เสียงที่พูดว่า ฉีอ๋อง นั้นทำให้ทั้งสามคนบนโต๊ะมีสีหน้าแตกต่างกันไป พากันหันไปมองที่นอกประตูพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย
วันนี้หลงเซี่ยวอวี่สวมใส่ชุดผ้าทอสีดำสนิทปักลวดลายสีเข้ม ยังคงดึงดูดทุกชีวิตให้หลงใหล ยังคงหยิ่งทระนงเ็า สรรพางค์กายแผ่กลิ่นอายเด็ดเดี่ยวอันน่าเกรงขาม
มู่จื่อหลิงตกตะลึงเล็กน้อย หลงเซี่ยวอวี่มาทำไม รู้ว่านางอยู่ที่นี่ก็เลยมาหรือ ไม่ต้องโทษนางที่คิดอย่างหลงตัวเอง ดูเหมือนนางจะนึกออกเพียงแค่เหตุผลนี้แล้ว
นางไม่ปัญญาอ่อนถึงขั้นคิดว่าฉีอ๋องผู้ทรงเกียรติเลือกมาเวลากินข้าวเพื่อขอรับอาหาร หรือมาเพื่อถวายพระพรฮองเฮาแน่ นี่มิใช่เื่ที่หลงเซี่ยวอวี่จะทำเลยแม้แต่น้อย
ไม่ว่าหลงเซี่ยวอวี่จะมาเพราะนางหรือไม่ ขอเพียงมีเขาอยู่ ต่อให้ต้องเผชิญลมแรงคลื่นโหม ใจนางก็คลายกังวลลงได้อย่างไม่ทราบสาเหตุ
ต่อให้ยามนี้นางมีวิธีรับมือ แต่เพียงแค่หลงเซี่ยวอวี่มา ก็ยังคงทำให้นางรู้สึกเหมือนยกูเาออกจากอก
“ที่แท้ก็เป็น้องสาม วันนี้ลมอันใดหอบมาถึงนี่เสียเล่า” หลงเซี่ยวหลีเป็ฝ่ายยืนขึ้นเอ่ยปากขึ้นมาก่อน
หลงเซี่ยวหลีแปลกใจนักที่หลงเซี่ยวอวี่มา หากเขาจำไม่ผิดล่ะก็ นี่เป็ครั้งแรกที่หลงเซี่ยวอวี่เหยียบเข้ามาที่ตำหนักคุนหนิงกระมัง เหตุใดวันนี้จู่ๆ ก็มาเยี่ยมเยือน
แวบแรกที่เขานึกถึงคือ หรือว่าเป็เพราะ... เหลือบมองมู่จื่อหลิงที่นั่งตกตะลึงอยู่ตรงนั้น แล้วก็ต้องสะบัดศีรษะ ไม่มีทางเป็ไปได้
หลงเซี่ยวอวี่ไม่สนใจนาง
หลงเซี่ยวหลีนั้นดูเหมือนจะเคยชินกับการเมินเฉยของหลงเซี่ยวอวี่แล้ว จึงมิได้แผลงฤทธิ์ นั่งลงกินข้าวต่ออย่างอารมณ์ดี
เขาผลักอาหารที่มู่จื่อหลิงเพิ่งดันออกกลับไปไว้ด้านหน้านาง คีบอาหารให้นางอย่างสนิทสนมนัก ทั้งยังจ้องมองนางด้วยแววเสน่หา และดูเหมือนจะแข็งขันคีบอาหารให้นางยิ่งกว่าเดิมเสียอีก
การกระทำนี้ของหลงเซี่ยวหลีคิดจะให้หลงเซี่ยวอวี่รู้ว่า เขาพึงพอใจมู่จื่อหลิง ภายหลังหลงเซี่ยวอวี่จะได้มอบสตรีผู้นี้ให้เขา เขาคิดอย่างปีติยินดี
ฮองเฮาที่อยู่ด้านข้างนั้นส่งสายตาให้เขาอย่างลับๆ ทว่าหลงเซี่ยวหลีกลับไม่เห็นเลย
มู่จื่อหลิงถึงได้สติกลับจากการตกตะลึง เห็นชามอาหารตรงหน้า ก็กรอกตาใส่หลงเซี่ยวหลีอย่างแค้นใจ จากนั้นจึงใช้ผ้าเช็ดหน้าผลักชามอาหารที่กำลังจะเต็มออกไปไกลๆ
ชามนี้เพิ่งถูกหลงเซี่ยวหลีััมา นางไม่อยากแตะต้อง
หากมิใช่เพราะสถานการณ์ไม่ถูกต้อง นางคงอาละวาดราดกับข้าวชามนี้ใส่ศีรษะของหลงเซี่ยวหลีอย่างไม่ลังเลไปแล้ว ไม่สนทั้งนั้นว่าเขาจะมีฐานะใด
แม้หลงเซี่ยวอวี่จะไม่สนใจ แต่อย่างน้อยนางก็เป็ฉีหวางเฟย หลงเซี่ยวหลียังขวัญกล้าเทียมฟ้าคีบอาหารให้นางต่อหน้าฉีอ๋อง เ้าุ์นี่ช่างเป็หมูตายไม่เกรงน้ำร้อนลวก [1] เขากำลังคิดแผนชั่วอันใดอยู่
หลงเซี่ยวหลีผู้นี้อยากจะก่อดิน [2] บนศีรษะนางครั้งแล้วครั้งเล่าก็อย่ามาถือโทษนางเลย ของเหลวหยดหนึ่งไหลจากแขนเสื้อหยดลงบนผ้าเช็ดหน้า
ครานี้นางจะไม่ให้หลงเซี่ยวหลีงดกามารมณ์อีก นางสนมเขาไม่มีแล้ว หาก้าฉุดคร่าหญิงชาวบ้านก็คงมิได้มีให้เขาฉุดมากมายนัก เขาอดกลั้นมาหลายวันถึงเพียงนี้ ถ้า้าปลดปล่อยย่อมต้องไปหอนางโลมที่มีผู้หญิงเยอะที่สุด ครั้งนี้ก็ให้เขาอยู่ในนั้นจนตัดใจออกมาไม่ได้เลยแล้วกัน
“กระหม่อมคารวะเสด็จแม่” หลงเซี่ยวอวี่กล่าวอย่างเฉยเมย ไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ราวกับว่าไม่เห็นการกระทำของหลงเซี่ยวหลีที่คีบอาหารให้มู่จื่อหลิง และไม่เห็นสายตาที่ฮองเฮาส่งให้หลงเซี่ยวหลีเงียบๆ
“เซี่ยวอวี่มาแล้ว พอดีเลย มารับสำรับด้วยกันเสียสิ” ฮองเฮากล่าวอย่างสนิทสนม
เมื่อเทียบกับมู่จื่อหลิงและหลงเซี่ยวหลีแล้ว เห็นได้ชัดว่าสีหน้าฮองเฮาสงบนิ่งกว่านัก ยังคงเป็ท่าทางมารดาผู้เปี่ยมคุณธรรม เสมือนว่ามองไม่เห็นการกระทำของหลงเซี่ยวหลีที่คีบอาหารให้มู่จื่อหลิง
ทว่ายามนี้ผู้ใดเล่าจะมองออกว่าในใจฮองเฮานั้นมีคลื่นซัดกระหน่ำ การกระทำของหลงเซี่ยวหลีหมายความว่าอะไร นางไหนเลยจะไม่รู้ ยามปกติเซี่ยวหลีเฉลียวฉลาดเพียงนั้น เหตุใดยามนี้จึงเหลวไหลได้กัน
นางรู้ว่าการมาในวันนี้ของหลงเซี่ยวอวี่ แปดเก้าส่วนมีสาเหตุมาจากมู่จื่อหลิง หากเป็เช่นนี้จริง คิดจะให้มู่จื่อหลิงดื่มรังนกชามนั้นก็คงเป็ไปไม่ได้แล้ว
ทว่าหลังจากที่หลงเซี่ยวอวี่เข้ามา เขาก็ไม่ได้ชายตาแลมู่จื่อหลิงเลย เหมือนว่ามู่จื่อหลิงมิใช่ฉีหวางเฟย เหมือนมู่จื่อหลิงไม่มีตัวตนเลยแม้แต่น้อย
การกระทำเช่นนี้ทำให้ฮองเฮาเกิดคำถาม และทำให้มู่จื่อหลิงสงสัยว่าหลงเซี่ยวอวี่ไม่ได้มาหานาง
“มิต้องหรอกพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมยังมีธุระต้องทำ” ไม่ว่าฮองเฮาจะพูดไปตามมารยาทหรือไม่ หลงเซี่ยวอวี่ก็ไม่รักษาน้ำใจฮองเฮาแม้แต่น้อย
มีเื่ต้องทำ? ชั่วพริบตามู่จื่อหลิงก็เข้าใจแล้วว่าหลงเซี่ยวอวี่มาหาฮองเฮาเพราะมีธุระ มิใช่มาหานาง ยิ่งเป็ไปไม่ได้ว่าจะมารับสำรับ เป็นางที่คิดมากไป นางเป็เพียงแค่หวางเฟยแต่ในนามเท่านั้น มิใช่ใครที่ไหน หลงเซี่ยวอวี่จะมาเพราะนางได้อย่างไรกัน
ได้ยินคำพูดนี้ก็ถึงตาหลงเซี่ยวหลีหลงตัวเองขึ้นมาบ้าง เขาคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่มีธุระกับเขา คิดว่าหลงเซี่ยวอวี่เห็นภาพเมื่อครู่นี้ เข้าใจความนัยของเขา ้ายกมู่จื่อหลิงให้เขาแล้ว จึงวางตะเกียบในมือลง พูดกลั้วหัวเราะ “น้องสาม พวกเราออกไปคุยกันข้างนอก”
หลงเซี่ยวอวี่รังเกียจสตรีจริงเสียด้วย ครานี้เขาจะช่วยหลงเซี่ยวอวี่ด้วยความหวังดีสักหน ตนเองไม่เพียงมิขาดทุน ทั้งยังได้รับคนงามอ้อนแอ้นอรชรเช่นนี้หนึ่งคน
“กระหม่อมทูลลา” หลงเซี่ยวอวี่เอ่ยปากอย่างเรียบง่าย
พูดจบก็ไม่รีรอให้ฮองเฮาเอ่ยปากหมุนกายออกไป
การกระทำนี้ของหลงเซี่ยวอวี่นั้น แม้แต่ฮองเฮาก็คิดว่าเขามาหาหลงเซี่ยวหลี และแผนของนางก็ยังดำเนินต่อไปได้
นางมองออกว่ามู่จื่อหลิงไม่สงสัยว่ารังนกจะมีปัญหาแม้แต่น้อย อีกทั้งยังชื่นชอบจริงๆ นางยิ่งคิดก็ยิ่งเบิกบานใจ เพียงแค่มู่จื่อหลิงดื่มรังนกถ้วยนั้นลงไปนางก็หมดกังวลแล้ว
สายตามู่จื่อหลิงฉายแววผิดหวังลง ในใจปรากฏความขมขื่นขึ้นสายหนึ่ง นางไม่สนใจว่าหลงเซี่ยวอวี่มิได้มาหานาง
ทว่าไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดนางกลับไม่สบายใจ ไม่สบายใจที่หลงเซี่ยวอวี่เข้ามาก็เมินเฉยตน แม้แต่มองยังไม่มอง เห็นนางเป็อากาศธาตุ หลังจากนั้นก็จากไปเช่นนี้
หลงเซี่ยวหลียิ่งได้ใจขึ้นไปอีก ยืนขึ้นจากที่นั่งอย่างดีใจจนเนื้อเต้น เตรียมจะเดินออกไป ทว่าเพราะเสียงเย็นเสียงหนึ่ง ทำให้ฝีเท้าเขาชะงักลง รอยยิ้มได้ใจบนใบหน้าแข็งค้างอย่างสิ้นเชิง
“มู่จื่อหลิง ยังไม่มาอีก!” หลงเซี่ยวอวี่เพิ่งเดินออกไปไม่กี่ก้าวก็ส่งเสียงเย็นเยียบเข้ามา น้ำเสียงนี้ทำให้ผู้อื่นไร้หนทางที่จะขัดขืน
น้ำเสียงเย็นเยียบนี้ทำเอาอารมณ์ของผู้ที่อยู่บนโต๊ะอาหารทั้งสามคนพลิกคว่ำ
หลงเซี่ยวหลีเข้าใจแล้ว ชั่วพริบตาใบหน้าเขาก็เปลี่ยนเป็มืดครึ้มลง จับจ้องไปยังหลงเซี่ยวอวี่ที่ยามนี้เดินออกไปแล้วอย่างมุ่งร้าย ราวกับอยากแล่เนื้อเขาเป็พันชิ้น รู้สึกว่าเขาเพิ่งจะเอาหน้าร้อนไปแนบก้นเย็น [3] เข้า
หลงเซี่ยวอวี่ไม่สนใจความนัยที่เขาคีบอาหารให้มู่จื่อหลิงแม้แต่น้อย และมิได้มาหาเขาเช่นกัน แต่มารับมู่จื่อหลิงกลับ หลงเซี่ยวอวี่รังเกียจสตรีมิใช่หรือ เหตุใดจึงได้มารับมู่จื่อหลิงกลับไปด้วยตนเอง มันผิดพลาดที่ตรงไหนกัน
ฮองเฮาได้ยินคำพูดของหลงเซี่ยวอวี่ แม้สีหน้าจะยังคงเดิมไม่เปลี่ยนแปลง แต่เมื่อมองเห็นสองมือที่จิกแน่นของนางภายใต้แขนเสื้อ ก็ดูเหมือนว่าอารมณ์มิได้ดีไปกว่าหลงเซี่ยวหลีสักเท่าใด
นางคิดเป็พันเป็หมื่นก็ยังคิดช้าไปก้าวหนึ่ง
หลงเซี่ยวอวี่สนใจมู่จื่อหลิงจริงๆ บางทีนางควรจะเอะใจั้แ่งานเลี้ยงในวังเมื่อวันนั้น
วันนั้นที่หลงเซี่ยวอวี่ปกป้องมู่จื่อหลิง นางคิดว่าเป็เพียงการแสดงละครเท่านั้น เป็นางดูผิดพลาดละเลยไป หลงเซี่ยวอวี่ผู้นี้จะยั่วโทสะฮองเฮาโดยการแสดงละครได้อย่างไร
จากหลงเซี่ยวอวี่ที่มิเคยเหยียบเข้ามาในวังหลังแม้ครึ่งก้าว วันนี้มาถึงตำหนักคุนหนิงของนางเพื่อรับมู่จื่อหลิงกลับไปโดยเฉพาะ เช่นนั้นรังนกที่นางอุตส่าห์เตรียมไว้จะทำอย่างไร
ไม่คิดว่าสุดท้ายแล้วนางจะถูกใบหน้าไร้ความรู้สึกของหลงเซี่ยวอวี่หลอกลวงเข้า นอกจากอวิ๋นจิ่น หลงเซี่ยวอวี่ยังจะสนใจหญิงอื่นได้อีก
น้ำเสียงของหลงเซี่ยวอวี่นั้นทุ้มต่ำและทรงอำนาจ มู่จื่อหลิงย่อมได้ยินอย่างชัดเจน นางบอกไม่ถูกว่ายามนี้รู้สึกเช่นใด นางเพียงคิดว่าหลงเซี่ยวอวี่อย่าเล่นกับใจนางไปเสียทุกครั้งจะได้หรือไม่
นางในตอนนี้รู้แล้วว่าหลงเซี่ยวอวี่มาหานางจริงๆ เมื่อครู่นางมิใช่คิดเข้าข้างตนเองมากจนเกินไป ไม่ว่าหลงเซี่ยวอวี่จะให้นางไปตรวจโรค หรือถอนพิษ ยามนี้นางก็ไม่สนใจแล้ว
หลงเซี่ยวอวี่เรียกให้นางไปก็คือเรียกให้นางไป มิได้ถามความคิดเห็นของฮองเฮาแม้แต่น้อย ไม่เห็นฮองเฮาในสายตาด้วยเช่นกัน อีกทั้งเมื่อครู่เขายังพูดว่ามีเื่ต้องทำ ย่อมหมายความว่ามีธุระกับนาง ฮองเฮาก็รั้งไว้ไม่ได้
ยามนี้อารมณ์นางเปลี่ยนจากหมองเศร้าเป็สดใสแล้วก็เปลี่ยนจากสดใสเป็หมองเศร้า
นางกำลังลังเลรังนกชามนี้ว่าจะทำเช่นไร นางตัดใจไม่ลงจริงๆ ยากนักที่จะได้ของดีขนาดนี้ สามารถใช้ปลอบขวัญคางคกม่วงได้เป็อย่างดีเลยทีเดียว
ต่อให้คางคกม่วงกินได้ไม่เยอะเท่านี้ นางก็สามารถนำหนอนบางส่วนมาเพาะเลี้ยง วันหน้าค่อยให้มันเป็ขนมของคางคกม่วงแล้วกัน
มู่จื่อหลิงมองใบหน้าอ่อนโยนดังเดิมของฮองเฮา ทำหน้าหนาถามว่า “เสด็จแม่ หม่อมฉันสามารถนำรังนกชามนี้กลับไปค่อยๆ ดื่มได้หรือไม่เพคะ? รังนกชามนี้ช่างหอมนัก กระตุ้นความอยากอาหารของหม่อมฉันอย่างยิ่ง”
ขันทีนางกำนัลที่อยู่ด้านข้างกลับไม่เข้าใจ ก็แค่รังนกชามหนึ่งเท่านั้น จวนฉีอ๋องที่ยิ่งใหญ่จะไม่มีได้อย่างไร เหตุใดหวางเฟยจึงต้องมาขอกับฮองเฮาเล่า
หลงเซี่ยวหลีได้ยินคำพูดมู่จื่อหลิง ก็เก็บสายตามุ่งร้ายนั่นกลับมา เขาเองก็ไม่เข้าใจ รังนกชามนี้หอมนักหรือ?
หากเป็ยามปกติเขาย่อมรู้ว่าฮองเฮาตั้งใจเชิญผู้อื่นมากินข้าวล้วนมีจุดประสงค์ แต่ยามนี้ถูกหลงเซี่ยวอวี่ปลุกจากฝัน เขาจึงไม่มีใจมาสงสัยว่ารังนกชามนั้นจะมีปัญหาหรือไม่
มู่จื่อหลิงเข้าใจ ยามนี้ฮองเฮารู้จุดประสงค์การมาของหลงเซี่ยวอวี่ ในใจย่อมโมโหจนเจ็บใจเป็แน่ ตอนนี้นางจึงไม่ลืมเอ่ยขอรังนกที่ฮองเฮาตั้งใจเตรียมเป็พิเศษอย่างสนิทสนม
นางรู้ว่าฮองเฮานั้นกระหายให้นางดื่มรังนกชามนี้ลงไป แต่จะให้นางนำกลับไปหรือไม่ นางก็ไม่แน่ใจนัก
นางคิดว่าฮองเฮาย่อมรู้ว่ารังนกยังร้อนกรุ่นเพียงนี้ ดื่มทันทีมิได้แน่ จะให้ค่อยๆ ดื่มนั้นยิ่งเป็ไปไม่ได้ หลงเซี่ยวอวี่ยังรออยู่
ั้แ่ต้นจนจบนางมิได้แสดงท่าทีว่าไม่อยากดื่มรังนกถ้วยนี้เลยแม้แต่น้อย ล้วนยิ้มแย้มมาตลอด ฮองเฮาน่าจะตอบตกลงอยู่กระมัง!
เป็ดังคาดเมื่อฮองเฮาได้ยินวาจานี้ ก็ยิ้มแย้มอย่างจริงใจกล่าว “ในเมื่อหลิงเอ๋อร์ชอบก็นำกลับไปด้วยเถิด”
แม้ฮองเฮาจะสงสัยว่ามู่จื่อหลิงชอบจริงๆ หรือไม่ แต่ยามนี้ในเมื่อมู่จื่อหลิงเป็ฝ่ายเอ่ยปาก ก็แสดงว่ามีความหวัง ไม่ถึงกับสิ้นเปลืองไปเปล่าๆ
หนอนกู่ในรังนกชามนี้มีเพียงผู้มีประสบการณ์สูงส่งในการเลี้ยงหนอนกู่เท่านั้นที่ดูออก ผู้ใดก็ดูไม่ออก
นางไม่กังวลเลยว่าหลังจากกลับไปมู่จื่อหลิงจะนำรังนกไปทดสอบพิษ หรือจะนำไปกิน และนางก็ไม่คิดว่ามู่จื่อหลิงจะเฉลียวฉลาดถึงขั้นรู้ว่าพิษหนอนกู่นั้นทดสอบไม่ได้
และบังเอิญเป็เพราะความไม่คาดคิดของฮองเฮาในวันนี้ ทำให้อีกไม่นาน นางก็ต้องเสียใจจนหน้าเขียว
“ขอบพระทัยเพคะเสด็จแม่” มู่จื่อหลิงยิ้มอย่างเบิกบานใจ นางชื่นชอบความว่องไวของฮองเฮานัก ฮองเฮามุ่งร้ายแล้วอย่างไร ครั้งนี้นับว่าฮองเฮาตัดชุดแต่งงานให้คางคกม่วงแล้ว นางพอใจอย่างยิ่ง
นางเทรังนกลงในถ้วยเล็ก ตั้งใจลืมผ้าเช็ดหน้าที่ใช้ผลักชามเมื่อครู่นี้ไว้บนโต๊ะ เอ่ยทูลลาฮองเฮา อุ้มถ้วยรังนกเดินออกไปอย่างกระตือรือร้น
การกระทำเมื่อครู่ของมู่จื่อหลิงล้วนอยู่ในสายตาของหลงเซี่ยวหลี เขาย่อมเห็นผ้าเช็ดหน้าที่มู่จื่อหลิงลืมไว้บนโต๊ะ แต่เขาก็มิได้เอ่ยเตือน
เมื่อมู่จื่อหลิงจากไปแล้ว ก็หยิบขึ้นมาสูดดมด้วยสีหน้าพึงพอใจ กลิ่นหอมสดชื่นของเด็กสาว กลิ่นที่มิเคยได้ดอมดมมาก่อนพลันทำให้เขาคลุ้มคลั่งขึ้นมา
------------------------------------
เชิงอรรถ
[1] หมูตายไม่เกรงน้ำร้อนลวก แปลว่า หน้าด้าน ไม่ยำเกรงต่อสิ่งใด
[2] ก่อดิน หมายความว่าทำให้เสื่อมเสีย
[3] หน้าร้อนแนบก้นเย็น ปฏิบัติต่อผู้อื่นอย่างกระตือรือร้นแต่ได้รับความเ็ากลับมา
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้