“เ้าพ่อเจียงบอกให้นายปิด นายก็ต้องปิด ไม่ว่าจะมีสิทธิ์อะไรหรือไม่ หากนายไม่ปิด พรุ่งนี้ฉันก็จะเผาผับนายซะ!”
ในเวลานี้ชั้นบนมีเสียงหนึ่งดังลงมา
ชั้นสองที่ล้อมรอบไปด้วยกระจกใส ในห้องส่วนตัวที่โปร่งใสแค่ครึ่งเดียว คนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงนั้น และจับราวกั้นสีทองมองลงมาชั้นล่างพลางพูด
เสียงไม่ดัง แต่หลังจากที่เพลงปิดแล้ว กลับดังพอที่ทุกๆ คนในผับจะได้ยินอย่างชัดเจน
“ประธานอู๋!”
เถ้าแก่ที่สวมแว่นตากรอบทองมีสีหน้าขาวซีดทันที
ในฐานะเถ้าแก่ของที่นี่ เป็ธรรมดาที่เขาจะรู้ว่าคนที่นั่งอยู่ชั้นบนคือใคร ประธานอู๋คนเล็กของบริษัทภาพยนตร์ชิงหุ้ยและประธานอู๋คนโตของกลุ่มบริษัทจงเทียน
คนที่พูดอยู่ในตอนนี้ ก็ไม่ใช่ว่าเป็คุณอู๋คนโตที่มีชื่อโด่งดังในเทียนตูคนนั้นหรือ? คนคนนี้ค่อนข้างโหด และโหดจนถึงขั้นที่เขากลัว ถึงแม้เถ้าแก่หวางจะน่ากลัว แต่เมื่อเทียบกับประธานอู๋คนนี้แล้วก็ไม่มีค่าอะไรแม้แต่น้อย
โดยเฉพาะคนที่แม้แต่ประธานอู๋ยังเรียกว่าเ้าพ่อ … หรือจะเป็ท่านนั้น …
เมื่อนึกถึงตรงนี้แล้ว เถ้าแก่แทบจะเอาหัวชนจนตาย
หากรู้ั้แ่แรกว่าจะเป็อย่างนี้ เมื่อครู่ทำไมถึงพูดบ้าอะไรไปมากมาย คดีนี้ถึงตีกันจนตายก็ไม่ควรออกมา ทำไมเขาถึงได้โง่ขนาดนั้น?
“นายเป็ใคร? เกี่ยวอะไรกับนายด้วย?”
เถ้าแก่หวางไม่พอใจ เขายืนขึ้นมองอู๋จงที่อยู่ชั้นสอง และพูดอย่างโมโห
“ฉัน? กลุ่มบริษัทจงเทียนอู๋จง ทำไมอยากจะงัดข้อกับฉันหรือ?”
อู๋จงถอนหายใจอย่างเยือกเย็นและไม่สนใจ
บุคคลที่อยู่มาถึงขั้นนี้ได้ และมีหน้ามีตาในเทียนตูอย่างเขาอู๋จงคนส่วนใหญ่ล้วนรู้จัก
ยิ่งไปกว่านั้น ตอนนี้มีเ้าพ่อเจียงอยู่ เขาจะต้องกลัวอะไร?
จะสนทำไมว่าเขาเป็ใคร เขาจึงออกหน้าให้เจียงไป๋อย่างไม่ลังเล
“อู๋คนโต!”
เมื่อเถ้าแก่หวางได้ยินอู๋จงแนะนำตัวแล้วก็ขาสั่นทันที และแทบจะทรุดลง
เขามีอำนาจ มีเงินอยู่บ้าง แต่นั่นก็ล้วนอยู่ต่างถิ่น หากไม่ใช่เพราะพี่น้องในครอบครัวตอนนี้เพิ่งจะถูกย้ายมารับตำแหน่งผู้นำที่สถานีตำรวจในเขตช่างตง เขาก็คงจะไม่มาเทียนตู
เถ้าแก่คนนี้ก็เห็นแก่หน้าน้องชายของเขาจึงได้ปกป้องอย่างนี้ แต่ก็ไม่ได้แสดงว่าเขาไม่กลัว อู๋คนโตที่จิตใจอำมหิตคนนี้เขาก็แหย่ไม่ได้ อย่าว่าแต่เขาเลยแม้แต่น้องชายเขาเองเมื่อได้ยินชื่อนี้แล้วก็ต้องหลีกให้
อย่าว่าแต่ลูกไม้ อู๋คนโตก็มีความสัมพันธ์กับคนระดับสูงของ
วงการตำรวจสองสามคนนั้นไม่เบา แค่เื่เล็กน้อยแค่นี้ก็พอที่จะทำให้น้องชายของเขาตกงานได้แล้ว
วันเวลาเหล่านี้ที่เขามาเทียนตู ชื่อที่ได้ยินในเขตนี้มากที่สุดก็คืออู๋จงของกลุ่มบริษัทจงเทียน ได้ยินว่า่นี้อู๋คนโตกับคนเล็กประมือกับคนอื่นจนมีคนตายมากมาย คนแบบนี้แค่คิดเขาก็ขาอ่อนแล้ว
สำหรับเ้าพ่อเจียงที่เขาพูดเมื่อครู่นั้น เขากลับไม่ได้ฟัง
เขาก็เป็แค่บุคคลตำแหน่งเล็กๆ และเพิ่งมาเทียนตูได้ไม่นาน ถึงจะมีเงิน มีคนอยู่บ้าง แต่คนอย่างเจียงไป๋ เขากลับไม่เคยได้ยิน ถึงจะเคยได้ยิน นั่นก็คงไม่คิดว่าเจียงไป๋จะเป็บุคคลที่เล่าลือกันนั้น
“ไม่ ไม่กล้า … ” เถ้าแก่หวางตัวสั่นเทาและรีบพูด
ต่อให้ตีให้ตายเขาก็ไม่กล้าท้าทายอู๋คนโต เื่ที่เ้าหมอนี่มีชื่อเสียงที่สุดก็คือชอบจับคนถ่วงน้ำ ในหลายปีนี้คนที่หาเจอในแม่น้ำ ในสิบคนมีแปดเก้าคนที่อู๋คนโตเป็คนทำ เถ้าแก่หวางยอมรับว่าตนเองยังไม่กล้าขนาดนั้น
“เ้าพ่อเจียง ผม … ”
เถ้าแก่ที่ใส่แว่นตากรอบทองคนนั้นมองเจียงไป๋ด้วยใบหน้าที่สั่นเทา สั่นจนอยากจะพูดอะไรบางอย่าง แต่กลับพบว่าไม่ว่าอย่างไรเขาก็พูดออกมาไม่ได้
เขาก็ไม่ใช่เ้าอ้วนหวางเศรษฐีบ้านนอกอย่างนั้น แน่นอนก็รู้ว่าเ้าพ่อเจียงที่อู๋จงพูดถึงนั้นหมายถึงอะไร และก็รู้ว่าคนสำคัญคือใคร
น่าเสียดายที่ยังพูดไม่ทันจบ ก็ขาอ่อนคุกเข่าลงตรงนั้น และก็สั่นอย่างไม่หยุด เขาพูดไม่ออกแม้แต่ประโยคเดียว
จ้าวฉีที่เมื่อครู่กำเริบเสิบสานอยู่ตรงนั้นก็มีปฏิกิริยา และรีบทิ้งอาวุธที่อยู่ในมือทันที สีหน้าของเขาซีดเป็ไก่ต้ม
“เสี่ยวเทียน นายส่งซินซินกลับไปเถอะ”
เจียงไป๋ไม่ได้สนใจ ก็แค่ให้เสี่ยวเทียนส่งคนกลับไปก่อน
เสี่ยวเทียนพยักหน้า หลังจากนั้นยื่นมือออกมาทำท่าเชิญจู้ซินซินให้ออกไปจากที่นี่
จู้ซินซินลังเลสักครู่ แต่ก็ไม่ปฏิเสธ เธออำลาเจียงไป๋อย่างเชื่อฟัง และออกไปจากผับแห่งนี้ท่ามกลางสายตาที่รอคอยและหมดหวังของพนักงานที่สวมเสื้อกั๊กแดงคนนั้น
หลังจากที่จู้ซินซินไปแล้ว ทางอู๋เทียนและอู๋จงก็เดินลงมาแล้ว
สำหรับพวกลู่ลู่ไม่สะดวกที่จะออกมาปรากฏตัวจริงๆ ทำได้แค่ยื่นหัวออกมาจากห้องส่วนตัวที่อยู่ชั้นสอง และมองเจียงไป๋ที่นั่งไขว่ห้าง คาบบุหรี่อยู่ในห้องโถงอย่างแปลกใจและเลื่อมใส
เวลานี้เ้าอ้วนหวางกับเถ้าแก่แว่นตากรอบทอง และจ้าวฉีทั้งสามคนคุกเข่าอยู่ตรงนั้นอย่างสั่นเทาไปทั้งตัว และไม่กล้าพูดอะไรมาก
สำหรับคนหนุ่มกลุ่มใหญ่กลุ่มนั้น ก็หลบอยู่ไกลๆ ด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนกใ
“เ้าพ่อเจียงจะจัดการอย่างไร?”
อู๋จงเข้ามาที่ข้างกายเจียงไป๋ พลางถาม
ตอนที่เขาพูด ก็มีชายร่างกำยำที่สวมชุดสูทสีดำหลายสิบคนพุ่งเข้ามาในผับั้แ่เมื่อไรไม่รู้ และก็ล้อมพวกเ้าอ้วนหวางทั้งสามคนไว้โดยไม่ได้พูดอะไร หลังจากนั้นก็เริ่มให้แขกในผับแยกย้ายออกไป นี่คือการจัดการพื้นที่ เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้เป็คนของอู๋จง
ดูแล้ว่นี้เ้านี่ก็กลัวมากเหมือนกัน และกำลังมาหาเจียงไป๋เพื่อไกล่เกลี่ย ในขณะเดียวกัน ยังพาคนหลายสิบคนมาปกป้องตนเอง ไม่อย่างนั้นในเวลาสั้นๆ แค่นี้ก็คงจะเรียกคนมามากมายขนาดนี้ไม่ได้
อย่างไรจากชั้นบนมาชั้นล่าง ก็แค่ไม่กี่นาทีเท่านั้น หน่วยตอบโต้เร็วก็ยังไม่เร็วขนาดนี้
“นาย … จัดการได้ไม่ยุติธรรม คนคุมสถานที่น่ะ แม้แต่ขั้นพื้นฐานก็ไม่มีเลย เกือบจะทำให้น้องสาวของฉันเสียเปรียบแล้ว หากจะหักแขนนายสักข้างก็ไม่เสียเปรียบใช่ไหม?”
ลูกน้องของเจียงไป๋มองจ้าวฉีแวบหนึ่งแล้วถาม
“เ้าพ่อเจียงพูดถูก ไม่เสียเปรียบ”
จ้าวฉีหยิบแท่งเหล็กขึ้นมาจากพื้นแล้วตีแขนตนเองอย่างรุนแรงและไม่รอช้า “แครก” เสียงแขนแตกหัก และนี่กลับทำให้เจียงไป๋ต้องมองเขาใหม่อีกครั้ง
“มั่วสุมอยู่ตามถนนจะมีอนาคตอะไร ต่อไปหางานที่เหมาะๆ หน่อย หากไม่มีที่ไป ก็ไปหาฉวีเจี๋ยที่สถานบันเทิงตี้ตูได้ ให้เขาหางานให้นาย”
เจียงไป๋เห็นจ้าวฉีคนนี้มีความกล้า จึงได้ให้ทางรอดเขา
หลังจากนั้นก็เล็งสายตาไปที่เ้าอ้วนหวางและอีกคน
“นาย … ฉันจะพูดไร้สาระกับนาย พรุ่งนี้ผับแห่งนี้ของนายปิดกิจการไปซะ ั้แ่วันนี้เป็ต้นไป ฉันไม่อยากเห็นหน้านายในเทียนตูแล้ว”
เจียงไป๋มองเถ้าแก่แว่นตากรอบทองคนนั้นแวบหนึ่ง และพูดเบาๆ อย่างนี้ ทำให้อีกฝ่ายทรุดลงไปในที่สุด
เขาตรากตรำอยู่ในเทียนตูมาหลายปีขนาดนี้ บ้าน รถ ภรรยา ทรัพย์สิน ความสัมพันธ์ล้วนอยู่ที่นี่ ตอนนี้จะให้เขาปิดกิจการ แม้แต่เวลาที่จะจัดการเขาก็ล้วนไม่มี
ไม่อนุญาตให้อยู่ในเทียนตูอีกหรือ?
แบบนั้นความพยายามในหลายปีมานี้ก็ไม่ใช่ว่าเสียเปล่าแล้วหรือ?
แต่เขาก็ไม่กล้าคัดค้านหรือไม่พอใจแม้แต่น้อย ภายในใจตัดสินใจแล้วว่าจะรีบจากไป
เจียงไป๋บอกว่าไม่อยากเห็นเขาในเทียนตู เขาก็ไม่อาจจะปรากฏตัวได้เด็ดขาด จุดนี้เขารู้ดี ตอนนี้คำพูดนี้คือพูดต่อหน้าอู๋เทียนและอู๋จง ถึงเจียงไป๋จะไม่คิดเล็กคิดน้อยกับพวกคนตัวเล็กๆ อย่างเขาก็ตาม ไม่แน่ว่าพรุ่งนี้ก็ลืมแล้ว แต่อู๋คนโตก็จำได้แน่นอน นี่คือคนโหดที่แท้จริง หากไม่อยากตายก็แค่ต้องจากไป
“สำหรับนาย … เป็พวกขี้แพ้จริงๆ … หากวันนี้ฉันไม่มา นายก็จะทำลายน้องสาวของฉันแล้วใช่ไหม?”
เจียงไป๋ชี้เ้าอ้วนหวาง และพูดอย่างโมโห
จริงๆ แล้วสามคนนี้ คนที่เขาโกรธที่สุดก็คือเ้าอ้วนหวาง อีกสองคนก็โกรธเล็กน้อยเท่านั้น แต่สำหรับเ้าอ้วนหวาง นั่นก็อยากจะโมโหใส่จริงๆ
เ้านี่กำเริบเสิบสานเป็อย่างแรก อย่างสองกล้าคิดที่จะแตะจู้ซินซิน?
แม่ง เ้านั่นไม่รู้หรือว่าสาวน้อยคนนี้เขาเองก็เสียดายที่จะแตะแม้แต่ปลายนิ้ว?
วันนี้หากไม่ใช่เพราะเขามาปรากฏตัวอย่างกะทันหัน ก็ไม่ใช่ว่าจะทำให้เ้าสารเลวคนนี้สมหวังแล้วหรือ?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้