อย่าเห็นว่าสาวน้อยอย่างหลินหว่านหรูคนนี้มีท่าทางราวกับใจกว้างมาก เจียงไป๋สามารถยืนยันได้ว่า หากเขาตอบตกลงไป สาวน้อยคนนี้ก็จะแตกคอกับเขาทันที
ผู้หญิงหนอผู้หญิง … ช่างขี้หึงจริงๆ เจียงไป๋ยังคงคิดอย่างละเอียด
“แบบนั้นพี่จะตอบคุณป้าว่าอย่างไร? เพื่อเื่ของพี่ ท่านร้อนใจมาก ก่อนหน้านี้โทรศัพท์มาหาหนูบอกว่า แค่หลับฝันก็ล้วนอยากจะได้หลานไวๆ แล้ว”
เมื่อหลินหว่านหรูได้ยินคำพูดอย่างนี้ของเจียงไป๋แล้ว เห็นได้ชัดว่าดีใจ แต่ก็ยังคงเซ้าซี้ปัญหานี้อยู่
“แบบนั้นพี่ก็จะบอกท่านว่า ตอนนี้พี่มีแฟนแล้ว” เจียงไป๋คิดดูสักพัก แล้วตอบไปแบบนี้
“ใครหรือ?”
“เธอไง จะต้องเป็น้องสาวหว่านหรูของพี่แน่นอน พี่จะบอกกับแม่พี่เดี๋ยวนี้เลย ตอนนี้เธอเป็แฟนของพี่ … ท่านก็ชอบเธอมาั้แ่เด็กๆ แล้ว ถ้าได้ยินอย่างนี้ก็ต้องดีใจแน่นอน เื่นี้ก็ไม่ใช่ว่าจบเื่แล้วหรือ?” เจียงไป๋ตอบอย่างยิ้มแย้ม
“เชอะ! ใครเป็แฟนพี่”
คำพูดของเจียงไป๋ทำให้ใบหน้าของหลินหว่านหรูกลายเป็แอปเปิ้ลลูกหนึ่งไปเลย เธอกระทืบเท้าใส่เจียงไป๋ด้วยอาการหน้าแดงอย่างเขินอาย
แต่ก็ไม่ได้มีเจตนาที่จะจากไป และยิ่งไม่ได้โกรธ แต่มีแค่รอยยิ้มที่เขินอาย
“พี่ไม่ควรพูดอย่างนี้ หนูเคยรับปากกับแม่ของหนูไว้ว่า่มหาวิทยาลัยจะไม่มีความรัก หากให้ท่านรู้แล้วล่ะก็ จะต้องมาเทียนตูแน่นอน หนูไม่อยากให้ท่านมา รอให้หนูเรียนจบก่อนแล้วค่อยบอกก็ไม่สาย สำหรับเด็กสาวคนนี้ … พี่ควรจะไปพบนะ”
“ทำไม?” คราวนี้เจียงไป๋ไม่เข้าใจแล้ว
“เื่นั้น … เื่นั้น … หนูช่วยพี่นัดเธอแล้ว”
ครั้งนี้ถึงคราวหลินหว่านหรูอึดอัดบ้าง เธอบิดนิ้วมือไปมาพลางก้มหน้าแล้วพูดเบาๆ
ตอนที่พูดก็เงยหน้าขึ้นแล้ว เธอแอบมองเจียงไป๋แวบหนึ่ง กลัวว่าเจียงไป๋จะโกรธเพราะเื่นี้
จริงๆ แล้วเธอก็ไม่เข้าใจว่าก่อนหน้านี้เธอเองคิดอย่างไร คิดไม่ถึงว่าจะช่วยเจียงไป๋นัดผู้หญิงเองอย่างจับพลัดจับผลู
ตอนนี้คิดไปคิดมาก็เสียใจจริงๆ แต่เื่ก็ทำไปแล้ว จะให้เจียงไป๋ผิดนัดหรือ?
เห็นได้ชัดว่าเื่นี้ไม่ใช่ว่าหลินหว่านหรูจะทำได้ ดังนั้นจึงพูดไปอย่างนี้ ถึงแม้ภายในใจของเธอจะเสียใจมาก
“อะไรนะ? เธอนัดเขาไปแล้ว?”
เจียงไป๋ตะลึงงัน และไม่พูดอยู่นาน ไม่รู้ว่าควรจะพูดอย่างไรดีแล้ว
“เื่นั้น … เื่นั้น … ตอนนั้นหนูก็โกรธนิดหน่อย หนู หนูก็ไม่รู้ว่าคิดอย่างไร … อย่างไรหนูก็ช่วยพี่นัดเธอไปแล้ว นัดพบตอนสิบโมงเช้าวันนี้”
สีหน้าหลินหว่านหรูยิ่งแดงขึ้น ราวกับสุกงอมั้แ่ภายในสู่ภายนอก ส่วนหัวก็แทบจะมุดเข้าไปในหน้าอกแล้ว
เธอก็ไม่รู้เหมือนกันว่าก่อนหน้านี้ตนเองเป็อะไรไป พอได้ยินเื่ที่เจียงไป๋จะไปนัดบอดแล้ว ก็ตกลงไปเองอย่างจับพลัดจับผลู ทั้งยังนัดเวลาและสถานที่อีก
ตอนนี้คิดไปคิดมาแล้ว นั่นก็ล้วนเป็เื่ที่คนโง่มักจะทำกัน
เจียงไป๋ยืนกุมขมับอยู่ใต้ต้นไม้ที่เขียวชอุ่ม และมองหลินหว่านหรูอย่างจำใจอยู่นาน “ได้สิ ไหนเธอบอกมาว่าที่ไหน? พี่จะไปพบเขาสักหน่อย และพูดกับเขาให้มันชัดเจน”
“ร้านกาแฟตรงประตูมหาวิทยาลัย”
“ร้านไหน?”
“ทางซ้าย ร้านมู่ช่างที่เปิดใหม่”
“คราวหน้าจะให้ดีที่สุดอย่าทำอย่างนี้ ไม่อย่างนั้นคอยดูว่าพี่จะจัดการเธออย่างไร”
เจียงไป๋กลอกตาใส่หลินหว่านหรู มือข้างหนึ่งจับไปที่คอเล็กๆ ของเธอแล้วก็ส่ายไปมา ทำให้อีกฝ่ายหน้าแดงมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็เดินจากไปอย่างสบายใจ
และก็ไม่ได้ถามหลินหว่านหรูว่ายินยอมจะไปด้วยกันไหม
หากยินยอมจะตามก็ตามมา แต่หากไม่ยินยอมก็ไม่เป็ไร อย่างไรเจียงไป๋ก็รู้สึกว่าเื่นี้ไม่ใช่เื่ใหญ่อะไร
เดินผ่านทางเล็กๆ ที่มีต้นไม้ให้ร่มเงาในมหาวิทยาลัย เจียงไป๋มาถึงร้านกาแฟเปิดใหม่ตรงทางซ้ายของประตูหลังมหาวิทยาลัยเทียนตูแล้ว
ที่นี่ทำออกมาได้ไม่เลว ก่อนหน้านี้เคยมากับหลินหว่านหรูหนึ่งครั้ง เจียงไป๋ก็ถือว่าคุ้นทาง หาอยู่รอบหนึ่งแต่ก็ไม่พบคน มองดูนาฬิกาก็เก้าโมงห้าสิบนาทีแล้ว เจียงไป๋จึงถือโอกาสหาที่นั่งสักที่แล้วนั่งลง เขาสั่งชาหนึ่งแก้ว และหลับตาพักผ่อนอยู่ตรงนั้น
“เจียงไป๋?”
สิบกว่านาทีต่อมา เก้าอี้ที่อยู่ตรงหน้าของเจียงไป๋ถูกคนลากออกไป และเสียงที่ไพเราะเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
วินาทีต่อมา ผู้หญิงที่สวมชุดกระโปรงสีแดงสดคนหนึ่งได้นั่งอยู่ตรงหน้าของเจียงไป๋แล้ว
รูปโฉมของเธอก็ถือว่าใช้ได้ ถือว่าสะสวยอ่อนเยาว์ แต่แต่งหน้าจัดเกินไป เจียงไป๋ก็ไม่ชอบ
“ติงจวี?”
เจียงไป๋ลืมตาขึ้นฉีกยิ้ม หลังจากนั้นก็ยืนขึ้นจับมือทักทายอีกฝ่าย
แต่ที่ทำให้เจียงไป๋คิดไม่ถึงคืออีกฝ่ายกลับไม่ได้ทักทายเขาตามมารยาท เขายื่นมือออกไปค้างอยู่ตรงนั้นอยู่นานก็ไม่มีคนจับ ทำให้เขาต้องลูบคลำจมูกอย่างอึดอัด หลังจากนั้นก็นั่งลง
“จะดื่มอะไรสักหน่อยไหม?”
คิดไปคิดมา เจียงไปก็รู้สึกว่าถึงเขาจะไม่ชอบอีกฝ่าย แต่ก็ควรจะทำตามมารยาท นี่ก็เป็มารยาทพื้นฐาน อย่างไรเพื่อเื่นี้แม่ก็เป็กังวลไม่น้อย
“กาแฟ” อีกฝ่ายตอบอย่างฉับไว
เจียงไป๋รีบบอกบริกรทันที
หลังจากที่ทุกอย่างจัดการเสร็จแล้ว ติงจวีก็ปริปาก มือทั้งคู่กอดอกแล้วนั่งสังเกตเจียงไป๋ั้แ่หัวจดเท้าอยู่ตรงนั้น เธอพูดอย่างช้าๆ ว่า “ตอนนี้นายทำงานอะไร?”
“บรรณารักษ์ห้องสมุดของมหาวิทยาลัยเทียนตู”
เจียงไป๋คิดดูแล้ว จึงตอบไปอย่างนี้
เหมือนกับว่าเขาไม่มีงานมีการอะไรจริงจัง งานที่สามารถพูดได้เพียงอย่างเดียว เหมือนว่าจะมีแค่งานนี้แล้ว
“บรรณารักษ์? เงินเดือนเดือนละเท่าไร?”
ติงจวีขมวดคิ้ว
เดิมทีตอนที่เธอมาเมื่อครู่ก็เห็นเสื้อผ้าที่สวมใส่และการแต่งกายของเจียงไป๋แล้ว จึงสรุปว่าอีกฝ่ายก็ไม่ค่อยร่ำรวย ทั้งตัวรวมกันก็ไม่เกินห้าร้อยหยวนแน่นอน รวมนาฬิการาคาสองสามร้อยอีกหนึ่งเรือน?
นี่ก็ไม่สอดคล้องกับมาตรฐานของเธอแล้ว
แต่พอเห็นเจียงไป๋หน้าตาไม่เลว ดังนั้นจึงฝืนนั่งลง แต่พอได้ยินงานของเจียงไป๋แล้ว เธอก็ยิ่งไม่พอใจขึ้นมาทันที
“อ้อ หนึ่งพันแปด” เจียงไป๋คิดไปคิดมาแล้วตอบกลับไป
จริงๆ แล้วก็อยากจะบอกกับอีกฝ่ายว่า เธอจะถามมากมายทำไม ฉันไม่ชอบเธอ
ก็แค่ลองคิดดูว่า เพิ่งจะพบกันก็พูดอย่างนี้ คงจะไม่เหมาะสมอยู่บ้าง …
แต่ยังไม่ทันได้ให้เขาปริปาก ทางนี้ก็เริ่มพูดเป็น้ำไหลไฟดับแล้ว อย่างไรก็ไม่มีช่องทางให้เจียงไป๋ได้ปริปากพูด
“หนึ่งพันแปด? เทียนตูในตอนนี้ หนึ่งพันแปดจะทำอะไรได้? แม้แต่การใช้ชีวิตขั้นพื้นฐานก็ล้วนไม่สามารถรับประกันได้! ลูกผู้ชายคนหนึ่งอย่างนายทำไมไม่ออกไปหางานอื่น? ผู้ชายหากไม่มีเงินก็ไม่ใช่ปัญหา แต่ก็ไม่ใช่ว่าแม้แต่ความทะเยอทะยานก็ล้วนไม่มี งานเงินเดือนหนึ่งพันกว่านายทำได้อย่างไรกัน? นายคิดว่าพวกเราสองคนเหมาะสมกันหรือ?”
ติงจวีมองเจียงไป๋อย่างเยือกเย็นพลางพูด บนใบหน้ามีอาการเอือมระอา
“ไม่เหมาะสม!” เจียงไป๋รีบตอบ
แต่ไหนแต่ไรมาเขาก็ไม่คิดว่าตนเองเหมาะสมกับติงจวี จริงๆ แล้วเธอก็ไม่ใช่ในแบบที่เขาชอบ และก็ไม่ได้สวยจนทำให้มองข้ามทุกอย่างได้อย่างเย่ชิงเฉิง เป็ธรรมดาที่เจียงไป๋จะไม่สนใจเธอแม้แต่น้อย
“รู้ว่าไม่เหมาะสมยังถือว่านายรู้จักตัวเองอยู่ พูดจริงๆ เดิมทีฉันก็ไม่อยากจะมา แต่แม่ของนายมาขอร้องแม่ของฉันอยู่หลายครั้งแล้ว ฉันจึงให้โอกาสมาพบกับนาย คิดไม่ถึงว่านายจะทำให้ผิดหวัง กลับไปก็บอกกับแม่ของนายด้วย ต่อไปอย่าให้ท่านมารบกวนแม่ของฉันอีก จริงๆ แล้วฉันกับนายก็ไม่ใช่คนระดับเดียวกัน!”
ติงจวีแสยะยิ้ม และมองเจียงไป๋อย่างเยาะเย้ยพลางพูด ทั้งยังถือตัวสูงส่งมาตลอด และไม่ไว้หน้าเจียงไป๋แม้แต่น้อย
เดิมทีเจียงไป๋ก็ไม่ติดใจเอาความ แต่คำพูดสุดท้ายของอีกฝ่ายกลับทำให้เจียงไป๋โมโหอยู่บ้าง
เจียงไป๋ขมวดคิ้วเล็กน้อยและสังเกตติงจวีที่อยู่ตรงหน้าั้แ่หัวจดเท้า เขาพูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “ทำไมถึงไม่อยู่ในระดับเดียวกันล่ะ?”
“ฉัน ติงจวี! ปีนี้ยี่สิบสาม สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบสามเิเ จบการศึกษาระดับปริญญาตรี ตอนนี้เป็ผู้จัดการฝ่ายอาหารและเครื่องดื่มของโรงแรมว่านเหา เงินเดือนเดือนละแปดพัน ปกติแล้วคนที่ฉันติดต่อด้วยก็ล้วนเป็เศรษฐีระดับสิบล้านขึ้นไป คนที่คบค้าสมาคมด้วยก็ล้วนเป็ข้าราชการระดับสูงและหัวหน้าระดับสูง นายคิดว่าพวกเราสองคนเป็คนที่อยู่ในระดับเดียวกันหรือ? พูดจริงๆ เบลล์บอยของโรงแรมพวกเรายังมีรายได้มากกว่านายอีก!”
ติงจวีพูดอย่างหยิ่งผยอง
ตอนที่พูดก็เหมือนกับไก่ตัวผู้ที่ผยองตัวหนึ่ง เธอเงยหน้าทำท่าดูถูกเจียงไป๋
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้