หลินฟู่อินไม่มีท่าทีหวาดกลัวสักนิด นางยิ้มบาง “ท่านปู่ เป็ฟู่อินผิดเอง อย่าได้โกรธเลยนะเ้าคะ แต่หากฟู่อินยังคิดได้ มีหรือผู้อื่นจะคิดไม่ได้ หากมีข่าวลือเช่นนี้กระจายออกไปไม่ใช่เื่ดี ดังนั้นให้พี่ต้าหลางกับท่านป้าหยวนเลี่ยงไปจะดีกว่า”
ชื่อเสียงบัณฑิตจะมีจุดด่างพร้อยไม่ได้ ไม่เช่นนั้นปู่หลินย่อมไม่เกลี้ยกล่อมให้หลินต้าหลางช่วยตามหาหลินสามบิดาของหลินฟู่อินเพื่อให้มีชื่อเสียงในด้านดีเป็แน่
“อย่าพูดเช่นนี้อีก” ปู่หลินหวาดกลัวแทบขาดใจ สายตายามมองหลินฟู่อินพลันเปลี่ยนไป
เด็กคนนี้ตั้งใจใช่หรือไม่?
จบเื่วันนี้ไป เขาไม่มีทางกล้าให้หลินต้าหลางกับหยวนซื่อสองแม่ลูกมาเหยียบประตูบ้านเด็กคนนี้อีกแน่
อย่างไรก็ต้องเลี่ยงข้อครหาให้ได้! หาไม่ต่อให้หลินต้าหลางสอบถงเซิงผ่าน เมื่อข่าวลือไม่ดีแพร่ออกไป ผู้คุมสอบรู้เข้าจะเป็อย่างไรได้อีก?
หากผู้คุมสอบไม่รู้ก็นับว่าโชคดี แต่หากมีบัณฑิตคนอื่นที่อิจฉาต้าหลางรู้เื่นี้เข้า ข่าวลือเช่นนี้ย่อมนำไปใช้การได้
“ต้าหลาง กลับบ้าน!” ปู่หลินแน่นอนว่าอยากอยู่กับหลานชายคนโตให้มากหน่อย จึงตัดสินใจดึงตัวต้าหลางตั้งท่าจะจากไป
“ไอหยา ท่านลุงหลิน…” หยวนซื่อคิดจะเข้ามาห้าม แต่หลับโดนปู่หลินใช้มือหนึ่งดันออกแล้วจากไป
ชายชราเลิกคิ้วจ้องหยวนซื่อ “สะใภ้ใหญ่ เลิกทำตัวร้ายกาจได้แล้ว เื่นี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของต้าหลาง เ้ายังอยากเป็มารดาซิ่วไฉอยู่หรือไม่?”
ความโกรธของหยวนซื่อปะทุขึ้นมา นางเป็ภรรยาซิ่วไฉมาทั้งชีวิต คิดว่าสามีสอบผ่านระดับต่อไปได้ นางจะได้เป็ภรรยาขุนนาง แต่แล้วความจริงเล่าเป็อย่างไร?
บุรุษไร้ประโยชน์ผู้นั้น หากไม่ได้หลินต้าหลางมาสืบทอดวงศ์ตระกูล ได้บ้านเดิมของหลินต้าหลางส่งเงินมาช่วยเป็ระยะ เกรงว่าแม้แต่ข้าวก็คงจะไม่มีกิน
ดังนั้นแม้หลินต้าหลางจะสอบซิ่วไฉได้สำเร็จก็ไม่ได้มีความหมายต่อนางแต่อย่างใด
เว้นเสียแต่เขาจะได้ดิบได้ดีสอบได้อันดับหนึ่ง ไต่เต้าจนได้เป็ขุนนาง เช่นนี้จึงนับว่าใช้การได้
ดังนั้นก่อนหลินต้าหลางจะสอบจิ้นซื่อ [1] ผ่านได้เป็ขุนนาง สิ่งที่หยวนซื่อกังวลก็คือการได้มีชีวิตดีๆ แน่นอนว่าหมายถึงการได้อยู่อย่างสุขสบาย มีอาหารกิน มีเสื้อผ้าสวมใส่!
“ข้าทำอะไรไป? ข้าคิดถึงต้าหลางแต่กลับขัดขวางคนสกุลหลินใช่หรือไม่? ก็ได้ ต้าหลางข้ามอบให้เ้า ข้าไม่เอาแล้ว!” หยวนซื่อนั่งลงกับพื้น ตบตักตัวเอง พร่ำบ่นถึงความลำบากตลอดหลายปีมานี้พร้อมน้ำหูน้ำตา
ชาวบ้านที่มองอยู่ยังรู้สึกอายแทน ปู่หลินตอนนี้หน้ากลายเป็สีน้ำเงินเข้มแล้ว
หยวนซื่อบอกว่าไม่้าหลินต้าหลาง เป็การใส่ความว่าหลินต้าหลางสนใจแต่พ่อแม่แท้ๆ ไม่สนใจพ่อแม่บุญธรรม นับว่าอกตัญญู ถือเป็อาชญากรรมร้ายแรงอย่างยิ่ง!
กระทั่งจ้าวซื่อที่ว่าหัวทึบยังนิ่งอึ้ง ไม่รู้ว่าเื่กลายเป็เช่นนี้ไปได้อย่างไร…
นางพูดปลอบหลายคำ โดนสายตาปู่หลินกดดันหนักๆ เข้าจึงได้ก้าวออกไปตั้งใจโน้มน้าวหยวนซื่อ ทว่าสุดท้ายกลับโดนมือใหญ่ของอีกฝ่ายผลักจนแทบชนประตู
หลินฟู่อินมองหยวนซื่อแล้วยิ้มเย็น “ท่านป้าหยวน ท่านจะ้าพี่ต้าหลางหรือไม่ก็เป็เื่ระหว่างท่านกับบ้านท่านลุงใหญ่ หากอยากสร้างปัญหาก็พาหลี่เจิ้งกับผู้าุโในหมู่บ้านไปคุยกันที่บ้านใหญ่ จะมาขวางประตูบ้านข้าไปเพื่ออะไร?”
หยวนซื่อได้ยินหลินฟู่อินไล่นางออกไปจริงๆ ก็ผุดลุกขึ้นชี้หน้าหลินฟู่อินจนแทบจะทิ่มตา
“พวกเ้าสกุลหลินร่วมมือกันรังแกข้า พวกสมควรตาย…” หยวนซื่อสบถด่าหยาบคายออกมาหลายคำ
หลินฟู่อินไม่ใส่ใจ นางหันไปมองปู่หลินแล้วกล่าวว่า “ท่านปู่ เห็นแก่พี่ต้าหลาง ท่านป้าหยวนด่าพวกท่านถึงเพียงนี้ช่างไม่น่าพิสมัยเอาเสียเลย เหตุใดไม่ขอให้พี่ต้าหลางกลับมาล่ะเ้าคะ? ยังไงเื่ที่ควรเรียนพี่ต้าหลางก็เรียนมาแล้ว ท่านเองก็เคยให้เงินท่านป้าหยวนไปมากมาย ก็ถือเสียว่าเป็ค่าศึกษาเล่าเรียน ค่าอาหารการกิน ค่าที่อยู่อาศัยก็แล้วกัน”
ชาวบ้านที่นี่ต่างก็เคยได้ยินข่าวลือมาบ้าง พอได้เห็นหยวนซื่อออกอาการเช่นนี้ก็คิดว่าหลินฟู่อินพูดมีเหตุผล
หยวนซื่อเห็นว่าไม่มีใครเข้าข้างตนก็เริ่มแตกตื่นขึ้นมา
แน่นอนว่าซิ่วไฉชราไม่ทราบเื่นี้ หากเขาทราบว่านางพูดอะไรออกไป ทราบว่านางเป็คนพูดว่าไม่้าหลินต้าหลางแล้ว เช่นนี้นางก็ไม่รู้จะตามเก็บกวาดอย่างไร
ยิ่งไปกว่านั้นนางก็ไม่ได้ไม่้าหลินต้าหลางจริงๆ เสียหน่อย อย่างน้อยในตอนที่หลินต้าหลางอยู่บ้านนาง เงินทองที่บ้านหลินส่งให้ก็ไม่น้อย…
ดวงตาหยวนซื่อหรี่ลงกลิ้งกลอกไปมา นางกำลังคิดหาวิธี!
ปู่หลินไม่ว่าอย่างไรก็เป็มนุษย์ เห็นสายตาอีกฝ่ายก็ทราบแล้วว่ากำลังคิดอะไรอยู่
ชายชรามองใบหน้าขาวซีดของหลานชายก็สูดลมหายใจเข้า หากไม่เพื่ออนาคตของหลานรักคนนี้ เขาก็อยากจะทิ้งหยวนซื่อไว้ที่นี่เสียเหลือเกิน
แต่ตอนนี้ยังต้องอดทนพูดกับอีกฝ่าย
“สะใภ้ใหญ่ เ้าเองก็เป็สะใภ้ใหญ่สกุลหลินเช่นกัน ความในไม่ควรนำออก กลับบ้านไปคุยกันดีๆ เถอะ”
ปู่หลินส่งสัญญาณทางสายตาให้อู๋ซื่อและจ้าวซื่อ ครั้งนี้ทั้งสองคนเห็นก็พร้อมใจกันเข้าไปดึงแขนหยวนซื่อคนละข้างให้ลุกขึ้นเตรียมจากไป
“ฟู่อิน เื่สุขภาพของพี่เ้า เ้าเองก็ดูแลให้ดี” ปู่หลินหันมามองหลินฟู่อินอีกครั้งด้วยสายตาอันตราย
หลินฟู่อินพยักหน้า “ร่างกายพี่ต้าหลางมีค่ายิ่งกว่าทอง ให้ข้าดูแลคงไม่ดีพอ เข้าเมืองหาท่านหมอหลี่ให้ช่วยออกเทียบยาให้น่าจะดีกว่านะเ้าคะ”
พอคิดถึงการกระทำของคนบ้านเดิมแล้ว หลินฟู่อินก็ไม่คิดอยากจะช่วยดูแลสุขภาพหลินต้าหลางสักนิด
นางให้เหตุผลเช่นนี้ ปู่หลินเองก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่จ้าวซื่อที่กำลังลากหยวนซื่ออยู่กลับสะดุ้ง หันไปถามหลินฟู่อิน “แล้วเงินค่ารักษาของท่านหมอหลี่กับค่ายาเล่า?”
หลินฟู่อินยกยิ้ม “ท่านป้า พี่ต้าหลางมีพ่อแม่ตั้งสองคน ถ้าอยากบำรุงร่างกายจริงๆ คงไม่ต้องใช้เงินจากข้าที่เป็พี่น้องคนละบ้านกระมัง? พูดเช่นนี้ผู้อื่นจะขบขันเอาได้นะเ้าคะ”
สายตาของปู่หลินครึ้มลงอีกครั้ง หลินต้าหลางเองก็มองหลินฟู่อินคล้าย้าเชือดเฉือนใครสักคน
“ฟู่อิน ก่อนหน้านี้เ้าบอกเองว่าจะช่วยบำรุงร่างกายต้าหลาง ช่วยหายาให้!” อู๋ซื่อทนไม่ไหว ะโออกมาจ้องหน้าหลินฟู่อินเขม็ง “อะไร? ตอนนี้เ้าจะกลับคำหรือ?”
หลินฟู่อินได้แต่ส่ายหน้าอย่างอับจน “ข้าไม่คิดจะกลับคำเ้าค่ะ ปัญหาไม่ใช่เื่พี่ต้าหลางจะดื่มยาบำรุงร่างกาย แต่หากท่านยอมเชื่อข้า เช่นนั้นก็เขียนหนังสือสัญญามา ให้ท่านลุงหลี่เจิ้งและผู้าุโในหมู่บ้านเป็พยานว่าพี่ต้าหลางดื่มยาของข้าแล้วจะไม่มาสร้างปัญหาให้ข้าอีก”
หลินฟู่อินแสดงท่าทีชัดเจนว่า้าขีดเส้นแบ่ง แน่นอนว่านางไม่มีความปรานี
ปู่หลินยิ้ม ร่างกายสั่นเทาน้อยๆ มองหลินฟู่อินอย่างไม่อยากจะเชื่อ
นี่ใช่เพียงเด็กน้อยคนหนึ่งแน่หรือ? นี่คือลูกสาวที่ฉู่ซื่อเลี้ยงมาอย่างนั้นหรือ?
“ท่านลุงหลิน เื่นี้ฟู่อินไม่ได้ขออะไรมากมาย พวกท่านก็ตกลงไปเสียเป็อย่างไร?” พริบตาเดียวเหลียงซื่อก็เข้าใจว่าหลินฟู่อินกังวลอะไร จึงยิ้มและแนะนำปู่หลินออกมาเช่นนี้
-------------------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] จิ้นซื่อ หมายถึง บัณฑิตขั้นสูง คือผู้ที่สอบผ่านในระดับราชสำนัก หรือระดับราชวังที่จัดขึ้นทุกๆ 3 ปี
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้