้ หากนางไม่ช่วยพวกเขาแต่กลับขอให้พวกเขามาช่วยนางเสียเอง คงได้ถูกหัวเราะเยาะเมื่อมองย้อนกลับมาเป็แน่
ในท้ายที่สุด หลินฟู่อินก็กล่อมหลินต้าเหอและภรรยาได้สำเร็จ ทั้งสองเองก็รู้สึกได้ว่าหลินฟู่อินแค่พยายามช่วยพวกเขา
หากทั้งสองสามีภรรยามาช่วยหลินฟู่อินทั้งคู่ ก็จะได้วันละสิบอีแปะ สิบวันก็ได้หนึ่งตำลึงเงินแล้ว
นั่นสามารถช่วยจัดการเื่ค่ากินอยู่ของบ้านได้
หากในอนาคตหลินฟู่อิน้าความช่วยเหลือ บ้านรองจะไม่มีวันปฏิเสธแน่นอน
หลินฟู่อินไม่ได้แค่กำลังพยายามซื้อใจคน แต่นางพัฒนาชีวิตของบ้านรองโดยคิดถึงผลตอบแทนไว้ในใจ ถือเป็เื่ดี
เมื่อพวกหลินต้าเหอกลับไปแล้ว ย่าหลี่ก็มองหลินฟู่อินด้ายท่าทีหงอยๆ “เ้าใจอ่อนเกินไปแล้วนะ…”
หลินฟู่อินเม้มปากยิ้มเล็กน้อย ความใจอ่อนเองก็มีขีดจำกัด หากยังอยู่ในขีดนั้น มันก็ไม่ใช่เื่แย่อะไร
ไม่กี่วันหลังจากนั้น หลินฟู่อินที่มีสมุนไพรตากแห้งกองเต็มห้องเก็บของก็มานั่งรอหลี่อี้
ในตอนที่เขามาถึง เขาได้พาสตรีวัยกลางคนอายุราวสี่สิบมาด้วย
สตรีผู้นี้มีผิวขาวโพลน มีน้ำมีนวลเล็กน้อย ใบหน้ายาวและคิ้วที่เรียว สายตาดูเ้าเล่ห์
นางสวมเสื้อคลุมที่ทำจากไหมสีแดง และกระโปรงสีเขียวขี้ม้าทำจากไหมชนิดเดียวกันอยู่ด้านใน บนหัวมีปิ่นทองคำสลักลายดอกไม้ดูหรูหรา ใบหูประดับด้วยต่างหูมุกขนาดเท่าลูกไม้
สิ่งที่โดดเด่นบนกายนางคือกำไลหยกประดับลายลูกน้ำบนข้อมือที่ส่องประกายแสงสีเขียวเรืองรอง สบายตาแก่ผู้พบเห็นเป็อย่างยิ่ง
หลินฟู่อินเข้าใจได้ทันทีว่านี่คือคุณนายที่ได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบาย
และเมื่อเห็นนางอยู่กับหลี่อี้เช่นนี้ นางก็พอจะเดาได้ว่าทำไม
สตรีผู้นี้ยิ้มทันทีที่นางเห็นหลินฟู่อิน สายตานั้นเฉียบคมเล็กน้อย ก่อนจะมองหลินฟู่อินั้แ่หัวจรดเท้าอยู่พักหนึ่ง
เมื่อเห็นนางยอมยืนเฉยๆ ให้มอง สตรีผู้นั้นก็อึ้งไป
นางคลี่ยิ้ม จงใจทำเสียงให้อ่อนลงด้วยท่าทีนอบน้อม ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่น “แม่นางหลินสินะ? ถูกเลี้ยงมาดี เป็เด็กสาวที่งดงาม”
หลินฟู่อินทำความเคารพนางอย่างมีสกุล ไม่หวั่นไหวไปตามคำยกยอ
“แล้วท่านหญิงผู้นี้เป็ใครหรือเ้าคะ?” นางมองหลี่อี้แล้วทำความเคารพเขาด้วย
หลี่อี้เองก็ทำความเคารพคืนอย่างเร่งรีบ ใบหน้าหล่อเหลาของเขาแดงเป็ลูกตำลึง “แม่นางหลิน ทางนี้คือภรรยาของอาจารย์ข้าขอรับ…”
ั์ตาทรงผลซิ่งของหลินฟู่อินมีประกายเริงร่าขึ้นมาทันที ก่อนจะทำความเคารพหลี่ฮูหยินอีกครั้ง “ภรรยาของท่านหมอหลี่นี่เอง เชิญเข้าบ้านเ้าค่ะ”
หลี่ฮูหยินไม่คาดคิดว่าจะได้เจอบุตรสาวของสามัญชนในบ้านนอกที่มีมารยาทดีงามเช่นนี้ จึงเกิดประกายความพึงพอใจปรากฏขึ้นในสายตาของนาง
นางยิ้ม แล้วพยักหน้าให้หลินฟู่อิน “เช่นนั้นคงต้องขอรบกวนคุณหนูหลินแล้ว”
“มิได้ นับว่าเป็เกียรติของข้าเสียมากกว่าที่ได้ต้อนรับหลี่ฮูหยินเข้าเรือนเล็กๆ ของข้าเ้าค่ะ”
หลินฟู่อินคิดว่าหลี่ฮูหยินผู้นี้มีความสุภาพมากทั้งในด้านมารยาทและคำพูดคำจา นางจึงคิดจะสร้างภาพลักษณ์ที่ดีให้นางได้เห็นเพื่อซื้อใจ
นางคิดว่าเมื่อหลี่อี้กลับไป หมอหลี่จะส่งหลี่อี้กลับมาคุยกับนางอีกครั้งหลังจากที่พิจารณาอย่างถี่ถ้วนแล้ว แต่นางคาดไม่ถึงว่าที่มาจะไม่ได้มีเพียงหลี่อี้ แต่มีหลี่ฮูหยินมาด้วย
และหลี่ฮูหยินผู้นี้ก็ดูเป็คนเ้าเล่ห์ ต่างกับคนที่ดูไม่รู้เื่รู้ราวทางโลกเช่นหลี่อี้ชนิดคนละเื่
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้