ฮวาเหยียนกุมมือหยวนเป่าก่อนจะมองไปที่บุรุษที่จู่ๆ ก็โผล่มาราวกับหล่นลงมาจากฟากฟ้าผู้นี้ เขามีรูปร่างสูงใหญ่ องคาพยพทั้งห้าหล่อเหลาองอาจ แววตาที่เฉียบคมนั้นพาให้ผู้คนรู้สึกถูกกดข่มโดยไม่รู้ตัว ชายหนุ่มมีอายุราวๆ สี่สิบปี บรรยากาศรอบตัวมีความกำยำ อาบไปด้วยรังสีของผู้แข็งแกร่งแห่งยุทธภพ
ทว่าในยามนั้น ร่างกายของเขาสั่นเทิ้ม ร้องไห้โดยไร้เสียง ความรู้สึกภายในแตกสลายพังทลายสิ้น
นี่คือมู่เอ้าเทียน บิดาของมู่อันเหยียน ท่านอ๋องหลู่หนานแห่งต้าโจว
ชายเืร้อนร่างกายกำยำแข็งแกร่ง กระดูกแข็งดั่งเหล็ก ทว่ายามนี้น้ำตาไหลอาบทั่วใบหน้าของเขา
ไม่มีผู้ใดส่งเสียง หลายคนถึงกับเบือนหน้าหนีและเช็ดน้ำตา
หัวใจของฮวาเหยียนรู้สึกทุกข์ทนราวกับถูกเข็มนับพันทิ่มแทง นางสั่นสะท้านไปด้วยความเ็ป อยากจะหันหน้าหนีไปทางอื่นแต่กลับมิอาจหักใจทำได้ลง นางอยากกอดผู้ชายที่อยู่ตรงหน้าและบอกเขาว่าบุตรสาวของท่านหวนคืนกลับมาแล้ว
ไม่...
ไม่ใช่...
บุตรสาวของเขาจะไม่มีวันหวนคืนกลับมา
นางจากไปแล้ว ร่างของนางป่นสลายกลายเป็กระดูกต่อหน้าต่อตานาง ลอยหายไปพร้อมกับสายลม เศษเสี้ยวิญญาของนางยังคงอยู่บนหน้าผาน้ำแข็งตลอดกาล ยามที่ต้องเผชิญหน้ากับความตาย นางยังร้องเรียกขาน ท่านพ่อ ท่านพ่อ ข้าขอโทษ... บุตรสาวคนนี้มิอาจแสดงความกตัญญูต่อท่านได้อีกแล้ว... ความเมตตาของท่านในการเลี้ยงดูและให้วิชาความรู้นั้น คงต้องตอบแทนในโลกหน้าเท่านั้นแล้ว...
หากท่านรู้ว่าบุตรสาวของท่านได้ตายจากท่านไปแล้ว ท่านยังจะรับไหวหรือไม่?
ฮวาเหยียนใช้มือกุมหน้าอก น้ำตาไหลอาบแก้ม เพื่อมู่อันเหยียนผู้สูญสิ้นความหวัง เพื่อมู่เอ้าเทียนที่เสียใจจนจิติญญาแหลกทลาย แม้แท้จริงแล้วนางจะเป็เพียงแค่คนภายนอก ทว่าเหตุใดนางถึงได้เ็ปมากมายถึงเพียงนี้ เ็ปเหลือเกิน เ็ปจนหายใจลำบาก
ในยามนั้น ราวกับว่า นางได้กลายเป็มู่อันเหยียนแล้วจริงๆ ...
ผ่านไปนาน ในที่สุดมู่เอ้าเทียนก็ค่อยๆ ดึงตัวเองกลับจากความรู้สึกที่พังทลายได้สำเร็จ เขาเอามือลง ตาสีแดงคู่หนึ่งนั้นเบิกกว้าง ค่อยๆ ก้าวเข้ามาข้างหน้า ตรงเข้ามากุมมือของฮวาเหยียน เขาอยากจะออกแรงทว่าก็กลัวว่าบุตรสาวของเขาจะเจ็บ จึงทำเพียงแค่กุมเอาไว้ จากนั้นก็ใช้มืออีกข้างอุ้มหยวนเป่าขึ้น ก่อนจะเอ่ยว่า "กลับมาก็ดีแล้ว กลับมาก็ดีแล้ว..."
พันคำพูดหมื่นวาจา ถูกมัดรวมเอาไว้ในประโยคนี้ประโยคเดียวเท่านั้น
ราวกับค้อนหนักที่ทุบเข้าที่หัวใจของฮวาเหยียน เดิมทีนางวางแผนที่จะเผชิญหน้ากับปัญหาเพียงลำพัง และนางก็พร้อมที่จะละทิ้งตัวตนของมู่อันเหยียนแห่งตระกูลมู่เช่นเดียวกัน นางไม่ได้คาดหวังว่าใน่เวลาสำคัญนี้ มู่เอ้าเทียนจะมาด้วยตนเอง หลังจากคำนวณเวลาแล้ว น่าจะเป็เวลาที่คนขับรถม้าส่งจดหมายมาถึงจวนพอดี เขาจึงรีบขี่ม้ามาอย่างรวดเร็วโดยไม่มีหยุดพัก
ดวงตาเขาเปี่ยมไปด้วยหมื่นพันอารมณ์ พร้อมคำพูดมากมายนับไม่ถ้วนที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจของเขา ทว่าสุดท้ายแล้วมันก็คือความยินดีที่ได้สิ่งที่สูญเสียไปกลับคืนมา
เขารักบุตรสาวตนเองอย่างลึกซึ้ง
เขามิได้กล่าววาจามากความั้แ่ต้นจนถึงตอนนี้ ทว่าฮวาเหยียนรู้ว่าในใต้หล้านี้ไม่มีบุรุษคนใดที่รักนางไปมากกว่ามู่เอ้าเทียนคนนี้อีกแล้ว
มู่อันเหยียน ไม่ได้ถูกทอดทิ้ง
...
“ท่านอ๋องมู่ ท่านมาทันเวลาพอดี มู่อันเหยียนทำลายเส้นลมปราณของซุนเหวยทำให้เขาาเ็สาหัส ท่านโปรดมอบตัวนางให้ข้า จวิ๋นจู่ผู้นี้จะส่งนางให้ฮ่องเต้ทรงตัดสินโทษเอง”
ในยามนั้นเอง ฉู่หลิวซวงพลันเปิดปากพูด ความโกรธแค้นในดวงตาของนางแทบไม่สามารถปกปิดเอาไว้ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเห็นท่าทางมู่เอ้าเทียนที่เป็เช่นนี้แล้ว ยิ่งทำให้นางทั้งอิจฉาและเกลียดชัง
บุตรสาวของชายคนนี้ไม่ใช่ความภาคภูมิใจของเขาอีกต่อไป นางมั่วโลกีย์ในหอนางโลม หายตัวไปถึงสี่ปีและยังพาเด็กน้อยกลับมาด้วย หน้าตาศักดิ์ศรีของตระกูลถูกนางทำลายจนสิ้นแล้ว ทว่ามู่เอ้าเทียนผู้นี้ดูเหมือนจะไม่สนใจเลยแม้แต่น้อย ทั้งยังยินดีเป็อย่างยิ่งขนาดร่ำไห้พูดอันใดไม่ออก
ฉู่หลิวซวงะเิโทสะ
เมื่อได้ยินคำพูดของฉู่หลิวซวง คิ้วของมู่เอ้าเทียนพลันกระตุก เขาหันไปมองทางฉู่หลิวซวง ใบหน้าเ็าราวกับน้ำแข็ง ก่อนจะได้ยินเขาถามขึ้นว่า “ผู้ใดคือซุนเหวย? ”
“บุตรชายมือขวาเสนาบดีฝ่ายทหาร เขาถูกมู่อันเหยียนจัดการด้วยฝ่ามือเดียว ข้ารู้ว่าเื่ที่มู่อันเหยียนทำร้ายคนเื่นี้ไม่เกี่ยวข้องกับท่าน ดังนั้นเพียงท่านยินดีที่จะส่งตัวมู่อันเหยียนให้ข้า ข้าจะกราบทูลอธิบายเื่นี้ให้กับฮ่องเต้เอง"
ฉู่หลิวซวงเปิดปากกล่าว ท่าทางของนางไม่ค่อยเคารพนับถืออีกฝ่ายเท่าไหร่นัก ทว่ามีผู้ใดที่ฟังไม่ออกบ้าง นางนำเื่ของซุนเหวยมาบีบบังคับให้มู่เอ้าเทียนมอบตัวฮวาเหยียนให้กับนาง
มู่เอ้าเทียนเหลือบมองชายที่สลบอยู่บนพื้น ใบหน้าเ็าไร้อารมณ์ ในวินาทีต่อมาพลันได้ยินมู่เอ้าเทียนพูดอย่างเ็าว่า “บุตรชายมือขวาเสนาบดีฝ่ายทหารคนนี้ กล้าดูิ่บุตรสาวของข้า ถึงตายก็ยังสาสมกับความผิดที่เขาได้กระทำเอาไว้”
“ท่านอ๋องมู่ ท่านกำลังพยายามปิดบังความผิดของบุตรสาวท่านอย่างนั้นหรือ? ”
ฉู่หลิวซวงถามด้วยสีหน้ามืดครึ้ม
วินาทีต่อมาพลันได้ยินมู่เอ้าเทียนพ่นลมหายใจอย่างเ็า “ซุนเหวย บุตรชายมือขวาเสนาบดีฝ่ายทหาร อาศัยอำนาจของบิดาในการบังคับปล้นพลเรือน ข่มขืนหญิงสาวโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ทั้งฆาตกรรมลอบวางเพลิง ปล้นสะดม คนผู้นี้ทำผิดบาปอย่างร้ายแรง แค่ตายก็ยังไม่พอ
เปิ่นหวางยังไม่ได้ลงมือ ธิดาของเปิ่นหวางก็ได้ทำลายเส้นลมปราณของชายผู้นี้แล้ว นี่คือการเดินรอยตามบัญชาแห่ง์เบื้องบน ขจัดอันตรายแก่ราษฎร อีกไม่กี่วันเปิ่นหวางจะเข้าไปในวังเพื่อกราบทูลขอบำเหน็จรางวัลจากองค์ฮ่องเต้เอง"
มู่เอ้าเทียนพูดเพียงสองสามคำก็ทำให้ฉู่หลิวซวงโมโหจนหน้าแดง นางไม่คิดว่ามู่เอ้าเทียนจะรู้ว่าซุนเหวยทำเื่สารเลวเหล่านี้ก่อนที่จะมาเป็ทหารของนาง
หากนาง้าแสวงหาความยุติธรรมให้เสนาบดีฝ่ายทหาร มู่อันเหยียนจะกลายเป็ผู้กำจัดภัยอันตรายของประชาชน
ฉู่หลิวซวงโกรธมาก นางรู้สึกว่าตัวเองถูกตบหน้าสองครั้งกลางที่สาธารณะแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งในสายตาของคนที่อยู่รอบตัวนาง นั่นยิ่งทำให้นางรู้สึกอับอายเข้าไปใหญ่
แต่ถ้าวันนี้นางยอมให้มู่เอ้าเทียนพามู่อันเหยียนไปทั้งๆ เช่นนี้ นางจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด?
ฉู่หลิวซวงหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะก้าวเข้าไปยืนตรงหน้าของมู่เอ้าเทียนด้วยใบหน้าที่มืดครึ้ม นางเปิดปากกล่าวอย่างเ็าว่า "ท่านอ๋องมู่ ทุกแว่นแคว้นย่อมมีกฎหมาย ทุกบ้านเรือนย่อมมีกฎบ้าน ซุนเหวยก่ออาชญากรรม ฮ่องเต้ย่อมทรงจัดการกับเขาด้วยตนเอง แต่มู่อันเหยียนทุบตีผู้คนกลางถนน นางเองก็มีราคาที่ต้องชดใช้เช่นกัน จวิ๋นจู่นี้จะไม่มีวันปล่อยให้นางจากไปทั้งๆ แบบนี้แน่"
"ทหาร"
เพียงคำสั่งเดียว ผู้ใต้บังคับบัญชาหลายสิบรายพลันเข้าล้อมนางอีกครั้ง และคราวนี้ก็เป็การล้อมมู่เอ้าเทียนด้วย
มู่เอ้าเทียนรู้กลอุบายของฉู่หลิวซวงดี ดวงตาของเขากวาดมองไปยังกลุ่มคนที่ล้อมรอบพวกเขาอย่างเ็า ก่อนจะพูดขึ้นว่า "เปิ่นหวางจะกล่าวอีกเพียงแค่ครั้งเดียว ไสหัวไปซะ"
คำที่ว่าไสหัวไปนี้ทำให้ใบหน้าของฉู่หลิวซวงแดงก่ำ
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมองดูท่าทางขี้ขลาดของผู้ใต้บังคับบัญชาหลายสิบคนของนาง นางก็ยิ่งโมโหมากขึ้นไปอีก
มู่เอ้าเทียนคนนี้ไม่ได้มีนางอยู่ในสายตาเลยสักนิด
นางเป็ถึงจวิ๋นจู่ บิดาของนางมีสายเืของราชวงศ์ที่แท้จริง แต่เขาเป็แค่ท่านอ๋องที่ได้รับพระราชทานราชทินนาม เขามีสิทธิ์อันใดถึงได้กำเริบเสิบสานเช่นนี้
“พวกเ้า จับมู่อันเหยียนมาให้ข้า”
ฉู่หลิวซวงเอ่ยสั่งอย่างเฉียบขาด ไม่อ่อนข้อให้แม้แต่น้อย เป็เพราะนางโกรธเข้าแล้วจริงๆ
ใบหน้าของมู่เอ้าเทียนทั้งเ็าและมืดครึ้ม เขาอุ้มหยวนเป่าไว้ในมือเพียงข้างเดียว ส่วนมืออีกข้างปล่อยออกจากมือของฮวาเหยียนชั่วคราว หลังจากที่เขายกมือขึ้น หอกยาวพู่แดงที่ติดอยู่บนพื้นก็ลอยกลับเข้ามือของเขาทันที “จวิ๋นจู่หลิวซวง เปิ่นหวางมองเ้าเป็ผู้อ่อนาุโ จึงไม่เคยคิดเล็กคิดน้อยเอาความกับเ้า หากเ้ายังคงยุ่งวุ่นวายไม่จบไม่สิ้น ทำให้เปิ่นหวางเสียเวลานั่งคุยเื่ราววันวานกับบุตรสาว ก็อย่านึกโทษที่เปิ่นหวางจะไม่เกรงใจเ้าอีกต่อไป”
“ท่านอ๋องมู่ เ้ายังคิดจะฆ่าข้าด้วยหรือ? ”
ฉู่หลิวซวงกล่าวด้วยใบหน้าเ็า พลางเอ่ยปากตอบโต้
มู่เอ้าเทียนโกรธยิ่งนัก ใบหน้าของเขามืดครึ้ม คิ้วเขากระตุก หอกยาวพู่แดงในมือของเขากระแทกลงกับพื้น พลังลมปราณอันทรงพลังพลันะเิออกจากร่างของเขาและกระจายออกไปในทันที สั่นะเืจนทำให้ผู้คนรอบโดยรอบอกสั่นขวัญแขวน เหล่าผู้ใต้บังคับบัญชาของฉู่หลิวซวงซึ่งอยู่ใกล้พวกเขาที่สุดพลันลอยกระเด็น ร่างกระแทกกับพื้น สลบไปในทันที
“มีใครที่อยากจะขัดขวางเปิ่นหวางอีกหรือไม่?”
มู่เอ้าเทียนถามอย่างเ็าพลางจ้องไปที่ฉู่หลิวซวง เขากวาดตาไปรอบทิศ ทุกคนรู้สึกว่าใจของพวกเขาหวาดผวาจนต้องค่อยๆ ก้าวถอยหลัง
พลังปราณที่เล็ดลอดออกมาในขณะนั้น กดข่มจนทำให้พวกเขาแทบหยุดหายใจ นี่คือการกดข่มของผู้แข็งแกร่ง คนเหล่านี้รู้สึกได้ว่าราชสีห์แห่งแคว้นใกล้จะแตะขอบะเิแล้ว
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้