บทที่ 47 ความภาคภูมิใจของคนธรรมดา
ในใจของลั่วถูกำลังคิดคำนวณอย่างหนัก ข้อเสนอของเซวี่ยหลิงเอ๋อร์น่าดึงดูดไม่เบา รายชื่อผู้มีสิทธิ์เข้าโลกชั้นสูงชื่อหนึ่ง ต้องมีคน้าไขว่คว้ามาไว้ในมือนับไม่ถ้วน ต้องขายได้ราคางามแน่นอน เพียงแต่เซวี่ยหลิงเอ๋อร์มั่นใจได้อย่างไรว่าเขาจะสามารถเอารายชื่อมาได้? มั่นใจได้หรือว่ารายชื่อนี้คือของที่ทูตจากโลกชั้นสูงผู้นั้นนำมาให้ด้วยตนเอง? กล่าวอีกอย่างคือ ฐานะของตระกูลเซวี่ยไม่ใช่ของที่ตระกูลหม่าจะยกตนเทียบได้ เหตุใดตระกูลเซวี่ยถึงหมั้นหมายกับตระกูลหม่าที่ฐานะไม่คู่ควรเช่นนี้?
แน่นอนว่า เหมือนที่เซวี่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวไว้ ต่อให้นางจะปล่อยเนื้อปล่อยตัวเท่าไร เกรงว่าตระกูลหม่าก็คงล้มเลิกงานแต่งครั้งนี้ไม่ลงอยู่ดี เพราะการแต่งงานระหว่างตระกูลเซวี่ยและตระกูลหม่า นับเป็การเล่นของสูงก็ไม่ผิดนัก และนับได้ว่าเป็ูเาใหญ่เป็ที่พึ่งพาให้แก่ตระกูลหม่าอีกลูกหนึ่ง ดังนั้นต่อให้หม่าทงเทียนจะอยากพูดอะไรก็มีแต่ต้องเก็บไว้ในใจ ต่อให้ก่อนร่วมหอกัน เซวี่ยหลิงเอ๋อร์จะขึ้นเตียงกับชายอื่นจริง หม่าทงเทียนก็ทำได้เพียงกล้ำกลืนฝืนทนเก็บไว้ในใจเท่านั้น! เพราะสถานะระหว่างเขาและเซวี่ยหลิงเอ๋อร์เดิมที่ก็ไม่คู่ควรอยู่แล้ว แถมทางด้านเซวี่ยหลิงเอ๋อร์เองก็ชัดเจนมากว่า้าให้หม่าทงเทียนถอนหมั้น ทว่าหม่าทงเทียนมีหรือจะกล้าทำเช่นนั้น?
“พี่สาวเซวี่ยมั่นใจขนาดนั้นเชียวหรือว่าของทั้งสองสิ่งนี้จะเป็ของข้า? หากถึงเวลาข้าเอามาไม่ได้ แผนการของเ้าจะไม่เสียเปล่าหรือ?”
“เ้าฉลาดขนาดนี้ต้องรู้แน่ว่าอะไรคือการลงทุน ข้าเพียงบอกข่าวบางอย่างกับเ้า ส่วนเ้าจะนำของพวกนั้นมาได้หรือไม่ นั่นเป็ปัญหาของเ้า ต่อให้เอามาไม่ได้ หรือกระทั่งเ้าตายไป ข้าก็ไม่ได้สูญเสียอะไรแม้แต่น้อย ดังนั้นการลงทุนครั้งนี้ข้าไม่ต้องแบกรับความเสี่ยงอะไรเลยไม่ใช่หรือ?” เซวี่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวไปพลางยิ้มไปพลาง
“ข้าทราบแล้วว่าพี่สาวเซวี่ยช่างมีหัวใจยิ่งใหญ่ ความคิดอ่านกว้างไกลดั่งมหาสมุทร... ”
“แน่นอนอยู่แล้ว เ้าเห็นว่าพี่สาวเหมือนคนใจแคบมากนักหรือ?” เซวี่ยหลิงเอ๋อร์กล่าวไปก็ยืดอกไปด้วย มิหนำซ้ำยังเอาแต่โยกตัวจนอกกระเพื่อมไปด้วย
“นี่ พี่สาวเ้าหยุดโยกตัวได้แล้ว ข้าจะโมโหแล้วนะ!”
“คิกคิก...” เซวี่ยหลิงเอ๋อร์อดหัวเราะไม่ได้ ราวกับการได้หยอกล้อความรู้สึกบุรุษทำให้นางตื่นเต้นเป็พิเศษ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับบุรุษที่กล่าววาจาไพเราะเปี่ยมเล่ห์เหลี่ยมเช่นนี้
“ในเมื่อพี่สาวมีความมั่นใจในตัวข้า ข้าก็จะเอาของทั้งสองสิ่งนี้มอบให้ตระกูลเซวี่ยประมูล”
คำกล่าวของลั่วถูทำให้เซวี่ยหลิงเอ๋อร์ใอย่างห้ามไม่อยู่ ใบหน้าปรากฏความตื่นเต้นดีใจ และถามกลับไปอย่างจริงจังว่า “เ้าพูดจริงหรือ?”
“จริงแท้แน่นอน!”
“เพราะเหตุใดกัน? ถ้าหากเ้าเข้าสู่สำนักระดับกลางได้ เ้าย่อมได้รับทรัพยากรที่ดีขึ้น ถึงเวลานั้นจะเปิดิญญาสำเร็จไม่ใช่เื่ที่เป็ไปไม่ได้!”
“เป็ดังที่พี่สาวกล่าวมา เหตุผลก็ง่ายดายนัก เป็เพราะความภาคภูมิใจของคนธรรมดา!” ลั่วถูได้แต่ตอบระคนหัวเราะกลับไป
“เยี่ยมมาก ในเมื่อน้องชายตอบรับได้ว่องไวเช่นนี้ พี่สาวก็ต้องยอมลงทุนเสียหน่อย เส้นทางกลับสู่สำนักจ๋าเสวียครั้งนี้ ข้าจะทำให้หลิ่วฉิงคงกับหม่าทงเทียนไม่อาจลงมือกับเ้าได้ ถึงเ้าอาจไม่กลัว แต่หากลดเื่วุ่นวายลงได้ก็เป็เื่ดีเื่หนึ่งไม่ใช่หรือ? ตอนนี้พี่สาวต้องไปได้แล้ว สาวงามของเ้านางนั้นยังลังเลอยู่หน้าประตูว่าจะเข้ามาหาเ้าดีหรือไม่ พี่สาวไม่รบกวนเื่ของพวกเ้าแล้ว!” กล่าวจบเซวี่ยหลิงเอ๋อร์ก็หมุนตัวเดินไปทางประตูทันที
“ระวังสมาคมซานชิงด้วย พวกมันไม่เพียงลงมือในสนามรบ แต่กระทั่งนอกสนามรบ พวกมันก็มีอิทธิพลมากเช่นกัน!”
เมื่อเซวี่ยหลิงเอ๋อร์เดินออกไปนอกประตูอย่างเปิดเผย หลังประตูก็มีเสียงใดังลอยมาอย่างชัดเจน คะเนจากแล้วคงเป็เจียงิ่ ตามด้วยน้ำเสียงหยอกล้อของเซวี่ยหลิงเอ๋อร์ “ช่างเป็หญิงสาวที่งดงามยิ่งนัก... ”
ลั่วถูอดได้แต่ใ เพราะเจียงิ่รออยู่นอกประตูห้องของเขาจริง และเซวี่ยหลิงเอ๋อร์ก็ได้ยินเสียงนางอยู่ด้านนอกมาสักพักแล้ว ชั่วขณะนั้นเองเขารู้สึกว่าสตรีนางนี้ช่างลึกลับเกินคาดเดาเหลือเกิน
ฝั่งลั่วถูพอได้ยินเสียงร้องใ ตอนนี้กลับกลายเป็อึดอัดไปเสียแล้ว ไม่รู้ว่าเซวี่ยหลิงเอ๋อร์ทำอะไรกับเจียงิ่ ได้แต่รีบตามออกไป ทว่าเขากลับต้องตะลึงไปในทันที เพราะหน้าประตูมีสตรีนางหนึ่งที่สวมกระโปรงยาวสีขาวราวหิมะ เส้นผมยาวดูหนานุ่มราวปุยเมฆ แต่งหน้าเขียนคิ้ว ภายใต้แสงไฟสีเหลืองอ่อน อย่างกับเทพธิดาจำแลงลงมาอย่างไรอย่างนั้น เพียงแต่เวลานี้บนใบหน้างามกลับปรากฏสีแดงระเรื่อคล้ายหมู่เมฆสีชาด เมื่อเห็นลั่วถูยืนอยู่หน้าประตู สตรีนางนั้นก็ส่งเสียง ‘หึ’ ราวกับโมโหอย่างมาก ไม่สนใจเซวี่ยหลิงเอ๋อร์และลั่วถูอีกต่อไป ได้แต่รีบกลับเข้าห้องข้างๆ อย่างไม่พอใจ
“นี่... ” ลั่วถูใจนพูดไม่ออก นี่ก็คือบุรุษอ้อนแอ้นไร้ส่วนเว้าส่วนโค้งผู้นั้นหรือ? ทำไมถึงได้ต่างกันขนาดนี้...
“บ้าไปแล้ว เสื้อของบุรุษไม่เหมาะให้สตรีสวมใส่จริงๆ ทำเอาโฉมงามกลายเป็บุรุษอ้อนแอ้ไปได้ ลูกเป็ดน่าเกลียดไร้เสน่ห์กลายเป็หงส์จอมหยิ่งทะนงไปเสียแล้ว... อ้อจริงด้วย เมื่อครู่นางเป็อะไรไป เหตุใดถึงได้โมโหจนวิ่งกลับไปในห้องเช่นนั้น... ”
“น้องชาย ครั้งนี้เ้ามีเื่เข้าจนได้ คนรักของเ้าหึงเสียแล้ว! แต่ว่าผิวพรรณของนางเรียบเนียนยิ่งนัก พี่สาวลูบแล้วยังใจสั่นได้ มิน่าเล่าเ้าถึงไม่สนใจไยดีพี่สาวแม้แต่น้อย!” เซวี่ยหลิงเอ๋อร์หัวเราะเล็กน้อย จากนั้นไม่สนใจลั่วถูที่กำลังเหม่อลอยอีก สะบัดตัวแล้วเดินจากไป และใน่เวลาที่แสนสับสนนี้ ลั่วถูเห็นว่าในความมืดมีแววตาอาฆาตแค้นหลายคู่จ้องเขาอย่างเอาเป็เอาตาย ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็พวกหม่าทงเทียนแน่นอน
“ว้าย... ” ขณะที่ลั่วถูกำลังจะกลับเข้าห้อง ในห้องของเจียงิ่กลับมีเสียงใดังขึ้น
ลั่วถูใ รีบพุ่งตัวเข้าไปในห้องเจียงิ่ทันที
“ปัง... ” ร่างของลั่วถูพุ่งเข้าไปในห้องของเจียงิ่ ก็ััได้ถึงสายลมซัดเข้าใส่หอบหนึ่ง ด้วยความที่ยังไม่ทันได้หลบไปไหน บางสิ่งบางอย่างก็กระแทกเข้าใส่เขาอย่างแรงจนกระอักเืออกมาคำหนึ่งอย่างห้ามไม่ได้ ในขณะเดียวกัน เขาเห็นเงามืดร่างหนึ่งอุ้มร่างอีกร่างหนึ่งทะยานออกนอกหน้าต่างห้องพักไป เห็นเพียงชายเสื้อสีขาวของร่างนั้น ลั่วถูก็รู้ทันทีว่าคนที่ถูกพาตัวไปคือเจียงิ่
“บัดซบ...” ลั่วถูรู้สึกโกรธขึ้นมาแล้ว คนคนนี้ถึงขนาดลงมือกับเจียงิ่ ถึงเขาจะไม่รู้ว่าฝ่ายตรงข้ามที่แท้แล้วเป็ใคร ทว่าในเผ่ามนุษย์ เจียงิ่น่าจะไม่มีศัตรู เช่นนั้นคงเป็เพราะคนผู้นี้ไม่มีโอกาสลงมือกับตัวเขา ประกอบกับเห็นเจียงิ่อยู่กับเขาตลอดทางย่อมต้องเป็คนใกล้ชิดแน่ ถึงได้เปลี่ยนเป้าหมายไป
“ตูม... ” ในขณะที่ลั่วถูรีบตามไปอย่างโกรธแค้น กลับได้ยินเสียงบางอย่างดังลอยมาจากนอกหน้าต่าง เสียงนั้นเหมือนกับเสียงสิ่งของบางอย่างแตกออก
ลั่วถูรีบพุ่งตัวไปที่ริมหน้าต่าง กลับเห็นเป็เงาสองร่างกำลังโรมรันกันในความมืด เข้าปะทะกันไปมา หนึ่งในนั้นคือเถ้าแก่อ้วน และร่างของเจียงิ่อยู่ห่างไปหลายจั้ง เท่านี้ก็ชัดเจนแล้วว่าขณะที่คนผู้นั้นกำลังหนีออกทางหน้าต่าง ก็ถูกเถ้าแก่ขวางไว้ อย่างไรเสียที่นี่ก็คือโรงเตี๊ยมของเขา อีกทั้งเ้าอ้วนถึงจะดูแล้วอ้วนมาก แต่ก็เป็ศิษย์าขั้นหกของจริง ทว่าสิ่งที่ทำให้ลั่วถูต้องตะลึงคือ คนที่ประมือกับเ้าอ้วนดูอย่างไรก็มีฝีมือไม่ต่างกับเ้าอ้วนเท่าไร ภายใต้การปะทะกันของคมกระบี่ ทำให้เห็นได้ว่าเ้าอ้วนคงไม่อาจเอาชนะได้ในเวลาอันสั้นแน่
“เจียงิ่...” ลั่วถูประคองเจียงิ่ที่นอนอยู่บนพื้น ตรวจลมหายใจที่จมูกอยู่ครู่หนึ่ง พอว่านางยังคงมีลมหายใจ เพียงแค่ถูกตีจนสลบไปเท่านั้น ก็อดถอนหายใจยาวด้วยความโล่งอกไม่ได้
ในเวลานี้ การต่อสู้ของเ้าอ้วนกับอ้วนกับยอดฝีมือที่ปิดบังใบหน้าทำให้คนส่วนใหญ่ในโรงเตี๊ยมตื่นตัว พนักงานหลายคนที่พอมีฝีมือใช้ได้ก็พุ่งตัวเข้าช่วยเป็กำลังเสริมทันที
“ตูม... ” ผู้ปิดบังใบหน้าพุ่งชนเ้าอ้วนอีกครั้ง ดูราวกับตีฆ้องั์ก็ไม่ปาน ชั้นไขมันหนาๆ ของเ้าอ้วนหดตัวทันที จากนั้นดีดออกไป เงาของผู้ปิดบังใบหน้าถูกแรงกระแทกดังกล่าวอัดเสียจนม้วนตัวกลางอากาศและตกลงบนหลังคาในที่สุด
“ฟุ่บ ฟุ่บ... ” ลั่วถูยิงหน้าไม้ออกไปสองครั้งอย่างมั่นใจ คนคนนี้ถึงขนาดกล้าเอาความแค้นกับเขาไปลงที่เจียงิ่ ทำให้เขาโมโหแทบคลั่ง ถึงระหว่างเขาและเจียงิ่จะไม่ได้มีความรู้สึกลึกซึ้งต่อกัน แต่สำหรับเขา เื่ที่ก่อขึ้นมาเองก็ต้องรับผิดชอบเอง หากเป็มือสังหารที่ตระกูลลั่วส่งมาสังหารเขา เช่นนั้นก็เป็เื่ที่ต้องสู้กันจนกว่าจะตายไปข้าง ทว่ากลับเอาความแค้นนี้ไปทำร้ายคนข้างกายของลั่วถู นี่มันไม่ถูกต้องแล้ว
“ฉึก... ” บนหลังคามีเสียงที่ทั้งอู้อี้และแ่เบาดังขึ้น ลูกศรทั้งสองของลั่วถู ดอกหนึ่งยิงพลาด อีกดอกหนึ่งคล้ายจะยิงถูกฝ่ายตรงข้ามเข้าแล้ว หน้าไม้แกร่งในมือเขาเป็หน้าไม้ของกองทัพที่เก็บมาจากหุบเขาครั้งนั้น หน้าไม้เหล่านี้หากมีจำนวนมากพอ ต่อให้เป็ระดับปรมาจารย์ก็ใช่ว่าจะปลอดภัย แม้จะคาดการณ์ว่าฝ่ายตรงข้ามคงเป็ถึงศิษย์าขั้นหก แต่ในความมืดนี้ กลับถูกลอบโจมตีเสียได้
ในความมืดมิด ทัศนวิสัยของลั่วถูไม่ถูกรบกวนแม้แต่น้อย เกรงว่าคนผู้นั้นคงคาดไม่ถึงเช่นกัน ในวินาทีที่ผู้บุกรุกปะทะกับเ้าอ้วน ลั่วถูก็จับจ้องไม่วางตา กระทั่งคำนวณทางหนีของเขาไว้แล้วด้วยซ้ำ ทว่าคนผู้นั้นแข็งแกร่งมากนัก เดิมทีลูกศรทั้งสองดอกไม่มีทางพลาดเป้า อีกทั้งยังต้องเป็จุดสำคัญอีกด้วย แต่คนผู้นั้นกลับหลบได้ดอกหนึ่งอย่างไม่น่าเชื่อ แต่อีกดอกหนึ่งกลับปักเข้าไปที่ไหล่ของเขา ไม่ใช่ที่หัวใจอย่างที่ควรเป็
หลังจากคนผู้นั้นส่งเสียงอู้อี้ได้ครู่หนึ่ง ก็ะโออกไปหลายทีจนลอยออกไปนอกโรงเตี๊ยม ชัดเจนว่าขณะที่เข้าปะทะกับเถ้าแก่ก็ตัดสินใจหนีไป เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะถูกคนธรรมดาลอบยิงหน้าไม้เข้าเช่นนี้
เถ้าแก่อ้วนไม่ได้ตามไป ร่างกายของเขาไม่ได้คล่องแคล่วเท่าฝ่ายตรงข้าม และคนอื่นๆ ก็ไม่มีทางเป็คู่มือให้คนลึกลับผู้นั้นได้เช่นกัน จึงไม่มีใครกล้าตามไป
“ไม่เป็ไรใช่ไหม... ” เ้าอ้วนรีบรุดมาข้างตัวลั่วถูทันที เขาแปลกใจกับเ้าหนุ่มนี่อยู่หลายจุดทีเดียว เมื่อครู่ลูกศรทั้งสองดอกของลั่วถูหนีสายตาของเขาไม่พ้น ฝ่ายตรงข้ามเป็ถึงศิษย์าขั้นหก ทว่ากลับถูกลั่วถูยิงในความมืดได้ ช่างไม่ใช่เื่ง่ายเอาเสียเลย
“ไม่เป็ไร นางแค่สลบไป” ลั่วถูส่ายหน้า ในยังยังคงรู้สึกซาบซึ้ง ถ้าไม่ได้เ้าอ้วนขัดขวางคนผู้นั้นไว้ เกรงว่าวันนี้เจียงิ่คงถูกลักพาตัวไปแล้ว เพียงแต่เขามีบางอย่างที่ไม่เข้าใจนัก หากฝ่ายตรงข้ามเป็ถึงศิษย์าขั้นหก ย่อมไม่ใช่สิ่งที่เขาจะไปต้านได้อยู่แล้ว ถ้าฝ่ายตรงข้ามคิดสังหารเขาจริง แค่ลอบลงมือกับเขา ตัวเขาก็ไม่รอดแล้ว ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับเลือกลงมือกับเจียงิ่ อย่างไร้เหตุผล จุดนี้เองที่ทำให้เขาสงสัยว่าเป้าหมายที่แท้จริงของฝ่ายตรงข้ามอาจไม่ใช่ตัวเขา แต่เป็ตัวเจียงิ่เอง... ทว่าเมื่อคิดดูแล้วก็รู้สึกว่าไม่ค่อยถูกต้องนัก เจียงิ่กับตัวเขาเหมือนกันตรงที่เป็เพียงคนธรรมดาคนหนึ่ง อีกทั้งยังเพิ่งตามเขามายังเมืองเว่ยยาง จะไปมีศัตรูเผ่ามนุษย์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้ได้อย่างไร? หรือบางทีฝ่ายตรงข้ามอาจทำไปเพราะความงามของนางกัน?
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้