เห็นปู่หลินไม่ใส่ใจคำพูดของตน หมอหลี่ก็ได้แต่ถอนหายใจอยู่ลึกๆ
คนผู้นี้ความรู้น้อยเกินไป
ช่างเถอะ ในเมื่อผู้อื่นไม่อยากได้ยิน เช่นนั้นเขาจะไม่พูดก็แล้วกัน
แต่ไหนแต่ไรเื่นี้ก็ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับเขา เขาเพียงถูกใจหลินฟู่อินเท่านั้น
พอคิดเช่นนี้หมอหลี่ก็คร้านจะสนใจปู่หลินอีก คิดว่าครั้งหน้าหากคนบ้านหลินมาขอให้เขารักษาโรค จะส่งหลี่อี้มาเป็การดี
ปู่หลินชนแก้วกับหมอหลี่ เมื่อเห็นว่าไม่ใช่แค่หลินซานหลางมาร่วมโต๊ะ กระทั่งหลินฟู่อินกับหลินฟางก็มานั่งด้วย ดวงตาพลันทอประกายโมโหขึ้นมา
เขากระแทกแก้วเหล้าลงกับโต๊ะอย่างรุนแรง กล่าวด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “พวกเ้ารู้มารยาทบ้างหรือไม่? เป็เด็กผู้หญิงสองคนกล้าดีอย่างไรมานั่งกินข้าวร่วมโต๊ะด้วย?”
เมื่อหลินฟู่อินได้ยินเช่นนี้ นางก็สูดลมหายใจเข้า สะกดกลั้นความโกรธเอาไว้
บนใบหน้านางมีรอยยิ้ม ทว่ายิ้มนั้นส่งไปไม่ถึงดวงตา “ท่านปู่ บ้านเรากินข้าวกันเช่นนี้ จะผู้หญิงหรือผู้ชายก็ร่วมโต๊ะเดียวกัน ผู้หญิงไม่ใช่คนหรือยังไง?”
เดิมทีแค่หลินฟู่อินไม่ใส่ใจหลินต้าหลางก็ทำให้ปู่หลินโมโหแทบตายแล้ว ตอนนี้เห็นนางกล้ายอกย้อนจึงได้ชี้นิ้วใส่หน้านางแล้วถาม “ฉู่ซื่อสอนมารยาทเ้ามาเช่นนี้หรือ?”
เห็นอีกฝั่งใช้มารดาผู้ล่วงลับมาตำหนินางเช่นนี้ ดวงตาหลินฟู่อินก็พลันเย็นเยียบลง ราวกับมีน้ำแข็งบางๆ ปกคลุมอยู่ชั้นหนึ่ง
“ผู้เฒ่าหลิน สิ่งที่เด็กคนนี้พูดก็ถูกต้องแล้ว เด็กๆ ในบ้านข้าเองก็ทานอาหารร่วมโต๊ะกันเช่นนี้ เื่นี้ไม่ใช่เื่ใหญ่โตอะไร ท่านชราแล้วไม่ควรโมโหมากนัก” เมื่อเห็นปู่หลินทำเื่เล็กให้เป็เื่ใหญ่ หมอหลี่ก็เข้ามาช่วยควบคุมสถานการณ์ทันที
เขาที่เป็แขกยังไม่รู้สึกว่าหลินฟู่อินหยาบคายอะไร กลับรู้สึกว่านางดีต่อลูกพี่ลูกน้องเป็อย่างยิ่ง
ทว่าปู่หลินกลับไม่ยินยอม มองหมอหลี่ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “ท่านหมอหลี่ เื่นี้เป็กฎในตระกูลเรา เด็กผู้หญิงห้ามนั่งร่วมรับประทานอาหารที่โต๊ะ ยิ่งมีแขกมาเยือนยิ่งไม่ได้ นับเป็การเสียมารยาทอย่างยิ่ง!”
หลินซานหลางกับหลินฟางเห็นปู่หลินคิดกดข่มหลินฟู่อินต่อหน้าหมอหลี่ ทั้งคู่ก็โมโหขึ้นมา แต่เื่นี้เด็กๆ อย่างพวกตนไม่อาจเข้าไปยุ่งได้ จึงหันไปมองย่าหลี่
ย่าหลี่โกรธเสียยิ่งกว่าเด็กทั้งสอง แต่ใบหน้ากลับไม่แสดงอารมณ์แม้แต่น้อย นางเพียงลุกขึ้น รินเหล้าให้หมอหลี่ ไม่ใช่ปู่หลิน
เห็นใบหน้าปู่หลินยิ่งทะมึนขึ้น ย่าหลี่ก็พูด “ว่าก็ว่าเถอะ แต่บ้านนี้คือบ้านของฟู่อิน ฟู่อินเป็เ้าบ้าน ท่านหมอหลี่เป็แขกที่ฟู่อินเชิญมา พี่หลินก็เป็แขกที่ฟู่อินเชิญมาเพื่อรับรองหมอหลี่ ซานหลางกับอาฟางเองต่างก็เป็แขกทั้งสิ้น ทำไมถึงจะร่วมโต๊ะไม่ได้?”
คำถามของย่าหลี่เป็การพูดให้ปู่หลินฟังว่าบ้านนี้เป็ของหลินฟู่อิน จะจัดการเื่ร่วมโต๊ะอย่างไรก็มีแต่หลินฟู่อินที่มีอำนาจตัดสินใจ
ใบหน้าปู่หลินประเดี๋ยวฟ้า ประเดี๋ยวดำด้วยความอับอาย
จากนั้นย่าหลี่จึงรินเหล้าลงแก้วเปล่าของปู่หลินพร้อมรอยยิ้ม “พี่หลินเอ๊ย พวกเราต่างก็แก่กันแล้ว คิดแค่เื่ให้ลูกหลานได้มีชีวิตดีๆ ก็พอ ท่านจะคิดอะไรมากมาย?”
หมอหลี่เองก็ตามน้ำไป “มาๆ ลูกๆ หลานๆ ต่างก็มีชีวิตเป็ของตัวเอง เรามาดื่มกินกันให้สนุกเถอะ”
ปู่หลินได้แต่ดื่มเหล้าลงไปอึกใหญ่ ในใจหงุดหงิดเพียงใดไม่มีใครรู้
พอจิบสุราไปหลายอึก หมอหลี่ก็ยื่นตะเกียบไปคีบไข่ดอกสนขึ้นมาชิ้นหนึ่ง พอเอาเข้าปากแล้วดวงตาก็เป็ประกาย
“แม่นางฟู่อิน ท่านทำไข่นี่ได้ยังไงหรือ? รสชาติดียิ่งนัก มีทั้งรสหวาน รสเปรี้ยว มีความหนึบ และยังอร่อยมาก!”
หมอหลี่ชอบสิ่งนี้มาก
หลินฟู่อินยิ้ม ยื่นตะเกียบออกไปคีบให้อาฟางกับหลินซานหลาง จากนั้นจึงมองหน้าหมอหลี่ “เช่นนั้นขอถามได้หรือไม่เ้าคะ ท่านกับฮูหยินนำไข่ดอกสนที่ข้าฝากคุณชายหลี่ไปปรุงยังไง?”
อันที่จริงตอนนั้นที่หลินฟู่อินฝากไข่ดอกสนผ่านหลี่อี้ไป นางตั้งใจวางแผนเอาไว้ ลองดูว่าบ้านสกุลหลี่จะคิดวิธีนำไข่ดอกสนไปทำอาหารอย่างไรบ้าง
หมอหลี่ยิ้มพลางส่ายหน่้า “พวกเราจะรู้ได้ยังไงว่าไข่ดอกสนกินเช่นนี้ก็ได้ด้วย ทำเพียงปอกเปลือก ล้างแล้วกินเข้าไปอย่างนั้น”
เพราะหมอหลี่เห็นหลินฟู่อินบอกว่าไข่ดอกสนนี้ช่วยขับลมร้อน ทั้งหลี่ฮูหยินก็มีลมร้อนในร่างกายมากจนปวดฟันรุนแรง พอลองกินเข้าไปแล้วก็ชอบมาก
ดังนั้นฮูหยินบ้านเขาจึงกินไปถึงสามฟอง วันต่อมาเห็นอาการปวดฟันดีขึ้นมากก็ดีอกดีใจจนกินเข้าไปอีกสองฟอง หากไม่ใช่หมอหลี่ห้ามเอาไว้ว่าไม่ควรกินของเย็นมากเกินไป นางก็คงจะกินมากกว่านี้อีก
แต่กินเข้าไปถึงห้าฟองอาการปวดฟันก็หายพอดี
หมอหลี่และหลี่อี้รวมไปถึงเด็กๆ ที่บ้านต่างก็พากันลองชิมดู และพบว่าอร่อยมาก ทำให้หมอหลี่ตั้งใจมารักษาคนที่หมู่บ้านหูลู่ จะได้แวะซื้อไข่ดอกสนในขากลับ
วิธีกินแบบปอกเปลือกนี้ก็เป็วิธีหนึ่ง หลินฟู่อินไม่แปลกใจ นางหัวเราะ “กินตรงๆ เช่นนี้ก็ได้เ้าค่ะ แต่หากใช้เป็เครื่องเคียงหรือกินกับข้าวต้มจะยิ่งอร่อยมากขึ้น”
หมอหลี่จดจำคำพูดเอาไว้ เขามองหลินฟู่อินด้วยดวงตาแวววาว แล้วตะล่อมถาม “แม่นางหลิน ยำไข่ดอกสนกับไข่ดอกสนพวกนี้อร่อยยิ่งนัก แม้แต่พ่อครัวของร้านอาหารที่ดีที่สุดในเมืองก็ยังทำให้ออกมามีรสชาติเช่นนี้ไม่ได้ ไข่ดอกสนนี้ทำยังไง พอจะบอกข้าได้หรือไม่?”
สิ่งที่หมอหลี่พูดนี้มีความหมายอยู่คือ ต่อให้นางทำไข่ดอกสนออกมาได้รสชาติดีเพียงใดก็อยู่ได้ภายในบ้านเท่านั้น
อันที่จริงวิธีทำยำไข่ดอกสนนี้ง่ายมาก นางก็แค่ใส่เครื่องปรุงลงไปตามความชอบของตัวเองเท่านั้น
หากเป็พ่อครัวมากประสบการณ์มีวัตถุดิบเป็ไข่ดอกสนสดๆ ย่อมสามารถทำยำไข่ดอกสนออกมาได้ดีกว่านางหลายเท่า
ดังนั้นนางจึงไม่คิดจะปิดบังวิธีทำ
แต่พอปู่หลินได้ยินบทสนทนาระหว่างหมอหลี่กับหลินฟู่อิน ดวงตาก็ฉายประกายขึ้นมา
ตอนนี้เขารู้แล้วว่าบุตรสาวของเ้าลูกสามผู้อกตัญญูคนนั้นมีฝีมืออยู่บ้างจริงๆ ไข่อร่อยๆ นี่เรียกว่าไข่ดอกสน ส่วนอาหารที่กินเข้าไปเรียกยำไข่ดอกสน ล้วนแต่เป็ฝีมือหลานสาวคนนี้คิดขึ้นทั้งสิ้น!
เขาอยู่มาทั้งชีวิตไม่เคยได้ยินว่าไข่ก็นำมาทำเช่นนี้ได้ รสชาติทั้งสดชื่นทั้งอร่อย!
ในเมื่อหลินฟู่อินสามารถทำได้ เขาย่อมสามารถทำได้เช่นกัน นี่ไม่ใช่โอกาสทำเงินหรืออย่างไร?
“แค่กๆ” เมื่อเห็นหลินฟู่อินคิดจะบอกวิธีทำยำให้หมอหลี่ฟัง ปู่หลินก็รีบส่งเสียงไอเป็การห้ามนางทันที
แต่หลินฟู่อินไม่สนใจเขาสักนิด แสร้งทำเป็ไม่รู้ความหมายแล้วพูดออกไปตามตรง “ที่จริงทำง่ายมากเ้าค่ะ แค่ใส่น้ำส้มสายชูข้าวหมักกับเกลือแล้วก็ซีอิ๊วเล็กน้อย ถ้าชอบหวานก็เติมน้ำตาล โรยด้วยต้นหอมซอยกับน้ำมันงาอีกสักหน่อยก็ได้แล้ว”
หมอหลี่ดีใจยิ่งนักเมื่อเห็นหลินฟู่อินไม่คิดปิดบัง ขณะที่ปู่หลินสีหน้ามืดครึ้มแล้ว
“แม่นางหลิน วิธีทำอาหารจานนี้นับเป็ตำรับเฉพาะของท่าน เมื่อท่านใจกว้างบอกข้า ตาแก่ผู้นี้ก็ติดค้างท่านแล้ว!”
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้