“ถ้าเช่นนี้ล่ะว่ายังไง” หลี่ฮูหยินรู้สึกไม่ค่อยสบายตัว จึงหยิบผ้าเช็ดหน้าออกมาเช็ดมุมปาก “หากเ้ามีแบบตากแห้งแล้ว เราจะให้ห้าสิบแปดอีแปะต่อหนึ่งจิน รับมากเท่าที่เ้ามี และเ้าต้องขายให้แค่พวกข้าเท่านั้น แม่นางหลินว่ายังไง?”
ห้าสิบแปดอีแปะต่อหนึ่งจิน?
หลินฟู่อินตกตะลึง
ราคานี้ไม่เลวเลย มากกว่าที่นางคิดไว้เสียด้วยซ้ำ
หลี่ฮูหยินแอบซ่อนความอับอายเล็กๆ ไว้ในใจ สามีของนางบอกไว้ว่าอย่างน้อยต้องหกสิบอีแปะต่อหนึ่งจิน และไม่เกินหนึ่งหรือสองตำลึงเงินต่อหนึ่งจิน แต่ให้เกินหนึ่งตำลึงเงินได้แค่ครั้งนี้ครั้งเดียว
นางจึงเริ่มด้วยราคาต่ำสุด แล้วกดลงไปอีกสองอีแปะ หากคู่ค้าเป็พวกพ่อค้าสมุนไพรหน้าเืเ่าั้ นางคงไม่รู้สึกผิดแม้แต่น้อย
แต่เมื่ออีกฝ่ายเป็เพียงเด็กสาวบ้านนาเช่นนี้ นางจึงยั้งมืออยู่บ้าง อีกทั้งสมุนไพรเหล่านี้ แม้มันจะหาได้ทั่วไปในไร่นา แต่เมื่อตากแห้งแล้วน้ำหนักมันก็ลดลงไปมาก ในหนึ่งวันคงเตรียมได้เพียงไม่กี่จินเท่านั้น
หลี่อี้ได้ยินว่าเป็ราคาต่ำสุดที่ถูกกดลงไปอีกสองอีแปะแล้ว จึงกังวลขึ้นมาเล็กน้อย “ท่านป้า… นายหญิง?”
“แม่นางหลิน เงียบไปเช่นนี้ ราคานี้ไม่ถูกใจท่านหรือ?” หลี่ฮูหยินเมินหลานชายแล้วมองหลินฟู่อินอย่างมีเล่ห์
หลินฟู่อินคำนวณในใจ แม้อาเฟินและอาฟางจะขุดได้วันละหลายสิบจิน แต่เมื่อล้างและตากแล้วมันจะเหลือวันละไม่ถึงสิบจิน หากเป็ห้าสิบแปดอีแปะต่อหนึ่งจินแล้ว สิบจินก็จะเป็ห้าร้อยแปดสิบอีแปะ หรือก็คือมากกว่าห้าตำลึงเงินต่อวัน
หนึ่งวันมีค่าใช้จ่ายหกอีแปะ รวมค่าอาหารแล้ว
เมื่อคำนวนแล้ว ค่าใช้จ่ายต่อวันมีมากสุดไม่เกินสิบอีแปะ แต่พวกนางสามารถทำเงินได้มากถึงวันละห้าตำลึงเงิน! นับว่ากำไรมหาศาล คุ้มค่าแก่การลงทุน!
หลินฟู่อินจึงปรับสีหน้าใหม่ แล้วกล่าว “ยอดห้าสิบแปดอีแปะต่อจินของสมุนไพรที่ฮูหยินกล่าว ข้าขาย”
หลี่ฮูหยินคาดไม่ถึงว่านางจะตอบกลับมาชัดเจนขนาดนี้ จึงรู้สึกประทับใจราวกับได้รับการพานพบแห่งโชคชะตาขึ้นมาเลยทีเดียว
เด็กคนนี้เป็วัตถุดิบที่ดีในการทำการค้าด้วยจริงๆ!
แต่หลี่อี้ััได้ถึงความไม่สบายใจในใจของตัวเอง เขาคิดว่าการที่หลินฟู่อินไปขุดหาสมุนไพรตามพื้นดินมันไม่ใช่เื่ง่ายแน่ หากเขาเป็ผู้เจรจา เขาคงให้ราคาสูงสุดที่ลุงรองเสนอไปแล้ว
แต่เขาก็รู้ว่าป้าของเขาทำถูกแล้ว แม้ว่าลุงเล็กของเขาจะเป็แพทย์ แต่ตระกูลของเขาก็ทั้งเรียนวิชาแพทย์ทั้งเปิดร้านยาเอง หรือก็คือเป็บ้านคนทำมาค้าขาย
และนักค้าขายก็ต้องคิดถึงกำไรก่อนเสมอ จึงไม่อาจขัดอะไรได้
“เช่นนั้นก็ถือว่าเจรจาสำเร็จแล้ว” หลี่ฮูหยินยิ้มปกปิดความไม่สบายใจในใจ
หลินฟู่อินพยักหน้า หากทำการค้าโดยที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันแล้ว ก็ไม่ต้องมานั่งผิดใจกันในภายหลัง
แม้ราคาของสมุนไพรในครั้งนี้จะต่ำ แต่นางก็ไม่คิดจะพูดอะไร เพราะสำหรับสาวบ้านนาที่ไร้เส้นสายและเม็ดเงินเช่นนาง การได้มีเส้นสายกับหมอหลี่ถือเป็เื่สำคัญที่สุดในเวลานี้
“หลี่ฮูหยิน ข้ามีเื่ที่อยากรบกวนท่านอีกเื่ ไม่ทราบว่าท่านจะอนุญาตหรือไม่” หลินฟู่อินกล่าวกับหลี่ฮูหยินด้วยรอยยิ้ม
“โห? เป็เื่อะไรกัน?” หลี่ฮูหยินขมวดคิ้ว มองหน้าหลินฟู่อินอย่างไม่สบายใจ
หลินฟู่อินยิ้มก่อนกล่าว “อีกไม่นานสมุนไพรนี้คงกลายเป็ที่รู้จักในวงกว้าง แต่จนกว่าจะถึงตอนนั้น ข้าอยากขอให้คุณนายซื้อมันจากข้าเท่านั้น เพราะหากชาวบ้านรู้ว่าสมุนไพรนี้ทำเงินได้มากมาย คงได้แห่กันไปขุดเพื่อขายให้หมอเ้าอื่นกันหมดแน่ หากเป็เช่นนั้นไม่เพียงท่านจะต้องสูญเงิน แต่ข้ากลัวว่าแม้แต่ตัวสมุนไพรก็อาจสูญพันธุ์ไปด้วย”
หลี่ฮูหยินคลำแหวนบนนิ้ว หัวใจกระตุกทันทีเมื่อได้ยินเช่นนั้น
“แม่นางหลินกล่าวได้มีเหตุผล ข้ารู้ว่าควรทำยังไง” หลี่ฮูหยินกล่าวเศร้าๆ
ในตอนแรก นางคิดอยู่ว่าหากนางจ้างคนอื่นมาเก็บด้วยราคาที่ต่ำกว่านี้ได้น่าจะดี แต่เมื่อได้ยินคำพูดของหลินฟู่อิน นางจึงล้มเลิกความคิดไปในทันที
นางขาดทุนก็เื่หนึ่ง แต่หากสมุนไพรนี้สูญพันธุ์ไป มันคงไม่ตลกแน่
หลี่อี้เองก็เคยกล่าวเื่เดียวกันนี้กับนางมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่เพราะตอนนั้นนางยุ่งอยู่กับการขุดคุ้ยตำราจึงไม่เก็บมาใส่ใจ แต่พอเด็กคนนี้เป็คนพูดด้วยความซื่อตรงเช่นนี้จึงทำให้นางคิดได้ ช่างต่างกับหลี่อี้ที่มีน้ำเยอะนัก
ในขณะที่ทุกคนกำลังจมอยู่ใต้ความคิดมากมาย ย่าหลี่ก็ต้มชาเสร็จ
หลี่ฮูหยินจิบไปหนึ่งอึกก็พลันชะงัก
นี่เป็ใบชาที่ฉู่ซื่อเหลือทิ้งไว้ แม้ในบ้านนอกเช่นนี้มันจะถือได้ว่าเป็ชาชั้นดี แต่สำหรับหลี่ฮูหยินที่เคยชินกับชามีชื่อแล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำโคลน
“แม่นางหลิน ตอนนี้ท่านมีสมุนไพรอยู่เท่าไรหรือ? ข้าขนมันกลับไปวันนี้เลยได้หรือไม่?” หลี่ฮูหยินถามด้วยรอยยิ้ม
หลินฟู่อินไม่รู้ว่าตอนนี้มีเก็บไว้กี่จิน นางจึงกล่าว “พวกข้ายังไม่ได้ชั่งว่ามีน้ำหนักเท่าไรเ้าค่ะ หากคุณนายอยากเอามันกลับไปวันนี้เลย เราก็ควรไปชั่งมันตอนนี้”
ย่าหลี่ไปเอาตราชั่งมา แล้วหลินฟู่อินจึงพาทุกคนไปยังห้องเก็บของ
หลี่ฮูหยินพยักหน้าไม่หยุดเมื่อเห็นว่ากว่าครึ่งของห้องเก็บของถูกแบ่งเป็สามส่วนสำหรับสมุนไพรตากแห้ง จิตใจของนางพลันโลดเต้น
เมื่อเห็นว่าสมุนไพรพวกนี้ถูกทำความสะอาดและตากแห้งไว้อย่างดี นางก็ยิ่งประทับใจในตัวหลินฟู่อินมากขึ้นไปอีก
พอเป็สมุนไพรตากแห้งเช่นนี้ก็แยกไม่ออกว่าอันไหนเป็อะไร ดูท่าแล้วบ้านหลี่ของนางคงจะครองตลาดไปได้อีกสักพัก
สำหรับตัวหลี่ฮูหยิน สมุนไพรเหล่านี้ไม่ได้มีไว้แค่ใช้เอง แต่ยังมีไว้ขายให้ร้านยาร้านอื่นเพื่อกินกำไรจากส่วนต่างด้วย
หลินฟู่อินก็พอจะเดาได้ แต่ที่ทำเช่นนั้นได้ก็เพราะเส้นสายของหมอหลี่ และการสร้างส่วนต่างราคามหาศาลก็เป็ความสามารถของหลี่ฮูหยิน นางจึงไม่ได้รู้สึกขัดใจอะไร
ในใจนางมีเพียงความคิดที่ว่า ‘หากรวบรวมเส้นสายได้เยอะๆ แล้ว หลังจากนี้ก็คงหาเงินเพิ่มได้อีก’ เท่านั้น
ในระหว่างที่กำลังชั่งน้ำหนัก หลี่ฮูหยินก็กล่าวด้วยรอยยิ้ม “สมุนไพรเหล่านี้ทำความสะอาดและตากแห้งได้กำลังดี หลังจากนี้ก็ใช้นี่เป็ตัวอย่างแล้วกัน”
“สบายใจได้เ้าค่ะ”
และหลี่ฮูหยินยังกล่าวต่อ “ข้าเห็นอันที่กำลังตากแต่ยังไม่แห้งในสวนด้วย เอานั่นไปด้วยเลยแล้วกัน อันที่ตากแห้งแล้วมันก็ดี แต่สมุนไพรที่ยังไม่แห้งมันก็ดีในแบบของมันเช่นกัน”
สมกับที่เป็ภรรยาหมอ คำพูดคำจามีศัพท์เฉพาะทางมากมายนัก
หลินฟู่อินยิ้มแล้วกล่าวชม “ฮูหยินกล่าวถูกแล้ว สมุนไพรเหล่านี้ยิ่งสดยิ่งดี แต่เมื่อแห้งแล้วมันง่ายต่อการเก็บรักษามากกว่า”
“ถูกต้อง” หลี่ฮูหยินดูพอใจมากเมื่อหันมามองนาง กล่าวว่า “เช่นนั้นแล้วก็ใช้ราคาเดียวกับที่กำลังตากข้างนอกนั่นด้วยแล้วกัน ข้าจะส่งเกวียนมารับของทุกสองสามวัน โดยให้เ้าตากแห้งเป็ส่วนมาก และเก็บบางส่วนไว้โดยไม่ต้องตาก ราคาเดียวกัน”
หลินฟู่อินยิ้มแล้วตอบรับ นางััได้ว่าหลี่ฮูหยินกำลังให้ค่านางด้วยการตั้งราคาทั้งแบบตากแห้งและไม่ตากเป็ราคาเดียวกัน
ขอแค่ได้ของที่้าก็พอแล้ว
“นายหญิง แม่นางหลิน ชั่งกองที่อยู่ในห้องเก็บของเรียบร้อยแล้วขอรับ” หลี่อี้กับย่าหลี่กลับออกมาหลังจากชั่งเสร็จแล้ว
หลี่ฮูหยินพยักหน้าแล้วกล่าว “ที่ตากแห้งแล้วมีเท่าไร?”
“หญ้าเชอเฉียนสี่สิบแปดจินสามเหลี่ยง [1] พั๊วกิไน้สี่สิบสองจินห้าเหลี่ยง อวี๋ซิงเฉ่าสามสิบจินแปดเหลี่ยง” หลี่อี้กล่าวด้วยน้ำเสียงฟังชัด
หลี่ฮูหยินกับหลินฟู่อินต่างก็พยักหน้า
“ถ้าอย่างนั้นก็ไปชั่งพวกที่อยู่ข้างนอกด้วย” หลี่ฮูหยินกล่าว
—----------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] เหลี่ยง หมายถึง หน่วยวัดน้ำหนักของจีน โดย 1 เหลี่ยง เท่ากับ 50 กรัม
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้