บทที่ 64 อาจารย์ปรุงยาหลัวสู้
สำนักซินตัน ขุนเขาหนานตู
“ลั่วอูฐ... ในที่สุดเ้าก็กลับมา... ดีจริงๆ !” ลั่วถูเพิ่งกลับมาถึงขุนเขาหนานตู ก็เห็นเ้าอ้วนคนหนึ่งพุ่งเข้ามาหาด้วยความดีใจ จนดูเหมือนกับลูกแก้วกลมๆ กำลังกลิ้งมาอย่างไรอย่างนั้น พอวิ่งมาถึงตัวลั่วถูก็คว้าเข้าที่มือของเขาข้างหนึ่งทันที ราวกับได้พบกับพระผู้ช่วยชีวิตก็ไม่ปาน พลางเอ่ยเรียกอย่างตื่นเต้นไปด้วย
เมื่อได้เห็นเ้าอ้วนผู้นั้น สีหน้าของลั่วถูดำทะมึนขึ้นมาทันที ได้แต่รู้สึกระอาคนตรงหน้า จากนั้นทำเพียงแค่สะบัดมือเ้าอ้วนที่จับอยู่ออกไปอย่างเฉยชา และกล่าวออกมาอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาวว่า “เฝยเฝย เ้าอ้วนขึ้นอีกแล้ว!”
“ลั่วอูฐ ดีจริงๆ ที่เ้ากลับมา ถ้าเ้าไม่กลับมา ข้าตายแน่... ”
“เ้าไม่รู้หรอก หลายเดือนมานี้พวกเ้าไม่อยู่กันสักคน ยาของอาจารย์ก็มีข้าลองคนเดียว ต่อให้ไม่อยากอ้วนก็ทำไม่ได้... ทุกวันนี้แม้แต่กินข้าวก็ไม่รู้รส มีแต่กลิ่นยาเต็มปาก แต่ถึงจะเป็เช่นนี้ข้าก็ยังคงอ้วนขึ้นอยู่ดี... ”
เ้าอ้วนทำหน้าเศร้า ดูราวกับลูกสุนัขที่ถูกทุบตีจนได้เจอเ้าของมาช่วยชีวิตไว้ ท่าทางซาบซึ้งเสียขนาดนี้ ขาดแค่ยังไม่ได้ร้องไห้ออกมาเท่านั้นเอง
สีหน้าของลั่วถูปรากฏความเข้าอกเข้าใจขึ้นมาแล้ว แรกเริ่มเดิมทีเฝยเฝยไม่ได้อ้วนแต่อย่างใด เรียกได้ว่าหุ่นผอมบางทีเดียวเชียว เสียดายก็แต่เขาไม่ต่างอะไรกับลั่วถู รากิญญาไร้ประโยชน์เสียจนไม่มีโอกาสเปิดิญญาสำเร็จ มิหนำซ้ำพร์ด้านการปรุงยาก็เข้าขั้นวิกฤติ พอให้เฝ้าดูสวนยาก็ี้เี ด้วยเหตุนี้จึงไม่มีทางเลือก เหลือเพียงงานทดลองยาเท่านั้น
งานทดลองยาอย่างน้อยก็สบายกว่ามาก แถมยังผลตอบแทนสูง คนี้เีแถมยังไร้ประโยชน์คนหนึ่ง อย่างน้อยก็ยังพอมีประโยชน์ให้ใช้อยู่บ้าง เพียงแต่ร่างกายของเฝยเฝยในตอนนี้ดูประหลาดมาก หรืออาจเป็เพราะยาตัวใหม่ที่อาจารย์สร้างขึ้นมามีฤทธิ์สุดพิเศษ หลังจากเฝยเฝยทดลองกินยาพวกนี้ไปหลายครั้ง ร่างกายก็ดูเหมือนลูกโป่งถูกที่เป่าลมเข้าไปอย่างไรอย่างนั้น วันดีคืนดีก็บวมขึ้นมาเสียอย่างนั้น ถึงจะช่วยเหลือได้ทันเวลาและรักษาชีวิตไว้ได้ ก็ต้องกลายเป็คนอ้วนคนหนึ่งไปเสียแล้ว กลายเป็คนที่อ้วนง่ายคนหนึ่งไปโดยปริยาย
ต่อมาเมื่อเฝยเฝยทดลองยาได้ปกติดังเดิมแล้ว เมื่อกลับมาเริ่มทดลองไปได้สักครู่หนึ่ง ก็ต้องรอจนผอมลงมาเล็กน้อย จากนั้นค่อยเริ่มลองยาอีกครั้ง เพียงแต่ตอนนี้สนามรบฝานเหรินเปิดแล้ว ศิษย์พี่ศิษย์น้องจำนวนมากล้วนไปที่สนามรบฝานเหริน หรือไม่ก็ไปทำภารกิจต่างๆ ด้วยเหตุนี้เองในขุนเขาหนานตูก็เหลือคนทดลองยาแค่เฝยเฝยคนเดียว เฝยเฝยผู้น่าสงสาร แทบไม่มีเวลาได้พักผ่อน ต้องทดลองยาแทบตลอดเวลา จนตอนนี้แทบจะกลมจนกลายเป็ลูกแก้วลูกหนึ่งแล้ว
“อะไรนะ คนอื่นยังไม่ได้กลับมาอีกหรือ?” ลั่วถูถามอย่างใ บนขุนเขาหนานตูเดิมทีอาจารย์หลัวสู้มีลูกศิษย์สามคน ผู้ช่วยปรุงยาแปดคนและศิษย์รับใช้อีกหลายสิบคน แน่นอนว่าคนลองยาส่วนใหญ่ก็คือผู้ช่วยปรุงยานั่นเอง ศิษย์รับใช้ส่วนมากจะรับผิดชอบจัดการสวนยาสมุนไพรและทำอาหาร เฝยเฝยรู้ว่าที่ลั่วถูถามหมายถึงผู้ช่วยปรุงยาทั้งแปดคน อันที่จริงแล้วฐานะของลั่วถูก็แทบไม่ต่างจากผู้ช่วยปรุงยาคนหนึ่งสักเท่าไร เวลาส่วนใหญ่ก็ใช้ไปกับการเข้าร่วมกลุ่มทดลองยา
“กลับมาคนหนึ่ง แต่ว่าาเ็สาหัส ตายไปอีกสี่คน ได้ยินมาว่าโดนพิษปีศาจของเผ่าปีศาจเข้าไป แถมยังถูกตัดหัวอีกต่างหาก อีกคนที่ไม่มีข่าวคราว คนหลายคนที่ไปสนามรบ ก็มีเพียงเ้าที่กลับมาอย่างสมบูรณ์พร้อม... ” เฝยเฝยเอ่ยอย่างจนตรอก ใช่แล้ว ด้วยฐานะของพวกเขา คิดจะเข้าสู่สนามรบ โอกาสที่จะรอดชีวิตกลับมามันช่างน้อยนิดเหลือเกิน ดังนั้นเขาถึงยอมเป็ผู้ช่วยปรุงยาอยู่บนขุนเขาหนานตูเสียดีกว่า ถึงการทดลองยาจะอันตราย ทว่าเมื่อเทียบกับโอกาสตายในสนามรบก็ยังต่ำกว่ามาก อย่างไรเสียยาที่ทดลองนี้โดยปกติแล้วจะทดลองในลิงูเาและหนูมาก่อนแล้ว หากไม่มีฤทธิ์ร้ายแรงถึงจะให้พวกเขาทดลองต่อ แม้จะมีผลข้างเคียงบ้าง แต่ก็ไม่ถึงชีวิต บางครั้งผลข้างเคียงที่ว่าอาจมีประโยชน์บางอย่างที่คาดไม่ถึงก็เป็ได้
เมื่อได้ยินที่เฝยเฝยพูด ลั่วถูก็รู้สึกเสียใจอย่างอดไม่ได้ ไม่ว่าจะคนขนศพ หรือคนเก็บสมุนไพรในสนามรบฝานเหรินพวกเขาเป็เพียงแค่คนตัวเล็กๆ ในสนามรบ แต่ถึงกระนั้นก็ยังมีคนตายถึงสี่คนและาเ็สาหัสอีกหนึ่งคน
“อาจารย์ปรุงยาชนิดใหม่มาอีกแล้ว ในครั้งนี้ เ้าไปทดลองยาแทนข้าเถอะ... ”
“นี่ ข้าเพิ่งกลับส่งภารกิจเสร็จ ให้ข้าได้พักผ่อนสักสองสามวันหน่อยเถอะ... ” ลั่วถูได้แต่รู้สึกหดหู่เล็กน้อยในใจ ตอนนี้เขาไม่ได้ขาดเงินแล้ว เื่ทดลองยาก็ไม่ต้องพูดถึง เขาไม่คิดเสี่ยงอีก...
“ขอแค่ครั้งนี้ก็พอ สหายถ้าเ้าไม่ช่วยข้า ข้ากลัวว่าเศษยาที่สะสมในร่างกายของข้าคงทำให้ข้าะเิแน่ นี่มันเื่คอขาดบาดตายเลยนะ!” เฝยเฝยกล่าวออกมาอย่างหดหู่
“ไปดูกันก่อนเถอะว่าอาจารย์ปรุงยาอะไรออกมา!” ลั่วถูได้แต่ลอบถอนหายใจเล็กน้อย เป็อย่างที่เฝยเฝยกล่าว ตอนนี้ดูเหมือนว่าร่างกายของเข้าสู่จุดวิกฤติแล้ว ขนยังถูกยาฤทธิ์รุนแรงกัดกร่อนต่อ เกรงว่าร่างกายคงได้ะเิตายแน่!
……
ห้องยาของสำนักซินตันส่วนมากมักอยู่ในถ้ำบนเขา หลัวสู้แห่งขุนเขาหนานตูเองก็มีห้องยาเป็ของตัวเอง ต้องเข้าจากทางวิหารสู้ซินบนูเา หลังจากนั้นเดินตามทางของถ้ำคดเคี้ยวลงไป ลึกเข้าไปหลายสิบจั้ง จากนั้นเข้าไปในห้องหิน
ในห้องหินมีความร้อนสูงกว่าปกติ ราวกับถูกความร้อนบางอย่างปกคลุมมาเนิ่นนาน ลั่วถูรู้ว่าใต้สำนักซินตันมีเส้นชีพจรไฟอยู่ สำนักซินตันเขาสามสิบหกลูก ประกอบไปด้วยเจ็ดสิบสองถ้ำ แทบจะทุกที่ล้วนมีเส้นชีพจรไฟเชื่อมต่อไปถึงความร้อนใต้ผิวโลกได้ นำพลังเพลิงปฐีเข้าสู่ห้องยา เช่นนี้ถึงจะยังไม่เปิดิญญา ไม่อาจใช้พลังเพลิงต้นกำเนิดจากฟ้าดินได้ ก็สามารถปรุงยาระดับสูงขึ้นได้เช่นกัน นี่คือเป็ทรัพยากรที่ล้ำค่าที่สุดแห่งสำนักซินตัน
ในห้องหินมีควันลอยออกมาจากหม้อั์สูงจั้งกว่า มีเปลวไฟสีฟ้าเป็ดวงๆ ลุกไหม้อยู่ใต้หม้อ ชายวัยกลางคนสวมเสื้อผ้ามอซอทั้งหนวดทั้งผมเผ้ายาวรุงรังไปหมด ตาทั้งสองข้างแดงก่ำ ในมือถือหนังแพะขาดวิ่นไว้ชิ้นหนึ่ง เดินไปเดินมาในห้องหินไม่หยุด
“หญ้าตี้หวางสามจิน... สมุนไพรเชอจื่อหลี่หนึ่งลิตร... ” ชายวัยกลางคนหยุดเดินกะทันหัน จากนั้นกล่าวออกมาอย่างหนักแน่นทั้งที่ดวงตายังแดงก่ำทั้งสองข้าง จากนั้นศิษย์หลายคนก็นำยาสมุนไพรที่เตรียมไว้ออกมาอย่างรวดเร็ว เปิดฝาหม้อ นำสมุนไพรดังกล่าวเทลงไป และปิดฝาอย่างรวดเร็ว
“เร่งไฟขึ้นอีกสามส่วน!” ชายวัยกลางคนผู้นี้คืออาจารย์หลัวสู้ของลั่วถูนั่นเอง
ในสำนักซินตัน หลัวสู้นับว่าค่อนข้างมีชื่อเสียงไม่เบา อย่างน้อยในสามสิบหกูเาก็ถูกจัดว่าเป็สิบอันดับแรก ไม่ใช่เพราะระดับพลังของหลัวสู้แข็งแกร่ง แต่เป็เพราะหลัวสู้คือคนบ้าปรุงยาคนหนึ่ง เขาทำดีต่อศิษย์ของตัวเอง กับผู้ช่วย หรือกระทั่งศิษย์รับใช้ก็ทำดีด้วยอย่างมาก ทว่าสุดท้ายแล้วคนคนนี้ก็เป็แค่คนบ้ายาคนหนึ่ง
ถ้ากล่าวถึงพร์ด้านการปรุงยา หลัวสู้ไม่ใช่คนที่มีพร์สูงสุดในสำนักซินตัน แต่เพราะปรุงยาได้บ้าบิ่นและมีแนวทางอันเป็เอกลักษณ์
ลั่วถูไม่รู้ว่าหลัวสู้ที่แท้กำลังปรุงยาอะไรอยู่ แต่หากดูจากท่าทาง ข้างห้องหินมีกากยากับยาที่ผิดพลาด ก็รู้ว่าคงล้มเหลวมาหลายครั้งแล้ว และครั้งนี้ก็กำลังเริ่มใหม่อีกรอบ เพิ่งอยู่ในขั้นตอนเริ่มต้มยาเท่านั้น
“เฝยเฝย ครั้งนี้อาจารย์ปรุงยามานานแน่ไหนแล้ว... ” ลั่วถูกล่าวถามเสียงเบา
เฝยเฝยกล่าวด้วยรอยยิ้มเ็ป “วันนี้ก็วันที่สี่แล้ว ยังไม่ได้ออกจากห้องหินสักก้าว แทบไม่นอนไม่พักเลย... ”
“เกิดเื่อะไรขึ้น?” ลั่วถูขมวดคิ้ว สี่วันไม่นอนไม่พัก เกรงว่าตอนนี้ร่างกายของหลัวสู้คงถึงขีดจำกัดเข้าแล้ว วิธีปรุงยาเช่นนี้ไม่ต่างอะไรกับการเอาชีวิตตัวเองไปผลาญเล่นเลย
“อาจารย์ก่อนหน้านี้ได้ตำรับยาโบราณมา แต่มีส่วนขาดไป พอศึกษาไปได้หนึ่งเดือน ก็รู้สึกว่าอาจเติมส่วนที่หายไปได้แล้ว หลายวันมานี้จึงเอาแต่ทดลองตำรับยาที่เขาแก้ไขขึ้นมาตลอดว่าถูกต้องหรือไม่”
ลั่วถูมองไปที่ศิษย์ปรุงยาสองคนก็ดูจะเหนื่อยจนไม่ไหวแล้วเช่นกัน ราวกับร่างกายขาดน้ำอย่างหนัก เกรงว่าคงอดหลับอดนอนมาหลายวันเช่นกัน
“ศิษย์พี่โหยวกับศิษย์พี่หญิงเฉินเล่า พวกเขายังไม่กลับมาหรือ?” ลั่วถูคิดแล้วถามออกไป
“ยังไม่กลับมา พวกเขาไปช่วยอาจารย์หายาสมุนไพรชนิดหนึ่ง คาดว่าไม่เกินสองวันนี้น่าจะกลับแล้ว!”
“พวกเ้าทั้งสองไปพักผ่อนก่อนเถอะ ให้พวกข้าช่วยเอง!” ลั่วถูก้าวเดินออกไป และกล่าวกับศิษย์ทั้งสองคน
“ศิษย์พี่ลั่ว...” ศิษย์ทั้งสองเมื่อเห็นลั่วถูกับเฝยเฝยก็ยินดีอย่างสุดแสน พวกเขาทนต่อไปไม่ไหวแล้ว พออาจารย์เหนื่อยจนถึงขีดจำกัดก็กินยาเข้าไปเม็ดหนึ่ง จากนั้นพลันมีชีวิตชีวาขึ้นมา ทว่าไม่ใช่กับพวกเขา โชคดีที่หลัวสู้ยังให้เวลาพวกเขากินข้าว ขืนให้ทำเหมือนหลัวสู้แบบที่แม้แต่กินข้าวก็ไม่กิน เช่นนั้นเกรงว่าป่านนี้คงทรุดลงไปแล้ว
“โอ้ เ้ากลับมาแล้ว ดี เ้ามาคุมไฟ” เมื่อเห็นว่าลั่วถูกลับมาแล้ว สายตาของหลัวสู้ก็ปรากฏยินดีขึ้นทันที และไม่ได้พูดอะไรอีก ได้แต่เดินวนรอบหม้อขนาดั์และเคาะฝ่ามือไปบนหม้อปรุงยาเป็ระยะ
เมื่อได้เห็นฝ่ามือที่เคาะออกไป สายตาของลั่วถูก็แทบส่องประกายด้วยความยินดี ในตอนที่หลัวสู้เคาะมือลงไป เขารู้สึกได้ว่าราวกับในห้องหินนี้มีพลังธาตุเปลวไฟถูกดึงดูดเข้าหา ทุกการเคาะฝ่ามือไม่ได้ซับซ้อน แต่กลับทำให้พลังธาตุไฟรวบตัวเป็หนึ่งเดียวกันได้อย่างน่าอัศจรรย์ จากนั้นพลังธาตุไฟก็ถูกเขาเคาะใส่เข้าไปในหม้อยา
หลัวสู้ไม่ได้สังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของลั่วถูแต่อย่างใด จิตใจของเขาเอาแต่จดจ่ออยู่กับหม้อปรุงยาเพียงอย่างเดียว ราวกับว่าเขาสามารถรับรู้ถึงการกระบวนการหลอมยาในหม้อและสถานการณ์การปรุงยาได้จากการมองอยู่นอกหม้ออย่างไรอย่างนั้น
ภาพตรงหน้าเขาคือสถานการณ์ในหม้อปรุงยา... ทำเอาลั่วถูถึงกับตื่นตะลึง เพราะตอนนี้เขามองทะลุผนังทองแดงของหม้อปรุงยาใบหนาจนเห็นขั้นตอนการเปลี่ยนแปลงในหม้อปรุงยาได้อย่างชัดเจน
“นี่น่ะหรือการปรุงยา?” ในใจของลั่วถูเปี่ยมล้นด้วยความยินดี ฝ่ามือของหลัวสู้ได้นำเอาพลังธาตุอันไร้รูปร่างมาก่อร่างให้เกิดเป็รูปลักษณ์อยู่ในสมองของเขาและถ่ายทอดมันออกมาอย่างคลุมเครือ ลั่วถูรู้สึกวิชาฝ่ามือของหลัวสู้เหมือนยังมีจุดอ่อนอยู่มาก พลังธาตุที่รวบรวมได้ส่วนใหญ่กลับสูญเสียไปโดยเปล่าประโยชน์
“เพิ่มไฟขึ้นสามส่วน... เพิ่มเถาวัลย์เซวียเมิ่งเถิงหนึ่งฉื่อ... ” หลัวสู้กล่าวเสียงต่ำ เม็ดเหงื่อเริ่มผุดขึ้นบนหน้าผากของเขา เขารู้สึกว่าพลังไฟในหม้อยังคงไม่พอ หรืออาจเป็เพราะไฟในหม้อยังไม่สมดุลเท่าที่ควร ต่อให้เขาใช้พลังธาตุไฟใส่เขาไปในหม้อปรุงยาเท่าไร ก็ยังไม่อาจเติมเต็มสมดุลที่ขาดไปได้ ดังนั้นเขามีแต่ต้องเสี่ยงเพิ่มอุณหภูมิขึ้นไปอีก ใช้อุณหภูมิที่สูงขึ้นเพื่อหลอมตัวยาและสกัดความบริสุทธิ์ออกจากกากยาที่ยากจะหลอมได้อีกหลายชิ้น ทว่าเขารู้ดี เป็ไปได้มากว่ายาในหม้อครั้งนี้จะเป็ยาเสียอีกครั้ง เพราะก่อนหน้าเขาได้ลองเพิ่มอุณหภูมิไปแล้ว ทำให้ตัวน้ำยาบริสุทธิ์ชนิดอื่นๆ ก็พลอยถูกต้มมากขึ้นไปด้วย เมื่อถึงเวลานั้นสัดส่วนของยาก็เสียสมดุลอีกครั้ง ดังนั้นเขาต้องเพิ่มเถาวัลย์เซวียเมิ่งเถิงหนึ่งฉื่อ หวังจะใช้วิธีนี้รักษาสมดุลให้น้ำยาที่บริสุทธิ์ เพียงแต่เสียงของหลัวสู้เพิ่งพูดจบ ก็เห็นฝ่ามือข้างหนึ่งประทับลงไปบนหม้อยาเสียแล้ว...
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้