บทที่ 58 การตอบโต้ของมดปลวก
บ้านหลังนี้ไม่ได้ใหญ่โตนัก เดินแค่ไม่กี่ก้าวก็พ้นลานบ้านแล้ว ในใจทูจื่อกับต้าเหมาพลันตื่นตระหนกเข้าเสียแล้ว เพราะตอนที่เขาเข้ามา ก็เจอเข้ากับศพของเถี่ยหนิวและพวกพ้องอีกคน ศพทั้งสองราวกับถูกใครบางคนจัดวางไว้ที่ทางเดิน จับให้นั่งพิงกำแพง บนอกมีรอยเืเปรอะไปหมด และหน้าตาก็ถูกไฟเผาจนไหม้ดำ แทบจะมองหน้าไม่ออกว่าใครเป็ใครด้วยซ้ำ
“เถี่ยหนิว... ” ต้าเหมามองสำรวจรอบด้านอย่างระมัดระวัง แต่กลับไม่พบเงาของลั่วถูเลย เขารีบสาวเท้าก้าวเดินไปหยุดอยู่ข้างศพทั้งสอง จากนั้นยืนมือออกไปตรวจสอบลมหายใจ ชายผู้น่าสงสารทั้งสองมีรูปลักษณ์เปลี่ยนไปเสียจนจำไม่ได้แล้ว ทำให้ในใจของเขารู้สึกหวาดระแวงอย่างหนัก
“ระวัง... ” ในขณะที่ต้าเหมายื่นมือออกไปเพื่อตรวจสอบลมหายใจ ทูจื่อกลับร้องใเสียงหลง วินาทีที่ต้าเหมาก้มตัวลงไป หนึ่งในสองศพกลับขยับขึ้นอย่างเฉียบพลัน ลำแสงเย็นเฉียบสายหนึ่งทะลวงเข้าสู่อกของต้าเหมาแม่นยำราวกับจับวาง ทะลุเข้าไปที่ตำแหน่งหัวใจพอดิบพอดี
“ต้าเหมา... ” ทูจื่อร้องเรียกอย่างโศกเศร้า ดาบในมือฟันออกไป ทว่าทางฝั่งต้าเหมาที่ร่างกายถูกยิงกลับดิ้นเสียจนบดบังทัศนวิสัยจนเขาผงะเล็กน้อย ฉากตัวหลบออกไปด้านข้างทันที แต่ขณะที่หลบไปด้านข้าง สายตากลับเห็นลูกศรสองดอกที่ราวกับถูกภูตผียิงออกมา อย่างกับคำนวณเส้นทางการถอยหนีทุกย่างก้าวของเขาไว้หมดแล้ว
“อ้าก... ” ทูจื่อกรีดร้องอย่างเ็ป ถึงเขาจะพลิกตัวหลบได้ทัน แต่ดาบในมือก็ฟันลูกศรได้เพียงดอกเดียว ทำเอามือของเขาถูกกระแทกจนชาไปหมดแล้ว ส่วนลูกศรอีกดอกก็ไม่รั้งรอแทงเข้าไปในร่างของเขาทันที ทุกอย่างเกิดขึ้นเพียงเสี้ยววินาที พวกเขาคาดไม่ถึงว่าศพที่ถูกเผาจนไหม้ดำกลับไม่ใช่พวกพ้องของตน แต่เป็เ้าเด็กที่ลอบเข้าไปในบ้านเมื่อครู่นี้ต่างหาก ฝุ่นที่เปรอะเปื้อนเต็มตัวกับใบหน้าสีดำสนิททำให้พวกเขามองหน้าตาไม่ออก เมื่อเห็นท่าทางของศพทั้งสองที่นอนอยู่บนพื้น พวกเขาก็ทึกทักไปเองว่าคงเป็เถี่ยหนิวและพวกพ้องของเขา
“อั่ก... ” พอทูจื่อถูกยิง แถมศพของต้าเหมาก็ร่วงมาทับร่างของเขาอีก ภายใต้ความเ็ปแสนสาหัสเขาพยายามยื่นมือออกไปหวังดันศพของต้าเหมาออกออกจากร่าง ทว่าในตอนนั้นเองหมอกสีแดงกลับปรากฏกายขึ้นตรงหน้าของเขา
“อ้าก... ” ทูจื่อหลับตาทันที แต่หมอกสีแดงกลับเข้าตาของเขาอย่างจัง ความเ็ปเกินบรรยายทำเอาเขาถึงกับน้ำตาร่วง ความรู้สึกแสบร้อนทำให้เขาได้แต่กรีดร้องโหยหวนออกมาอย่างห้ามไม่อยู่
“ทูจื่อ... ต้าเหมา... ” เด็กหนุ่มผิวซีดกระทืบหลังคาเพื่อให้ตัวเองทะลุลงจาก้าเข้าสู่ในตัวบ้านทันที เขาได้ยินเสียงกรีดร้องของต้าเหมากับทูจื่อเต็มสองรูหู แล้วอย่างนี้จะให้เขาทนเฉยอยู่ได้อย่างไร ทว่าเมื่อพุ่งตัวเข้าไป ก็เจอเข้ากับร่างกายของทูจื่อกำลังชักดิ้นชักงออยู่ตรงหน้า บนร่างถูกลูกศรราวสี่ห้าดอกแทงจนพรุน มีดอกหนึ่งยิงเข้าที่ศีรษะ ดอกหนึ่งยิงเข้าที่หัวใจ แถมด้วยร่างของต้าเหมาถูกดาบแทงทะลุร่าง
ในใจของเด็กหนุ่มผิวซีดทั้งโกรธแค้นทั้งหวาดระแวงอย่างไม่อาจเอื้อนเอ่ย
“อ้าก... อั่ก... ” ขณะที่เด็กหนุ่มผิวซีดพุ่งตัวเข้าไปในห้อง หวังค้นหาตำแหน่งของลั่วถู กลับต้องได้ยินเสียงกรีดร้องอย่างสิ้นหวังดังมาจากภายนอก หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นทันที พลางนึกไปถึงพวกพ้องอีกสองคนที่ไปไล่ตามหลูิ่ชง แถมหนึ่งในนั้นเป็ถึงศิษย์าขั้นสองเสียด้วยซ้ำ...
“นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่... ” เด็กหนุ่มผิวซีดในเวลานี้เริ่มเกิดความคิดอยากล่าถอยขึ้นมาแล้ว เขาไม่รู้ว่าด้านนอกเกิดอะไรขึ้น ระดับความสามารถของหลูิ่ชงตัวเขาย่อมรู้ดีอยู่แล้ว ถึงจะวิ่งเร็ว ทว่าพลังการสู้รบนั้นเมื่อเทียบกับลูกน้องของเขา ก็เป็เพียงไก่อ่อนเท่านั้น แต่ตอนนี้เสียงที่เขาได้ยินไม่ใช้เสียงร้องของหลูิ่ชง แต่เป็เสียงของพวกพ้องของเขาทั้งสองคนต่างหาก กลุ่มของพวกเขาเจ็ดคน เพียงในเวลาไม่ถึงหนึ่งถ้วยชากลับเหลือเพียงเขาคนเดียว
“ออกมา... ไสหัวของเ้าออกมา!” เสียงของเด็กหนุ่มผู้นั้นะโออกมาอย่างบ้าคลั่ง
“เอี๊ยด แอ๊ด... ” เสียงเบาๆ เสียงหนึ่งดังขึ้นไม่ไกล ประตูใหญ่ถูกคนเปิดออก เด็กหนุ่มผิวซีดถึงกับใ รีบพุ่งตัวเผ่นออกไปนอกบ้าน จากนั้นเขาถึงได้เห็นเงาของร่างที่คุ้นเคย สวมเสื้อขาดๆ หน้าดำเหมือนกับถูกไฟเผามาอย่างไรอย่างนั้น ร่างนั้นยืนอยู่ในสนาม ในมือหนึ่งถือหน้าไม้แกร่ง และอีกมือถือดาบยาวอยู่เล่มหนึ่ง ร่างนั้นคือลั่วถูคนที่เขาตามหาจนแทบพลิกบ้านก็หาไม่เจอ แต่ตอนนี้ข้างกายลั่วถูกลับมีสตรีโฉมงามนางหนึ่งยืนเคียงข้าง ช่างดูสดใสสะอาดตา ราวกับราวกับบุปผาบานสะพรั่ง ยืนสงบนิ่งอยู่ข้างลั่วถู นุ่มนวลและอ่อนโยนอย่างยากจะอธิบาย สิ่งเดียวที่ทำลายความงดงามของสตรีนางนี้คือดาบเปื้อนเืในมือของนาง กับหน้าไม้แกร่งที่ใส่ลูกศรพร้อมยิง
และไม่ไกลจากลั่วถู ร่างของหลูิ่ชงและลูกน้องอีกสองคนของเขานอนอยู่ที่พื้น เป็ตายไม่อาจรู้ มีเพียงเืสดไหลนอง พื้นจนกลายเป็บ่อเืขนาดย่อมบ่อหนึ่งไปแล้ว
“ทีนี้จะตอบข้าได้หรือยังว่าเ้าเป็ใคร?” น้ำเสียงของลั่วถูแฝงไปด้วยความเย็นะเืหลายส่วน ในสายตาปรากฏความดูถูกอย่างชัดเจน แม้คนกลุ่มนี้จะเปิดิญญาแล้ว แต่กลับไร้ประสบการณ์สู้รบของจริง หากเทียบกับลั่วถูที่ดิ้นรนเอาชีวิตชีวิตรอดในสนามรบฝานเหริน นับว่ายังห่างไกลยิ่งนัก
บวกกับเื่ที่ลั่วถูถึงจะยังไม่ได้เปิดิญญา แต่ร่างเนื้อผ่านการเปิดิญญามาแล้วถึงเจ็ดครั้ง และทุกครั้งจะแข็งแกร่งยิ่งกว่าครั้งที่แล้ว จนถึงตอนนี้อาศัยเพียงพละกำลังก็ไม่ด้อยไปกว่าศิษย์าขั้นหนึ่งแล้ว ดังนั้นหากต้องสู้สุดกำลัง ขอแค่ไม่โดนล้อมไว้เหมือนเมื่อครู่ การสังหารพวกเขาก็ง่ายเสียยิ่งกว่าง่าย แต่สิ่งที่ทำให้ลั่วถูต้องประหลาดใจ คือเ้าสองคนด้านนอกกลับถูกเจียงิ่จัดการเสียเรียบร้อย นี่ทำให้เขาต้องมองเจียงิ่ใหม่เสียแล้ว
“ไอ้บัดซบเอ๊ย!” สีหน้าของเด็กหนุ่มผิวซีดกลับซีดยิ่งกว่าเดิม เมื่อมองไปยังคู่บุรุษสตรีตรงหน้า ในใจของเขากลับรู้สึกประหลาดอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่รู้สึกถึงลมปราณของผู้เปิดิญญาบนร่างของคนทั้งสองแม้แต่น้อย ทว่าฝ่ายตรงข้ามกลับยื่นสงบนิ่งอยู่ตรงนั้น ราวกับโลกถูกพลิกกลับอย่างไรอย่างนั้น
“อยู่ต่อหน้าพลังที่แท้จริงแล้ว เล่ห์เหลี่ยมกลลวงล้วนเป็เพียงหมอกควัน เ้าคิดว่าเ้ามีคุณสมบัติพอจะถามว่าข้าเป็ใครอย่างนั้นหรือ?” เด็กหนุ่มผิวซีดทำให้ใจของตัวเองให้สงบลง ใช่แล้ว ถึงเมื่อครู่เด็กหนุ่มตรงหน้าอาจสังหารลูกน้องของเขาไปหกคน เขาถามกับตัวเองว่าถ้าเป็เขาลงมือ ก็คงไม่ทำได้ในเวลาอันสั้นเช่นนี้แน่นอน ทว่าฝ่ายตรงข้ามกับทำได้อย่างง่ายดาย แต่เขาเชื่อว่าเป็เพราะฝ่ายตรงข้ามต้องใช้เล่ห์เหลี่ยมกลโกงเป็แน่ เขาเชื่อวางตอนนี้อีกฝ่ายคงงัดสารพัดกลโกงออกมาใช้จนหมด และการที่เขายังอยู่ในบ้านหลังนี้ย่อมเสี่ยงจะติดกับดักของอีกฝ่ายอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ศัตรูกลับเลือกทิ้งตำแหน่งที่ตัวเองได้เปรียบดันไปยืนอยู่กลางลานเสียได้ เขาเชื่อว่าด้วยพลังของตัวเขาต้องสังหารฝ่ายตรงข้ามได้แน่นอน
“จริงหรือ? อะไรเรียกว่าพลังอำนาจที่เด็ดขาด? อย่างเ้าน่ะหรือ? ศิษย์าขั้นสาม ก็พอจะฟังดูน่ากลัวนิดหน่อย แต่ข้าต้องกลัวเ้าด้วยหรือ?” ลั่วถูหัวเราะเยาะเย้ย สำหรับเขาศิษย์าขั้นสามก็ไม่เห็นเท่าไร เขาเคยสังหารจินต้าจง สังหารจูฟังชงมาแล้ว ไหนจะยังม่อฉงกับลั่วเหยียนอีก กระทั่งอัจฉริยะเผ่าปีศาจแห่งตระกูลเยี่ย เยี่ยตง ในบรรดาคนที่ว่ามาไม่มีใครดูอ่อนแอกว่าเ้าหนุ่มผิวซีดตงหน้าสักคน ดังนั้นกับศิษย์าขั้นสาม เขาคิดอยากลองท้าทายขีดจำกัดของตัวเองดูสักทีเหมือนกัน
“ก็พอสังหารเ้าแล้วกัน!” เด็กหนุ่มผิวซีดกล่าวเสียงเ็า ละทิ้งลังเล พุ่งตัวเข้าใส่ซึ่งๆ หน้าว่องไวเสียราวกับพายุ
“ฟุ่บ ฟุ่บ... ” เสียงยิงศรดังขึ้น หน้าไม้ในมือของลั่วถูยิงออกไปแล้ว แต่ราวกับเด็กหนุ่มผิวซีดเองก็คาดการณ์เื่นี้ไว้แล้วเช่นกันร่างกายเอี้ยวตัวเล็กน้อย ลูกศรก็ผ่านหน้าของเขาไปอย่างง่ายดาย จากนั้นตีลังกากลับหลังขณะทั้งที่ร่างกายของเขากำลังพุ่งไปข้างหน้า ลั่วถูยังไม่ทันใส่ลูกศรดอกที่สอง เขาก็เข้าประชิดตรงหน้าของลั่วถูเสียแล้ว
“ฟุ่บ... ” ร่างของลั่วถูหลบไปด้านข้าง ดาบอิงฮวาในมือสะบัดฟาดฟัน ดูเผินๆ ไม่ต่างอะไรกับฟันโดยไม่มีรูปแบบ ถึงกลับฟันโดนแต่ความว่างเปล่าเสียด้วยซ้ำ
สีหน้าของหนุ่มผิวซีดกลับดูน่าเกลียดผิดปกติ ร่างกายที่เดิมพุ่งไปทางลั่วถูชะงักทันที ถึงกลับะโกลิ้งไปด้านข้างแทน
ดาบนั้นของลั่วถู ราวกับคาดการณ์รูปแบบการเคลื่อนไหวของเขาไว้หมดแล้ว หากเขาไม่เปลี่ยนกระบวนท่าเมื่อครู่ เกรงว่าคงชนเข้ากับดาบของลั่วถูไปแล้ว ถึงแม้เด็กหนุ่มผิวซีดจะอยากสังหารลั่วถูเพียงไร แต่ก็ไม่ได้คิดจะตายตกตามกันแน่นอน เขาเป็ถึงศิษย์าขั้นสาม จะเที่ยวไปแลกชีวิตกับคนธรรมดาคนหนึ่งได้อย่างไร เพราะแบบนั้นเขาถึงจำต้องเปลี่ยนกระบวนท่าอย่างน่าอับอาย
เมื่อดาบของลั่วถูฟันไปที่ความว่างเปล่า เ้าตัวก็ถอยไปก้าวหนึ่ง ลูกศรดอกหนึ่งบนหน้าไม้ถูกยิงออกไปอีกครั้ง
ลูกศรที่ทะยานเข้าใส่กลับมีเปลวไฟติดอยู่ด้วย ความเร็วสูงเสียกว่าศรดอกก่อนหน้านี้โข
“ลูกศรอาคม... ” เด็กหนุ่มผิวซีดถึงกับหน้าเปลี่ยนสี
“เคร้ง... ” เสียงเหล็กกระทบกันดังขึ้น ร่างของเด็กหนุ่มผิวซีดดีดตัวกลับไปด้านหลังราวจั้งกว่า และลูกศรอาคมดอกนั้นพลันะเิเปลวไฟออกมา จากนั้นร่วงลงพื้นไป ทว่าหนุ่มผิวซีดกลับรู้สึกได้ว่าฝ่ามือขอตนชาวาบไปเล็กน้อย ถึงดาบในมือของเขาจะสกัดลูกศรดอกนั้นไว้ได้ แต่ก็กินแรงอยู่ไม่น้อย
“ไหนเล่าพลังที่แท้จริงของเ้า?” น้ำเสียงที่แฝงไว้ซึ่งอารมณ์หยอกล้ออยู่หลายส่วนของลั่วถูดังไปถึงหูของเด็กหนุ่มผิวซีด
พลังของลั่วถูไม่มีทางเทียบกับเด็กหนุ่มผิวซีดได้จริงดังอีกฝ่ายว่า อย่างไรเสียฝ่ายตรงข้ามก็เป็ถึงศิษย์าขั้นสาม แต่เขาไม่คิดจะแข่งพลังกับฝ่ายตรงข้ามั้แ่แรกแล้ว ในดวงตาของเขาแฝงไว้ด้วยพลังิญญาแสนประหลาดสายหนึ่ง ทำให้เขาอ่านการเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้ามได้อย่างชัดเจน ขอเพียงดาบในมือของเขาคมพอ เช่นนั้นก็ทำลายการโจมตีของฝ่ายตรงข้ามได้แล้ว ั้แ่แรกจนจบเขาบังคับฝ่ายตรงข้ามให้อยู่ห่างจากเขาในระยะปลอดภัย และด้วยระยะห่างนี้ หน้าไม้ในมือของเขาจะสำแดงพลังทำลายล้างได้เยี่ยมยอดที่สุด
สีหน้าของหนุ่มผิวซีดเดี๋ยวเขียวเดี๋ยวขาว ทางด้านลั่วถูมือหนึ่งถือดาบ มือหนึ่งถือหน้าไม้ ทว่ากลับดูสมดุลอย่างบอกไม่ถูก กลายเป็ว่าเขามีแรงแต่ไม่รู้จะใช้อย่างไรดี ภายใต้สถานการณ์ที่ตกเป็ฝ่ายถูกกระทำอย่างเหลือเชื่อ ความรู้สึกนี้ทำให้เขาอยากะโออกมาดังๆ ด้วยความโมโห ตัวเขาเป็ถึงศิษย์าขั้นสาม แต่กลับไม่รู้จะจัดการกับขยะที่ยังไม่เปิดิญญาได้อย่างไร ช่างเป็ความอัปยศครั้งใหญ่หลวงนัก
นิยายแนะนำจากท่านเทพเทียนเป่าตี้