บทที่ 17 ไล่สังหารในป่า
จูฟังชงตายแล้ว ในค่ำคืนที่มืดมิดนี้ก็ไม่ต่างอะไรกับแสงหิ่งห้อยตัวน้อยที่ดับลงและหายไปอย่างไร้ร่องรอย เมื่องูพิษเลื้อยขึ้นทับทั่วร่างของเขา ลั่วถูไม่สนใจดูผลงานของเขาแม้แต่น้อย เขากลับเริ่มเก็บหน้าไม้ชั้นสูงจากกับดัก คนขนศพทุกคนล้วนเหลือทางหนีทีไล่ไว้ให้ตัวเองทางหนึ่งเสมอ ของอย่างดาบในกับดักเ่าั้ เขาคนเดียวใช้ไม่หมดอยู่แล้ว แต่คล้อยหลังจูฟังชงยังมีสหายอีกอยู่อีกถึงสี่คน บทบาทของที่ในที่แห่งนี้พลิกผันเสียแล้ว ตอนนี้เขาต่างหากคือนักล่า ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้าม
ในใจของจูฉงรู้สึกสังหรณ์ที่ไม่ดีเอาเหลือเกิน แต่ก็ทำได้เพียงปลอบใจตัวเอง ลั่วถูเป็แค่คนขนศพที่ไม่ได้สำคัญอะไร คนธรรมดาตัวเล็กจ้อยคนหนึ่งจะไปทำอะไรพวกเขาได้ ทว่าในป่าที่มืดมิดเช่นนี้ ก็ส่งผลกระทบกับพวกเขาไม่น้อย พวกเขาปรับตัวเข้ากับความมืดยามกลางคืนไม่ได้ สำหรับพวกเขาที่อยู่ในป่าทึบแล้วแสงดาวเพียงเล็กน้อยที่ส่องลงมา ไม่ได้ช่วยอะไรมากนัก ดังนั้นพวกเขามีแต่ต้องจุดคบเพลิงนำทาง โดยต้นไม้ที่อุดมไปด้วยน้ำยางคือคบเพลิงจากธรรมชาติชั้นเลิศ ทำให้พวกเขาที่อยู่ในป่าแสนมืดมิดแห่งนี้ ดูราวกับแสงไฟหิ่งห้อยที่ล่องลอยไปมา
“ตรงนี้มีลูกศร...” มีเสียงกระซิบดังขึ้น โจวฟางพบลูกศรดอกหนึ่งปักอยู่บนต้นไม้ มันเป็ของลั่วถูนั่นเอง ไม่นานนักพวกของเขาก็พบเข้ากับอีกดอกอยู่ไม่ไกลกัน โดยดอกนั้นคือลูกศรของจูฟังชง เห็นได้ชัดว่าทั้งสองต่างยิงลูกศรของตนที่นี่ และดูจะพลาดเป้ากันทั้งคู่
“พี่ชงพวกเขาก็ผ่านมาทิศทางนี้ด้วย...” จูฉงเห็นกิ่งไม้ที่แตกหัก ก็เดาทิศทางที่ลั่วถูกับจูฟังชงไปได้แล้ว เขาถอนหายใจเล็กน้อยแต่ในเวลาเดียวกันก็รู้สึกมืดมนไปด้วย นี่ก็แค่คนธรรมดาคนหนึ่ง จะมีกำลังวังชาวิ่งนานขนาดนี้ได้อย่างไรกัน ทั้งที่วิ่งอยู่ในูเามาหลายสิบลี้แล้ว แต่ไม่แม้แต่จะพักหายใจ ถึงเป็พวกเขาก็เริ่มรู้สึกล้าขึ้นมาบ้างแล้ว ทว่าเขายังต้องหาจูฟังชงให้เจอก่อน ถ้าพวกเขากลับไปทั้งแบบนี้ เมื่อกลับถึงสมาคมซานชิง ก็ยังไม่รู้จะถูกจูฟังชงสั่งสอนอย่างไรบ้าง?
“จับเ้านี่ได้เมื่อไรข้าจะทรมานมันสักชั่วยาม...” โจวฟางกล่าวอย่างโเี้ แต่พอได้ยินเสียงหมาป่าหอน เสือคำรามในป่าแห่งนี้เข้า กลับใขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“เกรงว่าตอนนี้พี่ข้าคงเด็ดหัวของเ้าเด็กนั่นไปแล้ว เ้าคิดจะทรมานมัน ป่านนี้คงทำได้แค่ทรมานศพของมันแล้วล่ะ...” จูฉงหัวเราะอย่างดูถูก พออีกสองคนได้ยินก็หัวเราะลั่น ทว่าพวกเขาเพิ่งหัวเราะได้ไม่ทันไร เสียงกลับหยุดลงกะทันหันเสียอย่างนั้น
“ฟุ่บ...” เสียงสายธนูดังขึ้น ทำเอาศีรษะของจูฉงชาวาบ ทันใดนั้นร่างกายกระตุกเฮือก คบไฟในมือของเขาถูกดับลงทันที รอบด้านจมลงสู่ความมืดอีกครั้ง
“โหยวชาง...” เสียงอุทานด้วยความใดังขึ้น จูฉงไม่กล้าจุดคบเพลิง แต่อาศัยเพียงแสงดาวริบหรี่กลับพบว่าโจวฟางกอดร่างร่างหนึ่งหลบอยู่หลังต้นไม้ เขารู้สึกราวมีปรากฏเงามืดบางอย่างเข้าเกาะกุมในใจอย่างไม่อาจหลีกหนี
หลังจากเสียงของหน้าไม้ดังขึ้น ในป่ากลับมาเงียบสงบอีกครั้ง มีเพียงเสียงหมาหอนเสือคำรามอยู่ไกลๆ เช่นเดิม บางครั้งก็มีเสียงนกร้องผสมโรงมาด้วย ราวกับถูกภูตผีหยอกล้อเสียจนในใจมีแต่ความพรั่นพรึงแทรกซึมอยู่ในทุกอณู
ผ่านไปครู่หนึ่ง ในที่สุดจูฉงก็จุดไฟขึ้นอย่างระมัดระวังอีกครั้ง จากนั้นมองไปยังโจวฟางที่อยู่ไม่ไกลซึ่งกำลังหลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นหนึ่ง ทว่าโหยวชางที่อยู่ในอ้อมกอดของเขากลับไร้ลมหายใจเสียแล้ว ลูกศรสั้นดอกหนึ่งปักอยู่บนอกของเขา เืที่ไหลจากมุมปากเป็เืสีดำสนิท
ลูกศรพิษ อีกทั้งลูกศรดอกนั้นยังยิงทะลุหัวใจของโหยวชาง ช่างแม่นยำจนน่าขนลุก...
“เป็ลูกศรของลั่วถู...” ลูกศรแบบนี้พวกเขาเห็นมาตลอดทางหลายสิบดอก ทุกดอกเคลือบไว้ด้วยยาพิษประหลาด ตอนที่อยู่บนถนนซีเสินกู่ เ้าลูกศรดอกนี้เช่นกันที่สังหารพวกพ้องของเขา ทว่าตอนนี้เื่ที่พวกเขากังวลมากที่สุดกลับเป็เื่ที่หากลั่วถูปรากฏตัวขึ้นที่นี่ เช่นนั้นจูฟังชงหายไปไหน? เขาตามลั่วถูจนหลงทาง หรือเขาถูกลั่วถูสังหารไปแล้วกันแน่? การคาดเดานี้ช่างชวนให้ทรมานราวกับมียาพิษแทรกซึมอยู่ในใจของพวกเขา
จูฉงสังเกตรอบด้านอย่างระมัดระวัง ในเงาดำของต้นไม้ใหญ่ที่รกชัฏดูราวกับเป็ชุมนุมปีศาจนับหมื่นนับพัน หากพวกเขาไม่ระวังตัว ก็มีสิทธิ์ได้ที่ทิ้งชีวิตไว้ที่นี่เช่นกัน...
“พี่ฉง พวกเราจะทำอย่างไรดี?” โจวฟางสูดลมหายใจเข้าลึก เงามืดเมื่อครู่ทำให้เขาคิดไปมากมาย ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรนัก เขามาเพื่อสังหารลั่วถู เช่นนั้นการที่ถูกลั่วถูสังหารเสียบ้างก็นับว่าสมเหตุสมผลไม่หยอก ตอนนี้เื่ที่พวกเขาควรทำคือเอาชีวิตรอดให้ได้ จากนั้นค่อยไล่ล่ามือสังหารที่ฆ่าพี่น้องของเขาทั้งสอง
“ทุกคนระวังตัวด้วย ถ้าสังหารเ้าเด็กนี่ไม่ได้ พวกเราจะมีหน้ากลับไปสมาคมได้อย่างไร... ” จูฉงกัดฟันพูดอย่างดุดัน
“ข้าต้องถลกหนังถอนเอ็นเ้าเด็กนั่นให้ได้...” โจวฟางประกาศก้อง
“วางโหยวชางลงเสีย เขาตายแล้ว!” จูฉงสูดลมหายใจเข้า ในเวลานี้ พวกเขาไม่คิดจะแบกศพตะลอนไปในป่าแห่งนี้แน่รังแต่จะทำให้การเคลื่อนไหวของพวกเขายากลำบากยิ่งขึ้นเท่านั้น ทว่าตอนนี้พวกเขาจะเป็ต้องจุดคบเพลิงแล้ว ไม่เช่นนั้นพวกเขาก็ยากที่จะหาทางเดินทางต่อในป่าแห่งนี้ได้ ซ้ำยังไม่รู้ว่าลั่วถูหนีไปทางไหนอีกต่างหาก ในป่าใหญ่หลายร้อยลี้ ท่ามกลางสัตว์อสูรนับไม่ถ้วน ในผืนป่ารกทึบกว่าร้อยลี้ การตามหาคนยามวิกาลก็ไม่ต่างกับงมเข็มในมหาสมุทร โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายตรงข้ามซ่อนตัวอยู่ในความมืดเช่นนี้
ทว่าจูฉงรู้ว่าลั่วถูที่สังหารโหยวชางไปแล้ว ย่อมอยู่ไม่ห่างกับพวกเขาเท่าไรนัก หากนักล่าคิดสังหารเหยื่อ ย่อมไม่อยู่ห่างไกลจากเหยื่ออยู่แล้ว และตอนนี้ลั่วถูก็คือนักล่าที่ว่า หรือต้องพูดว่าลั่วถูเตรียมพร้อมสังหารพวกเขาทั้งสามคนเรียบร้อยแล้วก็ว่าได้ ไม่เช่นนั้นถ้าพวกเขากลับไปถึงเมืองม่อหลานได้ มีแต่จะทำให้ลั่วถูต้องพบกับการแก้แค้นที่บ้าคลั่งของสมาคมซานชิง นั่นคือมีแต่ตายสถานเดียว แต่ถ้าลั่วถูสังหารจูฟังชงไปแล้วจริง เขายิ่งต้องฆ่าปิดปากคนที่เหลือ ในเมื่อเป็เช่นนี้ เพียงแค่เขาจุดคบเพลิงขึ้น ลั่วถูต้องสบโอกาสลงมือแน่นอน...
ลั่วถูยังคงมองหาโอกาสอยู่ จูฉงเองก็้าโอกาสเช่นกัน ในเมื่อการหาตัวฝ่ายตรงข้ามเป็เื่ที่เป็ไปไม่ได้ เช่นนั้นวิธีที่ดีที่สุดคือให้ฝ่ายตรงข้ามออกมาหาตนแทน เมื่อถึงเวลานั้น ก็มาดูกันว่าใครคือนักล่าตัวจริง
พวกจูฉงทั้งสามเกาะกลุ่มกันถอยออกไปให้ห่างจากทางเดิมช้าๆ เขาล้มเลิกความคิดเื่ตามหาจูฟังชงแล้ว ถ้าจูฟังชงยังมีชีวิตอยู่ เขาย่อมกลับมาเองได้อยู่แล้ว ด้วยระดับของจูฟังชง ป่าแห่งนี้หยุดเขาไว้ไม่ได้แน่ ถึงอย่างไรเสียก็อยู่ห่างจากถนนซีเสินกู่ก็เพียงไม่กี่สิบลี้เท่านั้น ยังไม่นับว่าเข้าไปในป่าลึกเท่าไร สัตว์อสูรดุร้ายโดยปกติแล้วจะอยู่ในป่าลึก
แต่ถ้าจูฟังชงตายไปแล้ว ก็หมายความว่าลั่วถูมีฝีมือพอจะสังหารศิษย์าขั้นสองได้ หรืออย่างน้อยก็มีความสามารถเช่นนั้นในป่ายามวิกาล ถ้าเื่นี้เป็ความจริง ต่อให้พวกเขาสามคนเข้าป่าค้นหาให้ลึกกว่านี้ ผลลัพธ์มีแต่แย่จะลง ตอนนี้พวกเขากำลังถอนตัวออกจากป่า หากไม่อยากให้เื่ที่สังหารพี่น้องของกลุ่มซานชิงรั่วไหลออกไป ลั่วถูมีแต่ต้องทำให้พวกเขาสามคนอยู่ที่นี่ จากฝ่ายถูกล่ากลายเป็ฝ่ายไล่ล่าเสียแทน ในสถานการณ์เช่นนี้พวกเขายังคงถือไพ่เหนือกว่าอยู่ดี
แสงไฟจากคบเพลิงภายใต้สายลมยามค่ำคืนวูบไหว ทำให้ทัศนวิสัยค่อนข้างย่ำแย่ ตอนนี้พวกเขาสามคนถือคบเพลิงคนละแท่ง การคิดจะดับคบเพลิงในมือพวกเขาพร้อมกันไม่ใช่เื่ง่าย เขาอยากจะรู้นักว่าลั่วถูยังคิดจะใช้วิธีไหน ทว่าในตอนนี้ในใจของทั้งสามคนกลับเครียดขมึง ในความมืดรู้สึกราวกับถูกสายตาของลั่วถูจับจ้องจากทุกสารทิศ ช่างเป็เด็กหนุ่มที่เ้าเล่ห์เหลือร้าย เดิมทีก็ไม่เคยประมือกับพวกเขาซึ่งๆ หน้าสักครั้ง ได้แต่อาศัยหน้าไม้สุดแกร่งในมือ ถึงอย่างไรฝ่ายตรงข้ามก็เป็เพียงคนธรรมดา ขอแค่มีวิธีสังหารศัตรูได้จะอะไรก็นับว่าดีทั้งนั้น
“ซ่า...” เสียงเบาๆ เสียงหนึ่ง ทำให้ใจที่ตึงเครียดของทั้งสามสั่นไหว เสียงนั้นมาจาก้า จูฉงไม่ได้ลังเลสักนิด เพียงอาศัยััิญญาจับทิศที่มาของเสียง หน้าไม้ในมือถูกยิงออกไปทันที โจวฟางและอีกคนก็ยิงออกไปเช่นกัน
“ฟ่อ ฟ่อ...” เสียงยิงดังขึ้นอย่างแ่เบา และจากนั้นตามด้วยเสียงกิ่งไม้หัก สายตาของทั้งสามคนมองไปต้นเสียง เห็นเป็งูประหลาดที่ลำตัวใหญ่เท่าขาตกมาจากต้นไม้ ลูกศรทั้งสามดอกยิงถูกร่างของงูประหลาดยาวเกือบสองจั้ง งูั์ที่เ็ปดีดตัวจากกลางอากาศพุ่งเข้าจู่โจมทางจูฉง
ลูกศรทั้งสามดอกนี้ต่อให้ยิงถูกร่างกายมนุษย์ ถึงจะไม่โดนจุดสำคัญ อย่างน้อยๆ ก็ต้องทำให้ฝ่ายตรงข้ามาเ็สาหัสได้แน่ แต่สำหรับงูั์ตัวนี้ กลับทำได้เพียงสร้างความเ็ปให้มันเท่านั้น อาการาเ็ทำให้งูั์ยิ่งโมโหขึ้นไปอีก
“บ้าเอ๊ย...” จูฉงสบถออกมาเบาๆ เมื่อครู่ใจของเขาตื่นตระหนกเกินไป ทำให้ยังไม่ทันมองว่าสิ่งที่อยู่เหนือศีรษะคือสิ่งใดก็ลงมือเสียแล้ว แม้สิ่งที่เห็นจะเป็งูั์แต่ก็ทำให้ในใจของเขาผ่อนคลายความตึงเครียดลงเล็กน้อย หน้าไม้ในมือย้ายไปถือไว้ข้างเดียวกับคบเพลิง สะบัดดาบในมือ ฟันลงไปที่หัวของงูั์โดยตรง
“ฉั่วะ...” หัวของงูั์แตกออกในพริบตา ถูกจูฉงหั่นออกเป็สองท่อน ร่างของจูฉงขยับเล็กน้อย หัวที่ใหญ่โตราวกับถ้วยชามก็พุ่งผ่านข้างหูของเขาไป หัวของงูั์ร่วงลงบนพื้นอย่างแรง จากนั้นก็ขดตัวนิ่งอยู่ที่พื้น
โจวฟางพลันผ่อนลมหายใจเล็กน้อย งูหลามหยินเปยมีพิษร้ายแรง อีกทั้งยังสามารถพ่นหมอกพิษได้ คนที่ถูกพิษจะรู้สึกชาทั้งตัว เืหยุดไหลเวียน... ทว่าจูฉงตอบสนองได้รวดเร็วไม่แพ้กัน วินาทีที่งูอ้าปากขึ้นก็ถูกสะบั้นหัวขาดแล้ว ทำให้แม้แต่หมอกพิษก็ยังไม่ทันได้พ่นออกมา
“ระวัง...” ขณะที่จิตใจของโจวฟางผ่อนคลายลง จูฉงกลับะโอย่างร้อนรน คบเพลิงในมือถูกโยนออกไปอย่างฉับพลัน ในเวลาเดียวกันโจวฟางเห็นว่าทิศที่คบเพลิงโยนถูกออกไปมีเงาดำกะพริบไหว พร้อมกับพวกพ้องที่อยู่ข้างกายส่งเสียงครางต่ำในลำคอ ลูกศรดอกหนึ่งยิงถูกร่างของเขาเข้าให้แล้ว
“ไอ้เวรลั่วถู...” โจวฟางคำรามลั่นผืนป่า
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้